- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 05 September 2018 19:56
- Hits: 2569
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมาเป็นอีกวันที่ตลาดหุ้นแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยหุ้นใหญ่หลายตัวเคลื่อนไหวด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางลง เช่น PTT, CPALL, AOT อย่างไรก็ตาม หุ้นขนาดกลางบางตัวมีแรงซื้อเก็งกำไรอย่างต่อเนื่องนำโดย CBG, S, TKN, EA และกลุ่มเดินเรืออย่าง PSL, PRM ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,714.41 จุด (-6.8 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.4 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 3.6 หมื่นลบ.
นักลงทุนต่างชาติชะลอการขายหุ้นไทยเหลือเพียง 181 ล้านบาท แต่กลับมาเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 5,104 สัญญา
Investment theme
America First ยังคงเป็นปัจจัยหลักกดดัน EM : ใน 9 เดือนที่ผ่านมาเราเริ่มเห็นหนึ่งความเสี่ยงหลักของการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทย นั่นคือ America First หรือนโยบายในการหาเสียงของปธน. Trump ที่ตั้งเป้าทำให้ประเทศสหรัฐ และคนสหรัฐเติบโต เริ่มตั้งแต่การลดภาษี Corporate 35% เหลือ 21% แต่ปัจจัยที่ส่งผลลบต่อการลงทุนในประเทศต่างๆ นอกสหรัฐเริ่มเห็นได้ชัดผ่านการที่ Trump ถอนตัวออกจากข้อตกลงหลายๆ อย่าง เช่น Paris agreement, ข้อตกลงนิวเคลียร์ การคว่ำบาตร ประเทศอิหร่าน, เกาหลีเหนือ การเจรจาการค้าใหม่ทั้งหมด เช่นNAFTA, ยุโรป และจีน ซึ่งส่งผลให้เริ่มเห็นการไหลออกของเงินทุนจาก EM กลับสหรัฐ สกุลเงินใน EM อ่อนค่า นำมาซึ่งวิกฤตการเงินในบางประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่เกิด Twin deficit และท้ายสุดเกิดแรงขายในตลาดหุ้น EM ในขณะที่หุ้นสหรัฐต่างทำระดับ All time high อย่างต่อเนื่อง เราประเมินความเสี่ยง America First จะยังเป็นปัจจัยหลักกดดันการลงทุนใน 1-2 ปีข้างหน้า จนหมดวาระของ Trump เว้นแต่การเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพ.ย.นี้ จะมีเสียงค้านผ่านการโหวต ส.ส. แต่หากเสียง GOP ยังอยู่ในระดับสูง เท่ากับว่าการที่ Trump ดำเนินนโยบายต่างๆ ที่ผ่านมา ได้รับเสียงสนับสนุนจากคนในประเทศ ซึ่งอาจทำให้มีการออกมาตราการใหม่ๆ กดดันการลงทุนใน EM , Asia ในระยะที่เหลือได้
Investment Theme: เราประเมินกรอบ SET เดือนกันยายน บริเวณ 1,690-1,730 จุด พร้อมถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% โดยยังมีปัจจัยต่างประเทศกดดันอยู่พอสมควร นำโดย การอ่อนค่าของสกุลเงินใน EM , สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ที่มีมาที่รุนแรงขึ้น จากเหตุผลด้านบนเป็นเหตุให้เราแนะ Switch กลุ่ม Goods (ที่มีความเสี่ยงต่อสงครามการค้า) เข้าลงทุน Domestic พร้อมจับตาความผันผวนของค่าเงินในประเทศ EM มีผลโดยตรงต่อตลาดทุน และการปรับประมาณการ (Roll-over) ไปใช้ราคาเหมาะสมปีหน้าในหลายบริษัทฯ อาจเป็น Catalyst สนับสนุนแนวรับ
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – มหาลัยหอการค้า รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนสิงหาคมที่ 83.2 สูงที่สุดในรอบ 64 เดือน / สหรัฐรายงาน ISM Maunufacturing PMI เดือนส.ค. สูงกว่าคาดที่ 61.3
วันนี้ TPLAS เข้าซื้อขายใยตลาดเป็นวันแรก
Stock pick : -
Trading idea – แนะทยอยสะสม PRM (ราคาเป้าหมาย 13.80 บาท/หุ้น) คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด และฟื้นตัวเด่นใน Q3 จากการรับรู้รายได้ Big sea / GOLD ทยอยสะสมบริเวณ 9.90 บาท / เก็งกำไร HANA เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์ คาดผลประกอบการ 2H เติบโตต่อเนื่องจากยอดขายในจีน และ Upside จากยอดขาย 5G ในสหรัฐ เรามองกรอบการเก็งกำไรบริเวณ 44-49 บาท / เก็งกำไร CPF กรอบ 27.0-28.0 บาท ราคาหมูในเวียดนามปรับขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 27 เดือนที่ 49,000 VND/ก.ก.
Technical View
แนวต้าน 1730 ยังคงแข็งแกร่ง อ่อนตัวไม่ควรหลุด 1706: ดัชนียังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1730 โดยตลอดทั้งวันมีแนวโน้มแกว่ง Sideway Down ประกอบกับ Modified Stochastic ที่เริ่มตัดตัวลงจากเขต Overbought ระยะสั้นมองว่าดัชนีไม่ควรอ่อนตัวหลุดแนวรับ EMA200Day บริเวณ 1706 โดยหากหลุดแนวรับดังกล่าวดัชนีจะหลุดกรอบ Uptrend และมีโอกาสฟอร์มการกลับตัวลงแบบ Double Top มองแนวรับถัดไปที่ 1690 และ 1680 กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : หากหลุดแนวรับ 1706 แนะนำ Lock Profit หรือจังหวะ Rebound แนะนำทยอยขายทำกำไรตามแนวต้าน 1720 และ 1730 2) ไม่มีหุ้น : รอดูแนวโน้มที่แนวรับ 1706 หากไม่หลุดอาจใช้เป็นจุดทยอยสะสมเพื่อเล่น Rebound
แนวรับ : 1690, 1706 แนวต้าน : 1720, 1730
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: ยุโรป, อังกฤษ, สหรัฐรายงาน PMI
ปัจจัยในประเทศ: คลื่น 850Mhz ของ DTAC จะหมดสัมปทาน/ วันพรุ่งนี้ติดตาม Oppday บริษัท S, CBG
หุ้นเทคนิค:
CPF (B 25.50-26.00, Tp 27.50//28.50, Cut 25.00)
CBG (B 51.00, Tp 56.00, Cut 50.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO13391