Stock         S          R         Comment

ASK         23.50      24.50       คาดยอดขายรถบรรทุกในครึ่งปีหลังจะดีขึ้น

TFG          4.18       4.32       ราคาไก่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลบวกครึ่งปีหลัง

XO          10.60      11.30       ครึ่งปีหลังแนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบลด หนุนอัตรากำไรขั้นต้น

 

          Low volume : มูลค่าการซื้อขายในตลาดฯยังคงเบาบางต่อเนื่อง โดยหากใช้มาตรวัด Volatility ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา จะพบว่าอยู่เพียงแค่ 10.3% เท่านั้น ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา (ดูรูป) สาเหตุหลักที่สำคัญได้แก่การที่ตลาดหุ้นไทยยังคงขาดปัจจัยผลักดันในเชิงของ Valuation เนื่องจากประมาณการกำไรบจ.ยังไม่มีสัญญาณการถูกปรับขึ้น ในทางกลับกัน การปรับตัวลงเวลาเกิดความผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศก็อยู่ในระดับจำกัด เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังคงมีมุมมองว่าตลาดทุนไทยเป็นหลุมหลบภัยที่สำคัญ อย่างเช่นเมื่อวานนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงเดินหน้าซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้อีก 3 พันล้านบาท

          SSF : ส่วนอีกหนึ่งสาเหตุได้แก่ความนิยมของธุรกรรม Block trade ผ่านตราสาร Single Stock Futures (SSF) ที่ลดลง สะท้อนจากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันที่ล่าสุดอยู่เพียงราว 1.4 แสนสัญญาต่อวัน ลดลงจากระดับสูงสุดของปีนี้ที่ราว 4 แสนสัญญาต่อวันอย่างมีนัยสำคัญ (ดูรูป)

          No trend following : ภายใต้ตลาด Sideways แกว่งแคบเช่นนี้ มองว่าการใช้    กลยุทธ์ Trend following ถือว่ามีความเสี่ยงพอสมควร ดังนั้นเรายังคงแนะนำให้ใช้กลยุทธ์ "ขึ้นขาย-ลงซื้อ" ตามกรอบแนวต้านแนวรับเป็นสำคัญ โดยสำหรับเดือนกันยายนนี้ ยังคงให้แนวรับแรกที่ระดับ 1700 จุด และแนวต้านแรกที่ระดับ 1740 จุดตามลำดับ

          กลยุทธ์การลงทุน : สำหรับภาพการลงทุนในเดือนกันยายน ประเมินว่า SET Index จะปรับตัว Sideways ถึง Sideways up โดยมองกรอบแนวรับที่ 1700 จุดและ 1670 จุดตามลำดับ ส่วนกรอบแนวต้านประเมินที่ 1740 จุดและ 1770 จุดตามลำดับ แนะนำ ลงซื้อ-ขึ้นขายตามกรอบแนวรับ-แนวต้าน โดยหาก SET Index มีการย่อตัวลงมาที่แนวรับของเรา มองกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจกับการเข้าลงทุนสำหรับนักลงทุนแต่ละประเภท ดังนี้

          1) สำหรับนักลงทุนระยะสั้นประเภทเก็งกำไร แนะนำกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโครงการ EEC ได้แก่ AMATA, WHA ซึ่งคาดว่าจะได้ประโยชน์เชิง Sentiment จากการจัดงาน Thailand Focus ที่ผ่านมา

          2) สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ต้องการผลตอบแทนด้าน Capital gain แนะนำหุ้นที่ถูกลดน้ำหนักจาก MSCI ในรอบล่าสุด ซึ่งเราคาดว่าปัจจัย Overhang ดังกล่าวจะ  หมดลงในระยะสั้น ได้แก่ CPALL, PTT รวมถึงหุ้นพื้นฐานดีในดัชนี SETHD ที่ยังคง Laggard ตลาดอยู่ เช่น BBL, CPF, LH, TISCO

          3) สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการเงินปันผล แนะนำหุ้น Income Stock ที่มีลักษณะคล้าย Bond กล่าวคือปีการจ่ายปันผลในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ และมีความผันผวนของราคาต่ำ เช่น กองทุน Infrastructure fund / Property fund / REIT รวมถึงหุ้นสามัญอย่างเช่น ASP, INTUCH, RATCH

          แนวรับ  1,714  แนวต้าน 1,730

 

 

BEM  XD 0.06 บาท

CTARAF  XD 0.10 บาท

GOLDPF  XD 0.195 บาท

IRPC  XD 0.10 บาท

KPNPF  XD 0.11 บาท

MJLF  XD 0.22 บาท

SCB  XD 1.50 บาท

SCB-P  XD 1.50 บาท

EFORL ลูกหุ้นเข้า 2,400,000,000 หุ้น