- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 04 September 2018 21:50
- Hits: 2172
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง
Smart Pick
เก็งกำไร TOP
ราคาปิด 86.00 บาท
ราคาเหมาะสม 84.00บาท
ค่าการกลั่นวานนี้ +12.5% dod เป็น US$6.29/barrel สอดคล้องกับมุมมองของเราวานนี้ หลังโรงกลั่นที่เยอรมันเกิดไฟไหม้ในวันเสาร์ที่ผ่านมา และโรงกลั่น Petrobras ในบราซิลไฟไหม้ 2 สัปดาห์ก่อนหน้า ทำให้กำลังการกลั่นน้ำมันตึงตัว
TOP ขึ้น XD ปันผลงวด 1H61 หุ้นละ 1.50 บาท วันที่ 13 ก.ย. Yield 1.7% ขณะที่กำไรปกติ 3Q61 คาดเติบโต QoQ จากค่าการกลั่นที่เร่งตัวขึ้น +55.7% QTD
เก็งกำไร CPF
ราคาปิด 25.75 บาท
ราคาเหมาะสม 28.60 บาท
เกิดโรคระบาดอหิวาต์สุกรแอฟริกัน (ASF) ในจีน ทำให้ราคาเนื้อหมูในภูมิภาคสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวียดนาม เป็นบวกต่อ CPF ทั้งในแง่ของราคาและปริมาณการส่งออก
แนวโน้มกำไรปกติ 3Q61 เราคาดเติบโตสูง QoQ จากการฟื้นตัวของราคาเนื้อหมูเฉลี่ยใน 3QTD ราว 9% QoQ เป็น 65.9 บาท/กิโลกรัม และเนื้อไก่ +14% QoQ เป็น 37.5 บาท/กิโลกรัม
เก็งกำไร AMATA
ราคาปิด 21.10 บาท
ราคาเหมาะสม 25.00 บาท
เรามีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มนิคมอุตฯ จากประโยชน์โดยตรงของแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คาดยอดขายที่ดินชัดขึ้นใน 2H61 และต่อเนื่องในปีหน้า
เราคาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q61 พร้อมคาดกำไรปกติ 2H61 เติบโต 20% HoH เป็น 711 ล้านบาท จากการเข้าสู่ High Season และเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าบีกริม ระยอง 5 ที่มีกำหนด COD ในเดือน ต.ค.2561 ขณะที่ Valuation ยังไม่แพง ซื้อขายระดับ PER2562 ที่ 12.7 เท่า
เก็งกำไร PTT
ราคาปิด 52.75 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 54.00 บาท
สัญญาณทางเทคนิคเป็นบวก หากราคาผ่าน 53.00 บาทได้ และมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 54.00 บาท แนวรับ 52.25 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 51.50 บาท
ทั้งนี้ PTT ยังไม่ประกาศเงินปันผลงวด 1H61 เราคาดหุ้นละ 0.90 บาท คิดเป็น Yield 1.7% และอาจเห็นการเกิด Short Covering หลังประกาศเงินปันผลช่วยหนุนราคาหุ้นจากการปิดสถานะ SBL
Profit-Taking : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
เราคงมุมมองต่อภาวะการลงทุนเป็น "กลาง" ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน SET INDEX แกว่งแคบ 1,710-1,730 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายต่ำกว่า 5.0 หมื่นล้านบาทต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับการเคลื่อนย้ายเงินทุนในแต่ละประเภทของสินทรัพย์ จากตลาดหุ้น / สินค้าโภคภัณฑ์หลักอย่างน้ำมัน - ทองคำ / ตลาดตราสารหนี้ ต่างเคลื่อนไหวในกรอบแคบเช่นกัน
นอกจากนี้ตลาดอาจรอความชัดเจนในหลากหลายประเด็น อาทิเช่น (1) สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญฯ ซึ่งขณะที่อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นจากภาคเอกชนคาดจะเห็นความชัดเจนหลังวันที่ 6 ก.ย. (2) การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-แคนาดา จะกลับมาเจรจาอีกครั้งช่วงกลางสัปดาห์นี้ และ (3) ค่าเงินในตลาดเกิดใหม่เอเชียอ่อนค่าแรง ล่าสุดวานนี้ค่าเงินรูเปียห์อินโดนีเซียอ่อนค่าสุดในรอบ 20 ปี สร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทย
เรายังคงยืนยันฐานะการคลัง และภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งเหนืออินโดนีเซีย / ฟิลิปปินส์ ทั้งการเกิดดุลบัญชีเดินสะพัดที่มากกว่าการขาดดุลงบประมาณ อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. 1.62%YoY อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำกว่า 2% เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยอยู่ในระดับแข็งแกร่ง สะท้อนกลับมายังค่าเงินบาทมีเสถียรภาพเหนือตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย เพียงแต่ประเด็นค่าเงินอ่อนค่าในภูมิภาคเอเชียกดดันจิตวิทยาการลงทุน
ดังนั้นกลยุทธ์ในช่วงสั้น เรากลับมาเน้นการเก็งกำไรต่อหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวเป็นทางเลือก ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่จะพักฐานต่อเนื่องจากกระแสเงินทุนจากสถาบันทั้งในและต่างประเทศชะลอตัว
HOT Topic
Hot Topic วันนี้
1. ตลาดเงียบเหงา วอลุ่มเบาบาง คาดหุ้นกลางเล็กจะ Outperform
2. โรคระบาดอหิวาต์สุกรแอฟริกัน (ASF) เป็นบวกต่อผู้ส่งออกอาหารของไทย หุ้นตัวใดที่เราเลือกมาแนะนำ?
3. ค่าการกลั่นบวกถึง 12.5% dod เป็น US$6.29/barrel เรายังชอบหุ้นโรงกลั่นต่อจากวานนี้
4. บทวิเคราะห์เชิงลึกหุ้น GFPT
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX แกว่งตัวในแดนบวกและทำจุดสูงสุด 1726 จุด ก่อนเกิดแรงขายทำกำไรกดดันให้ SET INDEX ลงมาปิดที่ 1721.21 จุด ลดลงเพียง 0.37 จุด มูลค่าการซื้อขายเหลือ 3.7 หมื่นล้านบาท
กระแสเงินทุน : นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 7 อีกราว 1.9 พันล้านบาท รวม 7 วันทำการขายสุทธิราว 9.5 พันล้านบาท แต่มีสถานะ Long สุทธิราว 1.2 พันสัญญาในตลาด SET50 Index Futures เมื่อ S50U18 ปิด Discount จาก SET50 Index อยู่ราว 4 จุด ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Long สุทธิสะสมราว 7.6 หมื่นสัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 13 อีกเล็กน้อยราว 351 ล้านบาท รวม 13 วันทำการซื้อสุทธิสะสมราว 2.4 หมื่นล้านบาท และนักลงทุนกลุ่ม สถาบันในประเทศและ บัญชี บล. มีสถานะ Long สุทธิในตลาด SET50 Index Futures วันแรกในรอบ 6 วันทำการราว 2.8 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Short สุทธิราว 2.4 หมื่นสัญญา
ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 10 อีกหนาแน่นราว 3.1 พันล้านบาท รวม 10 วันทำการซื้อสุทธิสะสมราว 6.2 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
กระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ส.ค. ขยายตัว 1.62%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาด 1.51%YoY ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.75% ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด 0.80%YoY
ค่าเงินรูเปียห์ (อินโดนิเซีย) อ่อนค่าสู่ 14,815 รูเปียห์/ดอลล่าร์สหรัฐฯ อ่อนค่าสุดนับตั้งแต่วิกฤติทางการเงินในปี 2540-2541 ที่อ่อนค่าแตะระดับ 14,950 รูเปียห์/ดอลล่าร์สหรัฐฯ
รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของบาห์เรนและโอมาน แสดงความกังวลต่อความต้องการใช้น้ำมันของจีนที่มีแนวโน้มลดลง อาจกดดันให้ราคาน้ำมันดิบลดลง
EU รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตในเดือน ส.ค. อยู่ที่ระดับ 54.6
วันนี้ หุ้น SCB, IRPC และ BEM ขึ้นเครื่องหมาย XD จ่ายปันผลหุ้นละ 1.5 บาท, 0.10 บาท และ 0.06 บาท ตามลำดับ คาดมีผลต่อดัชนีรวมราว -0.8 จุด
ติดตามการเจรจาข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-แคนาดา และการรายงานค่า PMI ของ EU วันที่ 5 ก.ย.
ติดตามการรายงานค่า PMI สหรัฐฯ วันที่ 6 ก.ย.
ติดตามการรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯเดือน ส.ค. วันที่ 7 ก.ย.
ติดตามการประกาศเรียกเก็บภาษีของสหรัฐฯต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญฯ หลังจากวันที่ 6 ก.ย.
ปฏิทินการขึ้นเครื่องหมาย XD: 4 ก.ย. BEM/ IRPC/ SCB; 5 ก.ย. BAY/ KKP/ RATCH; 6 ก.ย. BCP
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist 662-009-8059
OO13334