WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Rebound
     ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปรับฐานหลุด 1,570 จุด มาอยู่ที่ 1,565.41 จุด ลบ 13.71 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,025 ล้านบาท
     ด้านกระแสเงินทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 872 ล้านบาท กลับมาซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 340 ล้านบาท แต่คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 มากถึง 4,564 สัญญา กระแสเงินทุนต่างชาติน่าสนใจในการซื้อสุทธิตลาดหุ้น แต่คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures อาจตีความว่าเป็นการ Hedging พอร์ตการลงทุน เมื่อ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 4.98 จุดวานนี้
      สำหรับ ทิศทางตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปรับฐานลงแรงกว่าที่ MBKET ประเมิน แนวรับ 1,570 จุดหลุดในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขาย โดยเป็นการปรับพอร์ตของพอร์ตโบรกเกอร์ (Prop Trade) เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปยังธนาคารขนาดใหญ่ 5 แห่ง ด้วยวงเงิน 5.0 แสนล้านหยวน ส่งสัญญาณทางการจีนพร้อมเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ กลายเป็นจุดที่ทำให้ตลาดหุ้นในเอเชียเช้าวันนี้ฟื้นตัวเด่น น่าจะรวมถึงตลาดหุ้นไทยให้ฟื้นตัวกลับมาแกว่งเหนือ 1,570 จุด เพื่อรอดูผลการประชุมเฟดในคืนนี้ ต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate จะปรับเปลี่ยนเร็วกว่าที่ตลาดกังวลไว้ที่กลางปี 2558 หรือไม่
ขณะที่การประชุม กนง. วันนี้ MBKET และตลาดต่างคาดว่า กนง.จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันไว้ที่ 2.0% เช่นเดิม และจะคงอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้

       กลยุทธ์การลงทุน MBKET ยังคงแนะนำให้นักลงทุน ทยอยสะสมหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร และกลุ่มที่อยู่อาศัย เพื่อได้ประเด็นบวกจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่เก็งกำไรกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ต่อแผนการลงทุนขนาดใหญ่ ทั้งด้านคมนาคม และแผนบริหารจัดการน้ำที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ รัฐมนตรีว่าการ
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” PCA/ ERW
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC/ TRUE
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Speculative buy: PCA/ ERW

Action and Stock of the Day
SET INDEX หลุด 1,570 จุด

      คาด SET INDEX ฟื้นตัวกลับมายืนเหนือ 1,570 จุด เพื่อรอดูผลการประชุมเฟดในคืนนี้
ธนาคารกลางจีนอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินเข้า 5 ธนาคารขนาดใหญ่ วงเงิน 5.0 แสนล้านหยวน

     ดังนั้น กลยุทธ์ ทยอยสะสมหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / รับเหมาก่อสร้าง เพื่อเก็งกำไรต่อแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล
     ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปิดลบเป็นส่วนใหญ่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากการขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นในจีน เพื่อสำรองเงินในการจองซื้อหุ้น Alibaba ของจีน
ด้านตลาดหุ้นไทย แกว่งในกรอบแคบ 1,575-1,585 จุดต่อเนื่องอีกวัน แม้ว่าภาวะการลงทุนรอบเอเชียจะเป็นการปรับฐานลงก็ตาม โดยหุ้นหลักในกลุ่ม ICT / PTT จะยังเป็นกลุ่มที่ช่วยประคองตลาดหุ้นไทยในภาพรวม ขณะที่มีแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางและเล็กอย่างโดดเด่น เช่น XO, GRAND, PCA เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เกิดแรงขายปิดความเสี่ยงในช่วงท้าย กด SET INDEX หลุดแนว 1,570 จุด ลงมาปิดที่ 1,565.41 จุด ลบ 13.71 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 47,025 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดลบแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่มเหมืองแร่ -3.27%, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง -2.49% และกลุ่มโรงพยาบาล -2.10% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร -1.23% กลุ่มพลังงาน -0.56% และ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -0.61%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.24 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวกสอดคล้องกับ DJIA คืนวานนี้ หลัง ธนาคารกลางจีน อัดฉีดสภาพคล่อง 5.0 แสนล้านหยวนใน 5 ธนาคารขนาดใหญ่ของจีน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับฐานลงแรงกว่าที่ MBKET ประเมินไว้ โดย SET INDEX หลุดแนว 1,570 จุดในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขายวานนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อปัจจัยต่างประเทศเปลี่ยน ธนาคารกลางจีน ตัดสินใจอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินเข้า 5 ธนาคารขนาดใหญ่วงเงิน 5 แสนล้านหยวน ส่งผลให้ DJIA กลับมายืนเหนือ 17,000 จุด คืนวานนี้ และเชื่อว่าตลาดหุ้นในเอเชียเช้าวันนี้จะตอบรับในเชิงบวก รวมถึง SET INDEX จะเกิด Technical rebound กลับมายืนเหนือ 1,570 จุด เพื่อรอฟังผลการประชุมเฟดในคืนนี้ อีกทั้ง SET INDEX ปรับฐานแกว่งในกรอบตลอด 6 วันทำการ รวมทั้งสิ้น 19.56 จุด หรือ 1.22% น่าจะสะท้อนความกังวลต่อโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงกลางปี 2558 ไปพอสมควรแล้ว
และเป็นที่น่าสนใจว่า นักลงทุนต่างชาติ สะสมหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาของการปรับฐานตลอด 3 วันที่ผ่านมา สะท้อนมุมมองต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยระยะกลางยังคงน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อภาพเศรษฐกิจใน 2H57 ส่งสัญญาณฟื้นตัวลักษณะ V-Shape บวกกับเศรษฐกิจที่จะเติบโตแข็งแกร่งในปี 2558 ราว 3.5-4.5% ตามที่ ธปท.ประเมินไว้ล่าสุด ขณะที่นักลงทุนกลุ่มนี้ลดน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทยมาตลอดนับตั้งแต่ปี 2556 จนถึงวานนี้ ขายสุทธิไปแล้วทั้งสิ้น 2.08 แสนล้านบาท เทียบกับ SET INDEX ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 20.54% YTD ในปีนี้ MBKET เชื่อว่า นักลงทุนต่างชาติ ต่างรอจังหวะการเข้าสะสมหุ้นไทย หากตลาดหุ้นปรับฐานลง จากแรงขายทำกำไร ในบางช่วงบางจังหวะ
อย่างไรก็ตามผลการประชุมเฟดในคืนนี้ MBKET ประเมินว่า
•หากประธานเฟด ส่งสัญญาณ พร้อมพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate จากปัจจุบัน 0.25% ในช่วงกลางปีหน้า หากภาพรวมเศรษฐกิจ การจ้างงาน ขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองในต่างประเทศ คลายตัวลง ซึ่งเป็นความเห็นที่นักลงทุนทั่วโลกต่างประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ผลกระทบที่จะตามมาคือ
oตลาดหุ้นทั่วโลกจะฟื้นตัว หรือ ปรับฐานลง เพียงเล็กน้อย เพราะ ตลาดหุ้นทั่วโลกซึมซับมาตลอดก่อนหน้านี้
oค่าเงินดอลลาร์ทรงตัว เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ เพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าสะท้อนประเด็นเสี่ยงดังกล่าวมาก่อนหน้านี้
oราคาสินค้าโภคภัณฑ์ น้ำมัน / ทองคำ ทรงตัว
•แต่หากประธานเฟด ให้ความเห็นเป็นกลาง “Neutral” ต่อช่วงเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของเศรษฐกิจ และการจ้างงานภายในประเทศ ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ทางการเมืองในต่างประเทศ ทั้งกลุ่มไอซีส และ ยูเครน ทำให้เฟดอาจต้องใช้เวลาในการประเมินสถานการณ์เหล่านี้ หากออกมาในแนวนี้ MBKET คาดว่า
oตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะ DJIA จะฟื้นตัวเด่นราว 1.0% +/-
oค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ
oราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมัน / ทองคำ ฟื้นตัว จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
MBKET ให้น้ำหนักกับทางเลือกที่ 2 มากกว่า ทางเลือกที่ 1 เพราะโดยธรรมเนียมแล้ว ประธานเฟดจะไม่มีการส่งสัญญาณล่วงหน้าต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการเก็งกำไรต่อนโยบายการเงินได้ ดังนั้น หากออกมาแนวทางที่ 2 MBKET คาดว่า SET INDEX จะฟื้นตัวเด่นในวันพรุ่งนี้ เพื่อทดสอบด่าน 1,590-1,600 จุด และทะลุแนวดังกล่าวได้ในที่สุด MBKET ประเมินกลุ่มที่น่าจะเป็นเป้าหมายของการผลักดันตลาดหุ้นในระลอกใหม่นี้ได้แก่
•กลุ่ม ธนาคาร / กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : ได้รับประโยชน์จากแผนการลงทุนคมนาคมในงบประมาณปี 2558 และแผนการลงทุนขนาดใหญ่ ระยะ 8 ปี ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรมว.คมนาคม
•PTT : จากความชัดเจนของแนวทางการปฎิรูปราคาก๊าซ NGV เพื่อให้เกิดความเสมอภาคระหว่างกลุ่มรถแท็กซี่และรถเมย์ และกลุ่มยานยนต์ส่วนที่เหลือ และถัดไปจะเป็นการทยอยปรับราคาก๊าซขึ้นสู่ราคาก๊าซที่แท้จริง เป็นบวกทางตรงกับ PTT
ดังนั้น MBKET แนะนำให้ นักลงทุน คงเข้าเก็งกำไรต่อหุ้นในกลุ่มหลักที่ได้ประโยชน์จากพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ เป็นสำคัญ พร้อมควรกำหนดแนว Stop Loss เพื่อปิดความเสี่ยงของการลงทุน หลัง SET INDEX เริ่มเข้าใกล้เป้าหมายและแนวต้านใหญ่ 1,600 จุด

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.การประชุม กนง.วันนี้ คาดว่าคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วัน: ทั้ง MBKET และตลาด ต่างประเมิน กนง. จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 2.00% เช่นเดิม และจะคงจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่ทิศทางอัตราเงินเฟ้อทรงตัว หลัง ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับฐานลงและทรงตัวในระดับต่ำ
2.ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวหลังธนาคารกลางจีนอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงิน: ด้วยวงเงิน 5.0 แสนล้านหยวน เข้าธนาคารขนาดใหญ่ 5 แห่ง เป็นการส่งสัญญาณทางการจีนพร้อมที่จะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากมีสัญญาณเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะไม่เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ กลายเป็นประเด็นบวกสำคัญที่ทำให้ DJIA คืนวานนี้ฟื้นตัว และเชื่อว่าตลาดหุ้นในเอเชียเช้าวันนี้จะตอบรับในเชิงบวกเช่นกัน
3.คาดตลาดหุ้นทั่วโลก อาจเกิดแรงเก็งกำไรก่อนผลการประชุมเฟดคืนนี้: หลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐาน และแกว่งออกด้านข้างตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะความกังวลต่อการประชุมเฟดในครั้งนี้ ประธานเฟด อาจส่งสัญญาณพร้อมพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate ณ ปัจจุบันที่ 0.25% ในช่วงกลางปีหน้า
MBKET ประเมินว่า เฟดน่าจะขอดูผลการยกเลิก QE ซึ่งจะหมดโครงการลงในการประชุมเดือนต.ค. ต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และการจ้างงาน ไป 1-3 เดือน เพื่อประเมินภาพรวม และช่วงเวลาที่เหมาะสมของการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ณ ปัจจุบัน คือ กลุ่มไอซิส ในตะวันออกกลาง ที่เฟดอาจใช้เป็นข้ออ้างของการประวิงเวลาได้เช่นกัน
4.ติดตามผลการประชุมเฟดคืนนี้ ต่อความเห็นทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.96 13.70 16.10 13.82
PSE 20.34 17.57 20.28 17.51
JSE 16.57 14.11 16.62 14.17
KOSPI 10.47 9.52 10.39 9.44
TAIEX 14.41 13.56 14.52 13.71
Straits Tim
14.46 13.32 14.63 13.48
SHCOMP 9.09 8.05 9.26 8.20
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.PCA : ราคาปิด 6.05 บาท ราคาเหมาะสม 10.40 บาท ***
a)ราคาหุ้นมี Sentiment บวก เนื่องจากเป็น 1 ใน 16 บริษัทที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติจาก กสทช. และสามารถรับแลกคูปอง Set Top Box ของ Digital TV จากภาคครัวเรือนได้ ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. เป็นต้นไป
b)MBKET มีมุมมองเชิงบวก หลังได้สอบถามผู้บริหารของบริษัท และคาดว่ากำไรสุทธิตั้งแต่ 4Q57 จะเติบโตแบบก้าวกระโดด จากแรงหนุนของธุรกิจจัดจำหน่าย Set Top Box
c)ประเมินเบื้องต้นภายใต้สมมติฐานส่วนแบ่งตลาด 4% เทียบกับเป้าหมายของบริษัทที่ 3-5% คาดว่าจะส่งผลให้ PCA มียอดขาย Set Top Box ราว 6.4 แสนเครื่อง และราคาขายกล่องละ 690 บาท
d)จะเป็นกำไรส่วนเพิ่มจากฐานธุรกิจเดิมให้กับบริษัทในปี 2559 ราว 39.8 ล้านบาทเฉพาะจากธุรกิจ Set Top Box
e)ดังนั้น เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโต +73% yoy เป็น 130 ล้านบาท หรือเทียบเท่า EPS ที่ 0.52 บาท และได้เป้าหมายเบื้องต้นอิง PE 20 เท่า ที่ 10.39 บาท
f)อย่างไรก็ตาม PCA ยังไม่อยู่ใน Coverage ของเรา จึงเป็นคำแนะนำเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นบนประเด็นเชิงบวกของธุรกิจจัดจำหน่าย Set Top Box เท่านั้น
*** PCA ยังไม่อยู่ใน Coverage ของเราข้อมูลข้างต้นเพื่อประกอบการตัดสินใจการลงทุนเท่านั้น
2.ERW : ราคาปิด 5.00 บาท ราคาเหมาะสม 6.00 บาท
a)วานนี้ ครม.อนุมัติจัดตั้งกองทุนประกันภัยท่องเที่ยว วงเงิน 200 ล้านบาท
b)MBKET ประเมินว่าเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว เนื่องจากคาดว่าจะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีความเข้าใจต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศมากขึ้น และเป็นบวกต่อจำนวนนักท่องเที่ยวใน 4Q57 ที่เป็น High Season ของธุรกิจ
c)ผลประกอบการผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q57 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะฟื้นตัวในลักษณะ V-Shapre ใน 2H57 ขณะที่กำไรสุทธิปี 2558 คาดว่าจะเติบโต +227.4% yoy เป็น 338 ล้านบาท เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มโรงแรม
d)แผนขยายตลาดของ Budget Hotel ได้แก่ IBIS และ HOPINN ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจากจีน และในเอเชียจะเป็นกุญแจสำคัญเพื่อผลักดันการเติบโตในระยะยาว และปี 2558 จะรับรู้รายได้เต็มปีของโรงแรมเปิดใหม่ทั้ง 13 แห่ง

What will DJIA move tonight? การประชุม FOMC สิ้นสุด, อัตราเงินเฟ้อ และ ดัชนีตลาดบ้าน

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิ เป็นวันที่ 5 อีก US$339 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$46 ล้าน
ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นตลาดเป้าหมายของการสะสม
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -247.8 -1.8 13,111.8 9,188.0
KOSPI -59.2 n.a 8,813.2 4,875.1
JSE -43.8 -48.9 4,673.3 -1,806.4
PSE -2.5 -18.3 1,276.8 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -12.6 3.1 251.3 263.2
SET INDEX 27.0 19.9 -396.4 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติยังเลือกลงทุนทางตรงในตลาดหุ้นไทย
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +872 +642
SET50 Index Futures (สัญญา) -4,564 -3,580
SSF (สัญญา) +2,094 -1,849
Metal Futures (สัญญา) +46 +338
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +340 -619

นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 872 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 2,251 ล้านบาท ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเหลือ 14,539 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 4,564 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 8,144 สัญญา กดดันให้ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็นวันที่ 4 เท่ากับ 4.98 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 3.71 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 340 ล้านบาท เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 16,564 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นการเข้าลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาว อายุ 5 ปีผลตอบแทนลดลง 1.45bps ปิดที่ 3.065% อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลง 0.73bps ปิดที่ 3.591%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเล็กน้อเป็น 764 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 792 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 69.11 9.02% 225.69
PTT 63.57 5.95% 352.76
PTTEP 56.73 18.97% 162.74
BBL 49.88 8.93% 208.69
SCB 49.72 9.78% 186.65

NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 16 เน้นกลุ่ม ICT ต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิ อีก 974 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 724 ล้านบาท รวม 16 วันทำการซื้อสุทธิ 17,983 ล้านบาท สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิสูงสุด 538 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 210 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 185 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 144 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ถูกขายสุทธิสูงสุด 182 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีก ขายสุทธิสูงสุด 62 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
ADVANC 402.80 31.07 PTTGC -172.15 22.20
KTB 365.17 30.10 BBL -97.95 59.99
SCC 150.14 39.02 INTUCH -83.71 20.19
CK 109.48 5.43 SCB -52.02 18.97
SAMART 102.93 12.31 CPALL -48.19 12.12

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!