WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
 
“บวกเพิ่ม สหรัฐ-เม็กซิโกบรรลุข้อตกลงการค้า NAFTA”
 
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
  ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index ปรับตัวขึ้น 13.42 จุด ที่ระดับ 1717.24 จุด ปิดที่ใกล้ยอดสุงสุดของวันคือ 1717.45 จุด และถือว่าอยู่ในเกณฑ์สอดคล้องกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน มูลค่าซื้อขายปานกลางที่ 47.1 พันล้านบาท มีปัจจัยหนุนจากผลการประชุมประจำปีสหรัฐฯออกมาดี คือ เฟดแสดงความเชื่อมั่นเศษฐกิจสหรัฐ และจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ดาวโจนส์ปรับขึ้น ดอลาร์อ่อนค่า บาทกลับมาแข็งค่า รวมทั้งจะมีการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส ปลายสัปดาห์นี้ จะช่วยให้เม็ดเงินต่างชาติเข้ามาตลาดหุ้นไทยให้คึกคักขึ้นได้ ด้านน้ำมันระยะนี้ก็ปรับขึ้นดี อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปียังอยู่ในระดับต่ำ เช่นเดียวกับ VIX สถาบันซื้อสุทธิต่อเนื่อง หลักทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นดีคือ BEAUTY,GL และ PTG ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ สถาบัน 3.7 พันล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ 0.6 พันล้านบาท และผู้ขายสุทธิคือ นักลงทุนทั่วไป 3.7 พันล้านบาท ต่างประเทศ 0.6 พันล้านบาท
  แนวโน้มและกลยุทธ์– ระยะสั้น SET ได้รับผลบวกปัจจัยต่างประเทศ สหรัฐ-เม็กซิโกบรรลุข้อตกลงการค้า ปูทางสู่การปรับปรุง NAFTA ดาวโจนส์ปรับขึ้น ดอลาร์อ่อนค่า บาทแข็งค่า ผลประชุมประจำปีเฟดขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งจะมีการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส ปลายสัปดาห์นี้ จะช่วยให้เม็ดเงินต่างชาติเข้ามาตลาดหุ้นไทยให้คึกคักขึ้นได้ด้านน้ำมันระยะนี้ก็ปรับขึ้นดี สถาบันซื้อสุทธิต่อเนื่อง ด้านตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ปรับขึ้นถ้วนหน้า ดาวโจนส์ล่วงหน้า +53 จุด (7.55 น.) น้ำมันเช้านี้ปรับขึ้น ด้านการเมืองไทยมีความคืบหน้าจะปลดล็อคบทบาทพรรคการเมืองต่างๆ ก่อนการเลือกตั้ง แต่ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรที่จะมีสลับออกมา ปัจจัยที่ยังต้องติดตามคือ สงครามการค้า จีน-สหรัฐ ที่ยังไม่คืบหน้า เพราะทรัมป์อาจยังต้องการป้องกันการขาดดุลการค้าต่อไป รวมทั้งทรัมป์จะถูกพาดพิงด้านการเมืองหรือไม่ หลังคนใกล้ชิดมีความผิด การที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน ส่วนระยะกลาง-ยาวเฟดคาดปีนี้จะปรับขึ้นทั้งหมด 4 ครั้ง (ปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี) และปีหน้าอีก 3 ครั้ง ทำให้แนวโน้มดอลลาร์แข็งค่า และเงินไหลออกกลับไปสหรัฐนับว่าปัจจัยต่างประเทศยังกดดันในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อไป แต่ปัจจัยภายในที่ดีคือ การเลือกตั้งไทยยังเป็นไปตามโรดแม็ป เศรษฐกิจไทยยังดี แต่กังวลไทยจะได้รับผลกระทบสงครามการค้าตั้งแต่ปีหน้า เพราะเราเป็นห่วงโซ่ผู้รับจ้างผลิตและส่งออก จึงอาจได้รับผลลบได้ แต่ก็อาจส่งออกได้มากขึ้นด้วย กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นลงทุนหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ หุ้นเน้นธุรกิจในประเทศ (Domestic Play) หรือหุ้นไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจ (Domestic Play) รวมทั้งหุ้นปันผลสูง นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ไม่หวังกำไรมาก ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย ล็อคกำไร ลดความเสี่ยงระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1720-1740 จุด
  Update หุ้นเด่น : WHA – คาดว่ากำไรปีนี้จะไปหนักในงวดครึ่งหลังเป็นสัดส่วนถึง 70% เทียบกับประมาณการทั้งปี 61 เพราะจะมีการโอนนิคมได้มากขึ้น คาดว่าครึ่งปีแรกเป็น 376 ไร่ และครึ่งปีหลังเป็น 594 ไร่ และ 4Q61 คาดว่าจะมีการขายสินทรัพย์เข้า REIT เพิ่มอีก 173,000 ตารางเมตร ที่มูลค่า 4,606 ล้านบาท หลังจากในงวด 1Q61 มีการขาย 55,000 ตารางเมตร ที่มูลค่า 1,449 ล้านบาท และมีโอกาสที่กำไรตามส่วนได้เสียจากโรงไฟฟ้าจะฟื้นตัวใน 3Q61 เพราะมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน ตามเงินบาทที่แข็งค่า หลังจาก 2Q61 เกิดขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนหนัก อีกทั้งฐานกำไรหลัก 3Q60 ก็ตํ่าที่เพียง 284 ล้านบาท กำไร 3Q61 จึงมีโอกาสเติบโตได้สูง กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 4.72 บาท ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีกถึง 20%
  การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นบวกเล็กๆ แต่ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง ตามโครงสร้าง อย่างไรก็ตามอาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก
  สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ AMATA, HUMAN, BTS, GLOBAL, ROBINS, WHA, RS หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ HMPRO, SCCC, SENA, TASCO, UV, BCPG, BDMS, CBG หุ้นที่หลุด List WORK หุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ TCAP, AOT, BEM, AEONTS, TRUE
 
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์ขึ้นต่อเนื่อง สหรัฐ-เม็กซิโกบรรลุข้อตกลงการค้า
  # ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,049.64 จุด เพิ่มขึ้น 259.29 จุด หรือ +1.01% ขณะที่ Nasdaq ปิดที่ 8,017.90 จุด เพิ่มขึ้น 71.92 จุด หรือ +0.91% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,896.74 จุด เพิ่มขึ้น 22.05 จุด หรือ +0.77%
  # ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโก ซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นปิดที่เหนือระดับ 8,000 จุดเป็นครั้งแรก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
+ ตลาดน้ำมัน : น้ำมัน WTI ขึ้นต่อเล็กน้อย หลังผู้ผลิตน้ำมันปรับลดการผลิต ก.ค.61
  # สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 68.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
  # สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 76.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
  # สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) ขานรับรายงานที่ว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันได้ปรับลดกำลังการผลิตมากกว่าในข้อตกลงราว 9% ในเดือนก.ค. นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
• ทองคำ : ปรับขึ้น เพราะดอลลาร์อ่อนค่าลง
  # สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.70 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,216.00 ดอลลาร์/ออนซ์
  # สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) โดยได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ นอกจากนี้สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
+ สหรัฐบรรลุข้อตกลงการทวิภาคีกับเม็กซิโก ปูทางสู่ NAFTA
  # นักลงทุนเทขายดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นสกุลเงินยูโร หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงทวิภาคีกับเม็กซิโก ซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลง NAFTA
  # ปธน.ทรัมป์ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโกจะช่วยสนับสนุนบรรดาเกษตรกรและผู้ผลิตของทั้งสองประเทศ
+ ธนาคารกลางจีนกำลังใช้มาตรการหนุนค่าเงินหยวน
  # ธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณว่า ทางธนาคารกลางกำลังใช้มาตรการเพื่อหนุนค่าเงินหยวน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นมาตรการที่จะช่วยผ่อนคลายความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ
  # ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนส.ค. ธนาคารกลางได้เริ่มปรับวิธีการคำนวณค่ากลางหยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งจะ "ป้องกันปัจจัยผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจ" (counter-cyclical factor) โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการอ่อนค่าของสกุลเงินหยวน และทำให้ค่าเงินหยวนมีเสถียรภาพ
+ ดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า หลังสหรัฐ-เม็กซิโกบรรลุข้อตกลงการค้า
  # ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโกซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)
+ ประชุมเฟดประจำปี ที่แจคสันโฮล ประธานเชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจ ปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป
  # การประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค. โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน" นายพาวเวลระบุในการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวันศุกร์ว่า เขาคาดว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เฟดมองหาจุดสมดุลในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงจนเกินไป
  # นายพาวเวลยังได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และคาดว่าเฟดจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อ โดยเขาระบุว่าเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อกำลังเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟด ขณะที่การจ้างงานอยู่ในระดับสูง
• ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่จะเปิดเผยต่อไป
  # ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค., ดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จาก Conference Board, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค.,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
 
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นอุตสาหกรรม
+ ปลายสัปดาห์นี้มีงาน "Thailand Focus 2018 : The Future is Now" ช่วยดึงเม็ดเงินต่างชาติ
  # ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จัดงาน "Thailand Focus 2018 : The Future is Now" ในวันที่ 29-31 ส.ค.นี้ชูความโดดเด่นและความน่าสนใจ ศักยภาพของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปัจจุบัน และการเติบโตในอนาคต พร้อมเชิญภาครัฐร่วมให้ข้อมูลแผนยุทธศาสตร์ชาติและความคืบหน้าของการปฏิรูปประเทศเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยมีผู้บริหารระดับสูงของ บจ. 115 ราย มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 13.65 ล้านล้านบาท คิดเป็น 78% ของมูลค่ารวมของตลาด (ณ วันที่ 20 ส.ค. 2561) ร่วมให้ข้อมูล โอกาสการลงทุนและการเติบโตของธุรกิจไทยแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกที่ตอบรับเข้าร่วมกว่า 150 ราย
  # ทั้งนี้จะมีการนำเสนอข้อมูลชูจุดเด่นของประเทศไทยในด้าน Well-being economy อาทิ ด้านการท่องเที่ยว โรงแรม ด้านอาหาร รวมถึงยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 และข้อมูลกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ Thailand Future Fund ที่จะระดมทุนในไตรมาส 3-4 ปีนี้
+ ภาคเอกชนประเมินการส่งออกไทยปีนี้โต 9%
  # รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการสานพลังประชารัฐด้านการส่งเสริมการค้า ธุรกิจบริการ และการลงทุนในต่างประเทศว่า ภาคเอกชนประเมินว่ามูลค่าการส่งออกไทยทั้งปี 61 น่าจะขยายตัวได้ 9% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 257,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แม้จะมี Trade War เกิดขึ้น แต่การส่งออกยังทำได้ดี โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมที่หลายตัวการส่งออกเป็นบวก ส่วนสินค้าเกษตร มีทั้งบวก ทรงตัว และติดลบ แต่ภาพรวมยังเป็นบวก
+ นายกฯ เตรียมหารือคสช.ในสัปดาห์นี้ พิจารณาคลายล็อคพรรคการเมือง
  # พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้จะประชุม คสช.เพื่อพิจารณาคลายล็อคให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ ซึ่งรายละเอียดนั้นขอให้ไปถามจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย เพราะได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาแล้วว่ามีข้อติดขัดเรื่องใดบ้าง และหากที่ประชุมเห็นชอบก็จะดำเนินการตามที่เสนอต่อไป
+ นักธุรกิจจีนสนใจจับคู่เป็นพันธมิตรธุรกิจกับไทยเป็นจำนวนมาก
  # กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยผลการจัดกิจกรรมจับคู่พันธมิตรทางธุรกิจการค้าการลงทุนระหว่างนักธุรกิจผู้ซื้อผู้นำเข้าและนักลงทุนระดับชั้นนำจากไทยและจีน ในส่วนของโซนจับคู่การค้าแบบ one-on-one pre-matching สามารถจับคู่ธุรกิจได้มากกว่า 400 คู่ มูลค่าซื้อขายรวมกว่า 130 ล้านเหรียญสหรัฐ
  # ผลกระทบ: หลักทรัพย์นิคมฯที่จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นและมีที่ดินในเขต EEC จำนวนมากจะได้รับประโยชน์ในระยะยาว ที่แนะนำ ซื้อ คือ WHA และ ROJNA ส่วน AMATA แนะนำ ถือ
 
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO13036

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!