CNS Daily Strategy: คาดตลาด “Sideway” ต้าน 1729/1735จุด รับ 1714/1709จุด นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-แคนาดาพรุ่งนี้ ขณะที่ Trump เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนรอบใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ 6 ก.ย.นี้ จึงทำให้ประเด็นการค้ายังกดดันจิตวิทยาการลงทุนโลก ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent +0.94% หลังพายุจะเข้าแหล่งผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโก คาดหนุนกลุ่มพลังงานนำตลาดได้ ผสานเงินเฟ้อไทยเดือนส.ค.โต 1.62% มากกว่าคาดที่ 1.51% หนุนทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น กระตุ้นค่าเงินบาทแข็งค่าได้ต่อเนื่อง  วันนี้แนะนำ  Theme “Selective Play” : BA, AOT, IRPC

 

 

(*) Trade: สหรัฐฯ-แคนาดาจะเจรจาข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้

(*) Trade: Trump จะเก็บภาษีนำเข้าจากจีนรอบใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ 6ก.ย.นี้

(+) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI 0.0% สู่ $69.80/bbl / BRT +0.94% สู่ $78.15/bbl

(+) OIL: แหล่งผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกปิด หลังพายุเฮอร์ริเคนกำลังจะพัดเข้าชายฝั่ง

(+) TH: รายงานอัตราเงินเฟ้อไทยเดือนส.ค.ที่ระดับ 1.62% มากกว่าคาดที่ 1.51%

(*) Fund Flow:ล่าสุดขายหุ้น-1,854ลบ., Long Future+1,240สัญญา,ซื้อBond+3,111ลบ.

 

Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “Sideway” ต้าน 1729/1735จุด รับ 1714/1709จุด นักลงทุนยังคงจับตาประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศคู่ค้าอย่างใกล้ชิด หลังสหรัฐฯ-แคนาดายังไม่สามารถบรรลุข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ได้ โดยจะทำการเจรจากันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ประธานาธิบดี Donald Trump เตรียมเดินหน้าตามแผนเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะได้ข้อสรุปจากการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐในวันที่ 6 ก.ย.นี้ จึงต้องจับตาท่าทีของจีนว่าจะทำการตอบโต้อย่างไร แต่อย่างไรก็ดี ตลาดได้แรงหนุนจากทิศทางราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ปรับตัวขึ้น +0.94% สู่ระดับ 78.15 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากแหล่งผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกทำการอพยพผู้คน เพื่อเตรียมตัวต่อพายุเฮอร์ริเคนที่กำลังจะพัดเข้าชายฝั่ง คาดหนุนกลุ่มพลังงานนำตลาดได้ ประกอบกับรายงานอัตราเงินเฟ้อไทยเดือนส.ค.ที่ระดับ 1.62% มากกว่าคาดที่ 1.51% บ่งชี้ถึง Late  cycle ที่ดอกเบี้ยช่วงถัดไปจะกลับทิศสู่ขาขึ้น หนุนค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อได้ในระยะกลาง-ยาว เพิ่ม Sentiment บวกต่อไทยเด่นต่อเนื่อง

 

 

Daily Strategy : ถือหุ้น 75% Sector Rotation เน้นสะสม Domestic Play BBL, KBANK, CPALL, ROBINS CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD, ERW, BH, AOT, ERW และ Global Play (PTT, IVL) วันนี้เน้น “Theme “Selective Play”

 

Thailand Focus Highlight D1 : EEC SEC BIMSTEC Connect One Belt Road(AMATA, STEC, AOT, ERW) และ Hub ท่องเที่ยวและสุขภาพ(BH,MINT)

ราคาน้ำมันแกว่งขึ้นต่อเนื่อง 77.14เหรียญฯ หนุน PTT, PTTGC, IRPC, PTTEP เด่น

Thailand Future Fund ยื่น Filing สัปดาห์นี้ บวก : STEC, CK, AMATA

Global Health Care(ดัชนีชี้นำหุ้นกลุ่มการแพทย์โลก) ทรงตัว ใกล้จุดสูง หนุน BH, BDMS / วันนี้ นักลงทุนจีน 400ราย ลงพื้นที่ EEC หนุน  AMATA, WHA

วงจรดอกเบี้ยขาขึ้น น่าจะเริ่มปลายปีนี้ หลัง BOT ส่งสัญญาณ บวกต่อกลุ่ม BANK แนะนำ BBL, KBANK เด่น และ Laggard  TMB(แจ้งตลาดไม่มีเงินลงทุนในตุรกี)

TOR Duty Free จะออกมาต้น กย 2018 หนุน AOT

ICT : การลงทุน 4G ผ่านไปแล้ว อุตสาหกรรมแข็งขันเบาลง หนุน  ADVANC, TRUE

กลุ่มรพ + โรงแรม เริ่มได้ประโยชน์จากช่วง Seasonal แนะนำ AOT, ERW, BH

Portfolio Top Picks SEP 2018 แนะนำ AMATA, AOT, BH, CPALL, TMB, TOA, AMANAH

2H18 Theme Domestic : Election play when oil surge : PTT, IVL, BBL, KBANK, CPALL, CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD

2H18 Theme Domestic : Election play when oil surge

 

Best Picks 2H18 : PTT, IVL, BBL, KBANK, CPALL, CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD

1.  Index Driver : PTT, BBL, KBANK, CPALL, PTTEP, IVL

2.  Government Spending : STEC, CK, PYLON, SEAFCO, AMATA, ROJNA, SCC

3.  Property : GOLD, SC

4.  Tourism & Transport : ERW, BTS

5.  Global Play : IVL, PTL

6.  ICT : ADVANC

 

 

BA (TP18F 18.4*) Support 12.5/12.2 Resistant 13.1/13.7

 

Earnings Outlook: คาดกำไรสุทธิ 3Q18F จะฟื้นตาม Seasonal effect ที่เป็นฤดูท่องเที่ยวของเกาะสมุยซึ่งเป็นเส้นทางบินที่สร้างรายได้หลักให้ BA และในภาพรวม 2H18F หากไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายหุ้น BDMS กว่า 1.7 พันลบ.ใน 4Q17 เราคาดผลการดำเนินงานปกติ 2H18F ฟื้นตัว y-y ต่อเนื่อง จากการบริหารฝูงบินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสายการบินพันธมิตรเริ่มฟื้นตัวและส่งต่อผู้โดยสารให้ BA ได้ดีขึ้นทำให้อัตราบรรทุกผู้โดยสารและราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยฟื้นตัว y-y

Valuation: มองเป็น Undervalued stock โดยหากคิดเฉพาะมูลค่าการลงทุนผ่านการถือครอง BDMS(7% หรือ 3หมื่นล้านบาท), SPF(33% หรือ 7.4พันล้านบาท) และ BAFS(9% หรือ 2พันล้านบาท) มูลค่าหุ้น BA ควรอยู่ที่ 18.98บาทต่อหุ้น ยังไม่ได้รวมมูลค่ากิจการปัจจุบันของ BA

Catalyst: ภาพตลาดที่เป็น Side-way และสภาพคล่องลดลง จะหนุนหุ้นกลุ่มที่ Underperform มานาน เช่น วานนี้ (DDD AU CBG) รวมถึง BA จะมี Catalyst จากการซื้อหุ้นคืน 40 ล้านหุ้น วงเงิน 500 ลบ. เริ่ม 7  ก.ย.นี้

AOT (TP18/19F 75.50*):  Support 66.0/65.0 Resistant 67.0/68.0

 

Earnings Outlook: คาด4Q17/18F กำไรเติบโตโดดเด่นกว่า +50% y-y จากฐานต่ำในปีก่อน และเราคาดกำไรปี 2018/19F เติบโตสูงต่อเนื่อง +18% y-y ตามการขยายตัวของอุตฯ ท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ เรามีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2018/19F ขึ้นจากเดิม +11% จากการเลื่อนการเริ่มรับรู้ค่าเสื่อมโครงการสุวรรณภูมิ เฟส 2 ไปเป็นปี 2019/ 20F

Valuation: ราคาซื้อขายอยู่ที่ PER18/19F 31 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีที่ 33.7 เท่า upside เปิดกว้าง 14%

Catalyst: แรงกดดัน MSCI Rebalance ใกล้จบลง มีผลราคาปิดวันนี้  + 3 ปัจจัยบวก ครึ่งปีหลัง 2018 (ปีปฏิทิน) 1) ประมูลพื้นที่ Duty Free สุวรรณภูมิ 2) แผนรับโอน 4 สนามบินภูมิภาค 3) พัฒนา Airport city ข้างสุวรรณภูมิ + High season ปลายปี 

IRPC (TP19F 8.7*):  Support 6.8/6.6 Resistant 7.05/7.25

 

Earnings Outlook: คาดแนวโน้มกำไร 3Q18F ฟื้นตัว หลังค่าการกลั่นทำจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน มิ.ย. และมีแนวโน้มฟื้นตัวจาก Demand ในกลุ่ม Middle Distillate เพิ่มขึ้น ผสานการฟื้นตัวของกลุ่มอะโรเมติกส์จากโรงงาน SM กลับมาดำเนินการปกติ โดยรวมคาดกำไรสุทธิ 2018F สูงถึง 1.35 หมื่นลบ. เติบโต +19.2% y-y

Valuation: ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขายที่ระดับ PER19F ในกรอบ 12x และเป็นช่วงที่ยกระดับโรงกลั่นเป็นแบบ Complex ทัดเทียมรายอื่นๆ ซึ่งเป็น upside risk ต่อ Margin และประสิทธิภาพดำเนินงานในอนาคต

Catalyst: สัญญาซื้อขายล่วงหน้า น้ำมัน Brent Future ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เหนือระดับ 78 เหรียญฯ ประกอบกับค่าการกลั่น (Singapore GRM) ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในมิ.ย.18 และมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นหนุนกำไรฟื้นตัวเด่นใน 3Q18F