- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 31 August 2018 22:06
- Hits: 8085
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Summary 30/08/2018
Close 1,720.43 Volume Bt42,102M
Change -1.83 P/E 17.1
%Change -0.11% P/BV 1.95
หุ้นแนะนำพิเศษ
TACC (ราคาปิด 4.02 บาท “แนะนำซื้อ” อยู่ระหว่างจัดทำประมาณการและราคาเหมาะสม)
ประกอบธุรกิจหลัก 2 ประเภท คือ 1.จัดหาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ให้กับกลุ่ม 7-11 ได้แก่ เครื่องดื่มกดเย็น (ที่ไม่ใช่น้ำอัดลม) เครื่องดื่มในAll-Café (ที่ไม่ใช่กาแฟ) และเครื่องดื่มกดร้อน คิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 93% และ 2.จำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์บริษัท ประเภท เครื่องดื่ม กาแฟ เครื่องเขียน และได้รับสิทธิ์ในการบริหารลิขสิทธิ์ Rilakkuma คิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 7%
รายงานรายได้ 2Q61 ที่ 325 ลบ. +15%qoq เติบโตจากฐานที่ต่ำจาก 1Q61 แต่ -1.6%yoy เนื่องจากมีการหยุดขายสินค้าตรา “Zenya” ที่กัมพูชา ส่วนกำไร 2Q61 อยู่ที่ 21.4 ลบ. +38.1%qoq แต่ -31.2%yoy เนื่องจากผลกระทบภาษีน้ำตาลทำให้ GPM ลดลงเหลือ 29.40% จาก 31.83% ใน 2Q60 อย่างไรก็ตามบริษัทได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้วในการลดปริมาณน้ำตาล และคาดว่า GPM จะกลับมามากกว่า 30% ในช่วงครึ่งปีหลัง
2H61 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายสาขาของ 7-11 ประกอบกับกระแสนิยมของเครื่องดื่มกดเย็น Seasonal Product ในช่วง Q4 อย่าง Hershey’s รวมถึงมีการทยอยรับรู้รายได้จากการบริหารลิขสิทธิ์ Rilakkuma ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าแล้วกว่า 20 ราย และจะมีเพิ่มเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังอีกราว 7 ราย การร่วมเป็นพันธมิตรกับ A&W ผู้ประกอบธุรกิจอาหารจานด่วนเป็นโอกาสเติบโตทางธุรกิจ โดย TACC ได้จัดหาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม (ที่ไม่ใช่กาแฟ) ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 3 สาขา จากทั้งหมด 38 สาขา ตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา
ความเห็น เรามีมุมมองบวก เชื่อว่าผลประกอบการได้ผ่านช่วงต่ำสุดแล้ว และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 เฉลี่ย 116 ลบ. +3.14% (รายงานกำไร 1H61 ที่ 37 ลบ.) “แนะนำซื้อ”
Market View : กังวลสงครามการค้า
หุ้นแนะนำพิเศษ : TACC
หุ้นมีข่าว : TSF TFI EMC CPN
Technical Insight : JMART CPR
SET Index วานนี้ยืนแดนบวกในช่วงเช้า แต่ปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อปิดตลาด ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่เป็นบวกสลับลบ ปัจจัยบวกได้แก่ สหรัฐบรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโก แต่ SET Index มีแรงขายออกมาต่อเนื่องหลังไม่ผ่านแนวต้านที่ 1730 จุด ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,720.43 จุด (-1.83 จุด) Volume 4.2 หมื่นลบ. จาก Foreign Net –2,884 ลบ. TFEX Net +3,513 สัญญา ตราสารหนี้ +580 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ราคาน้ำมัน WTI ปิดบวก 74 เซนต์ รับข่าวอิหร่าน-เวเนฯส่งออกน้ำมันลดลง สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาด
+สหรัฐเผยการใช้จ่ายของผู้บริโภคดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. สอดคล้องคาดการณ์
+สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
+จีนเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น
- ดาวโจนส์ปิดร่วงจากวิตกข่าวปธน.ทรัมป์เก็บภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ $2 แสนล้านในสัปดาห์หน้า กังวลวิกฤตเศรษฐกิจอาร์เจนตินาและตุรกี
- ธนาคารกลางอาร์เจนตินาประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 15% สู่ระดับ 60% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ และชะลอการดิ่งลงของค่าเงินเปโซ ทั้งนี้ตลาดกังวลว่ารัฐบาลอาเจนตินาอาจผิดชำระหนี้จำนวนมาก
- สหรัฐเผยดัชนีราคาเพื่อการใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานรายปีพุ่งแตะเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ 2% ในเดือนก.ค.
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 32.75 บาท/US
**วันนี้วันสุดท้ายในการจัดงาน Thailand Focus 2018
**จับตาสหรัฐ-แคนาดาเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)
ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีปัจจัยกดดันจากตลาดต่างประเทศ ความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีนที่อาจปะทุรุนแรงขึ้นอีก กังวลวิกฤตอาร์เจนตินา รวมทั้ง fund flow ไหลออกเพื่อลดความเสี่ยง ส่วนปัจจัยหนุนเรื่องราคาน้ำมันปิดบวกน่าจะมีน้ำหนักน้อย คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,704-1,732 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- หุ้น Theme EEC play : AMATA, WHA, EASTW, ATP30, ORI
- PTT, AOT, CPALL, ADVANC, SCC, SCB, MINT, TOP, BEM, TMB และ TU เข้าร่วม roadshow ในงาน Thailand Focus (ที่มา ข่าวหุ้น)
- หุ้นที่คาดว่า 2H61 จะเติบโตต่อเนื่อง ANAN ORI SC KCE XO CPF SSP SVI
- ค่าการกลั่นเริ่มปรับตัวขึ้น SPRC IRPC TOP BCP
- ROBINS HMPRO ครม.คง VAT ที่ 7% อีก 1 ปี
หุ้นมีข่าว
ข้อมูล Public Presentation หุ้นที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย “C”
TSF เปิดแผนแก้ปมหลุดเครื่องหมาย "C" หลังขาดทุนต่อเนื่อง จากต้นทุนการให้บริการที่เพิ่มขึ้น จากการขยายกำลังการผลิตสื่อโฆษณาหน้าร้าน 7-Eleven จากจำนวน 1,406 จุด ใน 2Q60 เป็น 1,974 จุด ใน 2Q61 สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหา บริษัทฯมีแผนจัดสรรเพิ่มทุนให้กับคู่ค้าทางธุรกิจซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจา รวมถึงปรับปรุงโครงสร้างการบริหารธุรกิจ เช่น เพิ่มยอดขายจากโครงการปัจจุบัน ลดโครงการที่ไม่สร้างกระแสเงินสด ตลอดจนเร่งดำเนินคดีกับกรุงเทพมหานคร และ บ.วุฒศักดิ์คลินิก รวมถึงโครงการสัมปทานให้สิทธิปรับปรุงบำรุงรักษาและติดตั้งป้ายโฆษณาบริเวณศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทางในเขตกรุงเทพฯ ที่ใกล้หมดสัญญาในวันที่ 30 พ.ย.61 ซึ่งจะทำให้ต้นทุนบริษัทลดลง
TFI เล็งขายทรัพย์สินปี 62 พร้อมลดค่าใช้จ่ายหวังเพิ่มสัดส่วนของผู้ถือหุ้นแก้ปมถูกขึ้นเครื่องหมาย "C"
ระบุถึงแนวทางแก้ไขปัญหา โดยการจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่กระทบต่อการดำเนินงาน ได้แก่ ที่ดิน อาคาร และเครื่องจักรเก่า เพื่อให้มีกำไรจากการขายทรัพย์สิน และลดค่าใช้จ่ายในการดูแลทรัพย์สิน เช่น ค่าเสื่อมราคา ค่าเบี้ยประกัน ค่าบำรุงดูแลรักษา เป็นต้น ตลอดจนลดภาระดอกเบี้ยจ่าย จากการนำเงินที่จำหน่ายทรัพย์สินไปชำระคืนหนี้ธนาคาร อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินบางรายการติดภาระจำนองธนาคาร ซึ่งต้องใช้เวลาในการเจรจาขอไถ่ถอนจากธนาคารด้วย
สำหรับสาเหตุที่บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 นั้น เนื่องจากในปี 58 มีการเปลี่ยนแปลงการบันทึกบัญชีสินทรัพย์ถาวรตามหลักเกณฑ์มาตรฐานบัญชีใหม่ ทำให้ต้องปรับการบันทึกมูลค่าเครื่องจักร จากเดิมบันทึกตามราคาประเมินเปลี่ยนมาเป็นบันทึกตามราคาทุน ส่งผลให้มูลค่าเครื่องจักรลดลง 243 ล้านบาท กระทบต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงร้อยละ 12 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วหักด้วยส่วนต่างมูลค่าหุ้น ตลอดจนได้รับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และภาวการณ์แข่งขันสูงของอุตสาหกรรมฟิล์มบรรจุภัณฑ์
EMC วางแผนเพิ่มรายได้-ลดต้นทุน-ปรับปรุงพัฒนาธุรกิจ ดันปีนี้พลิกมีกำไร หวังแก้ปัญหาถูกขึ้นเครื่องหมาย "C"
สำหรับแนวทางสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ได้แก่ เพิ่มช่องทางในการประมูลงานก่อสร้างให้มากขึ้น ทั้งงานเอกชนและภาครัฐ จัดหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อก่อสร้างโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และมุ่งเน้นด้านการจัดการและบริหารพื้นที่เช่าและที่พักอาศัย โครงการมหาชัย และโครงการสเตชั่นวัน
รวมทั้งบริหารจัดการต้นทุนการก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และบริหารให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนปรับปรุงพัฒนาบุคลากร และจัดให้มีพนักงานขายอย่างเหมาะสม โดยใช้ทางเลือกอื่นร่วมด้วย เช่น เอเย่นต์ ขายตรง ขายทางโทรศัพท์ ขายปลีกหรือขายส่ง การมีทางเลือกที่ดีจะช่วยลดต้นทุนได้เช่นกัน
บริษัทคาดว่าผลประกอบการปี 61 จะกลับมามีรายได้เพิ่มขึ้นมากขึ้น และกลับมามีกำไรสุทธิ เนื่องจากไม่มีรายการตั้งสำรองอีก อีกทั้ง ยืนยันว่ามีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอในการรับงานรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ได้ จากเงินทุนหมุนเวียนของกิจการ และการได้รับการสนับสนุนทางการเงินในรูปแบบ Project Finance จากธนาคารพันธมิตรที่เป็นสถาบันการเงินหลายแห่ง เป็นต้น
+ CPN (ราคาปิด 82.50 Bloomberg Consensus 86.72) แย้มรายได้-กำไร ครึ่งหลังปี 2561 ดีกว่าครึ่งปีแรก หลังศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 3 และเซ็นทรัลเวิลด์ ปรับปรุงแล้วเสร็จพร้อมเปิดบริการเต็มทุกพื้นที่ ส่วนศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต มูลค่าโครงการ 2 หมื่นล้านบาท มีกำหนดเปิดบริการ 10 ก.ย. ผู้บริหารยืนเป้ารายได้ปี 2561 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของรายได้และผลการดำเนินงานต่อเนื่องในอนาคต Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 เฉลี่ย 12,038 ลบ. เติบโต 22% จากกำไรปกติ 9,893 ลบ.ในปี 60
- U จะเพิ่มทุน-รวมพาร์ ก่อนลดทุนโดยการลดพาร์เป็นหุ้นละ 3.20 บาทเพื่อล้างขาดทุนสะสม
+ SPCG ตั้งเป้ารายได้ปี 63 แตะ 1 หมื่นลบ.สัดส่วนจาก ตปท.ราว 25-30% สรุปแผนลงทุนโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่น 3 โครงการใน Q4/61 (ที่มา : IQ)
+ KKP ได้ค่าฟีไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ช่วยหนุนไตรมาส 4 ไม่น้อยกว่า 787-900 ล้านบาท แถมยังมีปันผลรออยู่ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 7.8% ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 6 ก.ย.นี้ (ที่มา : ข่าวหุ้น)
+ บัตรกรุงไทย (KTC) รับอีกเด้ง หลังคลังออกประกาศกระทรวงให้ "พิโกไฟแนนซ์" รับจำนำทะเบียนรถ และมอเตอร์ไซค์ ดอกเบี้ย 36% เตรียมขยายวงเงินสินเชื่อมากกว่า 5 หมื่นบาท ด้านผู้บริหารเคทีซีเผยผลโรดโชว์สิงคโปร์ นักลงทุนแห่ถามเรื่องนาโนฯ-พิโกไฟแนนซ์
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO13217