WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซียไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
 
กลยุทธ์วันนี้ >> Stay in Domestic Play
 
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways สร้างฐานตามคาด โดยปิดบวกเล็กน้อย 2.02 จุด และมูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 3.3 หมื่นลบ.เนื่องจากไร้ปัจจัยบวกใหม่และมีหลากหลายประเด็นที่ต้องติดตาม สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิ 636 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิบางลงเหลือเพียง 188 ลบ. (แต่พลิกมา Short ใน Index Futures 6.2 พันสัญญา) 
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะยังคงแกว่งตัว Sideways สร้างฐานต่อเนื่องหลังยังไร้ปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน นักลงทุนต่างยังจับตาประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและชาติต่างๆ รวมถึงแผนการเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านเหรียญซึ่งจีนพร้อมจะตอบโต้ทันที ขณะที่ปลายสัปดาห์นี้ต้องติดตามการประชุม BoE และ ECB ว่าจะส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินต่อไปอย่างไร ซึ่งจากความไม่แน่นอนในปัจจัยฝั่งต่างประเทศ เราจึงยังคงเน้นให้ลงทุนในหุ้นกลุ่ม Domestic Play ที่คาดว่าจะยังปลอดภัยและเคลื่อนไหวได้แข็งกว่าตลาดจากภาพรวมเศรษฐกิจและการเมืองที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ 
กลยุทธ์ : ยังเน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือนก.ย. : ASK, CHG, CK, CPALL, PRM 
 
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$209ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$124ล้าน ขณะที่ไหลออกฟิลิปปินส์ US$16ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$6ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคเนื่องจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
 
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> SEAFCO <<
 
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 10 บาท
คาดกำไร 2H18 พุ่งแรงทั้ง H-H และ Y-Y จากการรับรู้โครงการใหญ่เช่น One Bangkok และรถไฟฟ้าทั้งสายสีส้มและชมพู โดยตอนนี้มีงานในมือทั้งหมด 2.8 พันลบ. คาดรับรู้ทันปีนี้ 1.5 พันลบ.
จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ทำได้ดีกว่าคาด เราจึงปรับกำไรปีนี้ขึ้นเป็น 305 ลบ. +45% Y-Y โตแรงสุดในรอบ 4 ปี
PE2018 อยู่ที่ 18 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 22 เท่า
 
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กลุ่มอสังหาฯ คาดกำไร 2H18 จะโตโดดเด่นทั้ง H-H และ Y-Y จากแผนเปิดตัวโครงการมูลค่ารวมกว่า 2.5 แสนลบ. มากกว่า 1H18 ถึง 2.5 เท่าตัว อีกทั้ง ยังเป็นช่วงที่มีการรับรู้โครงการแนวราบ และการโอนคอนโดฯ หลายแห่ง เราคาดกำไรปกติปี 2018 ของกลุ่มโต 11% Y-Y อยู่ที่ 3.8 หมื่นลบ. และคาดโตอีก 8% Y-Y อยู่ที่ 4 หมื่นลบ. ในปี 2019 ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นที่กำลังจะมา คาดว่าจะกระทบกับ PSH และ LPN มากที่สุด เพราะเน้นตลาดกลางล่าง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อจากแบงก์สูงอยู่แล้ว ส่วนผู้เล่นในตลาดกลางบนทั้ง LH QH SC AP ORI SIRI SPALI กระทบน้อยกว่า ซึ่งอดีตที่ผ่านมา แนวโน้มดอกเบี้ยไม่สัมพันธ์กับดัชนีกลุ่มอสังหาฯมากนัก เมื่อเทียบกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันยังเป็นขาขึ้น เราให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มเป็น Overweight แนะนำซื้อ ORI ราคาเป้าหมาย 25.40 บาท (หรือ 16.80 บาท หลังขึ้น XD หุ้นปันผล) และ QH ราคาเป้าหมาย 3.90 บาท
(+) KKP คงคำแนะนำซื้อ โดยเราปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 90 บาท เราคาดว่าผลการดำเนินงาน 2H18 จะน่าสนใจกว่า 1H18 โดยเฉพาะใน 4Q18 ซึ่งคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะเป็น Catalyst หนุนผลกำไรได้ราว 16-20% จากไตรมาสปกติ เราคาดว่า KKP จะรับรู้รายได้จาก TFFIF เฟส 1 ราว 100 ลบ. และยังมีดีลการจำหน่ายหุ้น IPO ขนาดใหญ่ของปีนี้คือโอสถสภาในช่วงเวลาเดียวกัน เราปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น 3% เป็น 6.2 พันลบ. (+7.6%Y-Y) โดยเป็นการปรับการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมจาก 8% เป็น 14% ส่วนประมาณการกำไรปีหน้าเท่าเดิมที่ 6.4 พันลบ. (+4%Y-Y) ขณะที่ เงินปันผลงวด 2H18 คาดจ่ายอีก 3 บาท/หุ้น รวมเป็นทั้งปี 5 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนราว 7% ต่อปี
(+) PRM จากการวิเคราะห์ผ่านโปรแกรม Finansia Hero เราพบว่า PRM ยัง Underperform กลุ่มเดินเรือในจังหวะการฟื้นตัว (ปรับขึ้นน้อยกว่า PSL) ทั้งที่ช่วงขาลง Outperform กลุ่มมาตลอดทาง ขณะที่ การเคลื่อนไหวของค่าระวางเรือขนส่งน้ำมันแบบ VLCC เริ่มเป็นบวกมากขึ้น โดยฟื้นตัว 5% M-M ใกล้เคียงกับ BDI อีกทั้ง เราคาดว่าผลประกอบการ 2H18 จะ Outperform กลุ่มอย่างมาก โดยคาดกำไรสุทธิ +125% Y-Y อยู่ที่ 660 ลบ. ส่วนทั้งปีคาด 1,000 ลบ. +39% Y-Y ยังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท  
(+) SYNEX วันนี้มีประชุม Opp Day ของทั้งกลุ่ม TKS เราคาดว่าผู้บริหาร SYNEX จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดได้มากขึ้น ว่าแนวโน้ม 2H18 จะกลับมาโตแรง ด้วยเงื่อนไข (1) ฐาน 2H17 ที่ต่ำมาก (2) มีสินค้าใหม่เข้ามาขายมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Apple (3) ไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษทั้งกลับรายการของ BAF และกำไรจาก Fx ที่ลดลงเหมือน 2Q18 เรายังคาดกำไรทั้งปีนี้ +20% Y-Y เป็น 750 ลบ. PE2018 ยังต่ำเพียง 13 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 16 เท่า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท
 
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
 
13 ก.ย.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
 
           - ยูโรโซน: ประชุม ECB
 
           - อังกฤษ: ประชุม MPC
 
19 ก.ย.- ไทย: ประชุม กนง.
 
25 ก.ย.- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.25%
 
(-) ตลาดดาวโจนส์ปรับตัวลง จากแรงกดดันของหุ้นในกลุ่ม FAANG และหุ้น Boeing จากความกังวลเรื่องสงครามทางการค้า หลังปธ.ทรัมป์ออกมาพูดว่าสหรัฐอาจเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก
(+) ภาพรวมตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น หลังจากมีความเป็นไปได้ที่การเจรจา Brexit จะออกมาดีกว่าที่คาด
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น หลังตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 2 ของญี่ปุ่น ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 3% Y-Y รวมไปถึงโอกาสที่สหรัฐจะเข้าพบเกาหลีเหนือรอบที่ 2 ในเร็วๆนี้
(0) ค่าเงินบาททรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.84 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 0.21 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 67.54 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขการผลิตของ OPEC ในเดือนสิงหาคมที่เพิ่มขึ้น แม้จะรวมผลประทบจากอิหร่านไปแล้วก็ตาม
(-) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวลง ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 5.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ลดลง 0.60 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1193.00 ดอลลาร์/ออนซ์
 
Contact person : Jitra  Amornthum  Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com   
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES    LINE : @fnsyrus
OO13635

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!