- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 30 August 2018 20:24
- Hits: 9331
บล.เอเชีย เวลท์ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ไปต่อ
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : การจัดงาน Thailand Focus 2018 ภาครัฐได้มีการฉายภาพทิศทางการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยในอนาคต นอกเหนือจาก "EEC in Action" ครม.ยังเห็นชอบในหลักการในการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน 4 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช (Southern Economic Corridor: SEC) อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโครงการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน โดยสร้างระบบขนส่งมวลชนให้เป็น ASEAN Connectivity รวมถึงการจัดตั้ง Thailands Western Gateway to Indian Ocean ผ่านการเชื่อม BIMSTEC หรือ Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation โดยการเชื่อมโยงเครือข่ายของเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ของ Bangladesh-India-Myanmar-Sri Lanka-Thailand การดำเนินการดังกล่าวคาดว่าใช้เงินลงทุนสูง ยังไม่มีความชัดเจนในส่วนของผู้รับประโยชน์จากเรื่องนี้นอกจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในการจัดสรรเงินลงทุน และกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง กรอบดัชนีวันนี้ 1,715-1,730 จุด หุ้นแนะนำ KCE, BBL, CK
Stock Comment
KCE Pick of the day
BBL (ปิด 207.00 บาท; ซื้อ; AWS TP 225.00 บาท) ธนาคารขนาดใหญ่พร้อมได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยในประเทศเริ่มเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น และการลงทุนขนานใหญ่ของประเทศไทยทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยง ASEAN Connectivity และการก่อตั้ง Thailands Western Gateway to Indian Ocean
CK ปิด 26.50 บาท; ซื้อ; AWS TP 29.50 บาท) ราคาหุ้นค่อนข้าง Laggard เนื่องจาก Backlog ในมือน้อยลง แต่ภาครัฐบาลไทยยังมีโครงการที่จะขยายด้านระบบขนส่งมวลชนอีกมาก คาดว่าทำให้ CK เพิ่ม Backlog ได้ไม่ยาก
หุ้นเด่นวันนี้ : KCE (ปิด 43.50 บาท; ซื้อ; AWS TP 49.00 บาท)
เรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกสำหรับ KCE เนื่องจากปัจจุบันบริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตแผ่น PCB จากเดิมที่สามารถผลิตได้ 1.5 ล้าน ตร.ฟุตต่อเดือนเป็น 1.7 ล้าน ตร.ฟุตต่อเดือน และบริษัทยังได้ผลิตสินค้าใหม่ที่มี Margin ที่สูงขึ้น อย่าง HDI (High Density Interconnection) แม้ว่าปัจจุบันสินค้าดังกล่าวยังสร้างกำไรได้ไม่มาก เนื่องจากมี Defect จากการผลิตอยู่มาก แต่เราเชื่อว่าบริษัทจะสามารถเรียนรู้จนสามารถทำกำไรได้สูงในอนาคต นอกจากนี้บริษัทยังได้รับผลบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอยู่ราว 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และราคาทองแดงที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาจนลงมาอยู่ที่ราว 6,026 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 1H61 ที่ 6,900 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เราคาดว่าในไตรมาส 3/61 และ 4/61 บริษัทจะสามารถกลับมาทำกำไรได้ราวไตรมาสละ 700 ล้านบาท แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 49 บาท อิง PER ที่ 18 เท่า ในปี 2562
Price Pattern ของ KCE ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิด Monthly Sell Signal แต่เมื่อพิจารณาจากมุมมองระยะสั้นและระยะกลาง Price Pattern ของ KCE ได้กลับมาเกิดความแข็งแกร่งมากขึ้นเป็นลำดับจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal โดยมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 47.25 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 51.25 บาท ตามลำดับ มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 42.50 บาท(Resistance: 44.00, 44.50, 45.25; Support: 43.25, 42.75, 42.00)
ปัจจัยในประเทศ :
ผู้ว่า ธปท. นายวิรไท สันติประภพ เผยยังไม่เห็นความกดดันในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเหมือนประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ เนื่องจากไทยมีสำรองเงินตราต่างประเทศและดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลที่แข็งแกร่ง (บางกอกโพสต์) ความเห็น: ณ งาน Thailand Focus 2018 ผู้ว่า ธปท. ได้เน้นย้ำว่าการตัดสินใจในการปรับดอกเบี้ยของธนาคารกลางจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเป็นหลัก (data-dependent) ซึ่งปัจจัยที่จะต้องพิจารณา ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อ การเติบโตของเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางการเงิน
รัฐบาลเล็งยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าชาวจีนชั่วคราว หวังกระตุ้นการท่องเที่ยว ช่วง Golden Week ตุลาคมนี้ (ทันหุ้น) ความเห็น: เรามองว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลบวกเพียงระยะสั้น ในขณะที่เหตุการณ์เรือล่มใน จ. ภูเก็ตเริ่มส่งผลกระทบทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงในเดือน ก.ค. 61 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนหันไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นอันดับ 1 แทนที่ไทย (ที่มา: Bangkokpost) ทำให้โอกาสที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะเติบโตได้ดีในระดับมากกว่า 10% ในอนาคตเริ่มจำกัด เราให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวเป็น Neutral และแนะนำให้นักลงทุนติดตามตัวเลขผู้โดยสารต่างชาติของ AOT ในเดือน ส.ค.-ก.ย. 61 ว่ามาตรการดังกล่าวได้ผลมากน้อยเพียงใด
KBANK (ราคาปิด 215 บาท; ซื้อ; AWS TP 237 บาท) ประธานกรรมการ KBANK นายบัณฑูร ล่ำซำ เผย ธนาคารยังไม่มีแผนการปรับขึ้นดอกเบี้ยทั้งดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝาก เพราะสภาพคล่องของธนาคารยังอยู่ในระดับสูง (อินโฟเควสท์) ความเห็น: ข่าวดังกล่าวเป็นไปตามที่เราคาดว่าอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของ KBANK ในปี 2561-2562 จะยังอยู่ในช่วง 3.3-3.4%
ITD (2.82 บาท; NR; IAA consensus 4.00 บาท) ITD กำลังเดินมุ่งหน้าไปสู่การเป็นผู้นำในตลาดการก่อสร้างถนนด้วยการเปิดตัวแบรนด์ Power Curbers และ Power Pavers โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลุยงานการพัฒนาถนนทุกประเภทที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ โดยในช่วงครึ่งปีหลัง ITD มีแผนที่จะเพิ่มยอดขายในส่วนของการก่อสร้างถนนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีโอกาสอีกมากมายที่จะได้งานลักษณะนี้เพิ่มเติม (The Nation) ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกเนื่องจากการขยายถนนอย่างกว้างขวางทั่วประเทศเกิดจากการลงทุนก่อสร้างถนนอย่างต่อเนื่องจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน Logistics ของประเทศไทย
CK (ปิด 26.50 บาท; ซื้อ; AWS TP 29.50 บาท) ลงนามแก้ไขเพิ่มเติมสัญญางานซ่อมบำรุงโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้าสานสีน้ำเงิน มูลค่า 2.78 พันล้านบาท (อินโฟเควสท์) ความเห็น: จากงานดังกล่าว ทำให้ CK มีมูลค่างานในมือรวมอยู่ที่ 6.2 หมื่นล้านบาท แม้ว่าจะเพียงพอรับรู้รายได้เพียง 2 ปี แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่า CK จะเข้าร่วมประมูลงานในอนาคตได้เพิ่มเติม อย่าง งานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และสีม่วงใต้ที่คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ภายในสิ้นปีนี้ เรายังคงแนะนำซื้อ
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 60.55 จุด หรือ +0.23% ขณะที่ดัชนี S&P500 +16.52 จุด หรือ +0.57% และดัชนี Nasdaq +79.65 จุด หรือ +0.99% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ทำสถิติปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมุมมองด้านบวกที่นักลงทุนมีต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดา หลังจากที่สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโกก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ การขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของตัวเลข GDP ในไตรมาส 2/61 ของสหรัฐฯ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดเช่นกัน
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : WTI ปิดบวก 98 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 69.51 ดอลลาร์/บาร์เรล; เบรนท์ พุ่งขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 77.14 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า การส่งออกน้ำมันของอิหร่านลดลง เนื่องจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ
ราคาทองคำ : ปิดลบ 2.9 ดอลลาร์ หรือ 0.24% ปิดที่ 1,211.5 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 2/61 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 4.2% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 4.1% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.0% โดยได้แรงหนุนจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการใช้จ่ายในด้านซอฟต์แวร์
Thailand Research Department
Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO13152