- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 24 August 2018 20:26
- Hits: 9898
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ต่างประเทศไม่สดใส-สัปดาห์หน้ามีไทยแลนด์ โฟกัสช่วย”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : RML (จาก Fully Valued เป็นซื้อ), SVI (จากถือเป็นซื้อ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index ปรับตัวเพิ่มชึ้นอีก 6.50 จุด ที่ระดับ 1704.80 จุด ขณะที่ยอดสุงสุด-ต่ำสุดของวันคือ 1701.30-1709.9 จุด และถือว่าอยู่ในเกณฑ์สอดคล้องกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน มูลค่าซื้อขายเบาบางที่ 39.4 พันล้านบาท ยังเป็นลักษณะรอดู (wait & see) ทั้งเรื่องการประชุมเฟด และผลจีนเจรจาการค้ากับสหรัฐว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ซึงไม่ทันการใช้ภาษีนำเข้าในวานนี้แล้ว แต่น้ำมันที่ปรับขึ้นแรง ช่วยหนุนตลาดฯ หลักทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นดีคือ PTTEP, SAWAD ส่วน PTG ปรับลงแรง ด้านผู้ซื้อสุทธิรายเดียวคือ สถาบัน 1.5 พันล้านบาท และ ส่วนผู้ขายสุทธิคือ นักลงทุนทั่วไป 1.3 พันล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ 0.2 พันล้านบาท และ ต่างประเทศเล็กน้อย
แนวโน้มและกลยุทธ์– ระยะสั้น SET ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศที่ไม่สดใส คือ ไม่มีความคืบหน้าจีนเจรจาการค้ากับสหรัฐ แต่การใช้ภาษีนำเข้าได้เริ่มไปแล้ว ดาวโจนส์และน้ำมันปรับลง ดอลลาร์-บาทกลับมาอ่อนค่า กังวลเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก ก.ย.61 แต่มีปัจจัยหนุนจากการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส ปลายสัปดาห์หน้า อาจช่วยให้เม็ดเงินต่างชาติคึกคักขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปียังอยู่ในระดับต่ำ สถาบันซื้อสุทธิต่อเนื่อง แต่ต้องรอดูการประชุมเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ ต่อไปรวมทั้งทรัมป์จะถูกพาดพิงด้านการเมืองหรือไม่ หลังคนใกล้ชิดมีความผิด ด้านตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่แกว่งแคบๆ ดาวโจนส์ล่วงหน้า +21 จุด (8.21 น.) น้ำมันเช้านี้ปรับขึ้น แต่ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรที่จะมีสลับออกมา เพราะทรัมป์อาจยังต้องการป้องกันการขาดดุลการค้าต่อไป ปัจจัยที่ยังต้องติดตามคือ การคว่ำบาตรอิหร่านและสงครามการค้า สหรัฐ-จีน ส่วนระยะกลาง-ยาวเฟดคาดปีนี้จะปรับขึ้นทั้งหมด 4 ครั้ง (ปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี) และปีหน้าอีก 3 ครั้ง ทำให้แนวโน้มดอลลาร์แข็งค่า และเงินไหลออกกลับไปสหรัฐ นับว่าปัจจัยต่างประเทศยังกดดันในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อไป แต่ปัจจัยภายในที่ดีคือ การเลือกตั้งไทยยังเป็นไปตามโรดแม็ป เศรษฐกิจไทยยังดี แต่เริ่มกังวลไทยจะได้รับผลกระทบสงครามการค้าตั้งแต่ปีหน้า เพราะเราเป็นห่วงโซ่ผู้รับจ้างผลิตและส่งออก จึงอาจได้รับผลลบได้ แต่ก็อาจส่งออกได้มากขึ้นด้วย กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ยังคงเน้นลงทุนหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ หุ้นเน้นธุรกิจในประเทศ (Domestic Play) หรือหุ้นไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจ (Domestic Play) รวมทั้งหุ้นปันผลสูง นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ไม่หวังกำไรมาก ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมายล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1680-1720 จุด
Update หุ้นเด่น : AEONTS – กำไรสุทธิ 1Q61/62 เท่ากับ 928 ล้านบาท (+50% y-o-y, ทรงตัว q-o-q) ดีกว่าที่เราคาดไว้ 14% โดยเป็นผลจากหนี้สูญได้รับคืน, Yield ดีกว่าคาดและค่าใช้จ่ายต่อรายได้ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ กำไร 1Q61/62 คิดเป็น 28% ของประมาณการงวดปี 61/62 ของเรา สินเชื่อเติบโต 17.3% y-o-y และ 1.8% YTD โดยอยู่ที่ 77.2 พันล้านบาทณ สิ้นพ.ค.61 รายได้เพิ่ม 14% y-o-y และ 3% q-o-q NPL เพิ่มเป็น 2.5% ในสิ้นพ.ค.61แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 208 บาท เทียบเท่ากับ P/BV ที่ 2.9 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีกถึง 18%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นบวกเล็กๆ แต่ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง ตามโครงสร้าง อย่างไรก็ตามอาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ SAWAD, TASCO, UV, BCPG, AOT, BEM, BDMS, CHG หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SCCC, GULF, TCAP, SF, DCC, SENA หุ้นที่หลุด List STA หุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ TASCO, BBL, VNT, MACO
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์ปรับลง กังวลสงครามการค้า-เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย ก.ย.61
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,656.98 จุด ลดลง 76.62 จุด หรือ -0.30% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,878.46 จุด ลดลง 10.64 จุด หรือ -0.13% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,856.98 จุด ลดลง 4.84 จุด, -0.17%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของเฟดก็ตาม
- ตลาดน้ำมัน : น้ำมัน WTI ปรับลงเล็กน้อย กังวลสงครามการค้ากระทบอุปสงค์
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 3 เซนต์ หรือประมาณ 0.04% ปิดที่ 67.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 5 เซนต์ หรือประมาณ 0.09% ปิดที่ 74.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมัน อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์
• ทองคำ : ปรับลง เพราะดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 9.30 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1,194.00 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
-ความกังวลสงครามการค้า จีน-สหรัฐ รุนแรงขึ้น
# นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน โดยเมื่อวานนี้สหรัฐและจีนต่างก็ประกาศบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันรอบที่ 2 ในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์
+/• สถานการณ์การเมืองสหรัฐ จะกระทบกับทรัมป์หรือไม่
# นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์การเมืองของสหรัฐ หลังจากผู้ใกล้ชิดของปธน.ทรัมป์ได้ถูกดำเนินคดีทางกฎหมายนับตั้งแต่นายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความที่ยอมสารภาพผิดในคดีอาญาทั้ง 8 คดี และนายพอล มานาฟอร์ต อดีตผู้จัดการทีมหาเสียงของปธน.ทรัมป์ ถูกศาลสหรัฐตัดสินจำคุกในข้อหาก่อกวนพยานในคดีที่รัสเซียอาจมีส่วนก้าวก่ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559
+ สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่ ก.ค.61 และ PMI ส.ค.61 อ่อน
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 1.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 627,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว
# ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ อ่อนตัวลงสู่ระดับ 55.0 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
-รายงานการประชุมเฟด มีความพร้อมปรับขึ้น ดอกเบี้ย ก.ย.61
# เฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนส่งสัญญาณว่า เฟดมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
# กรรมการหลายคนของเฟดมีความเห็นว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับมานั้น สนับสนุนมุมมองของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะก้าวไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการถอนนโยบายผ่อนคลายการเงินสำหรับเป้าหมายการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเฟดนั้น จะพิจารณาถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างยั่งยืน, ภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในระยะกลาง" รายงานการประชุมของเฟดระบุ
- ดอลลาร์กลับมาแข็งค่า หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย
# ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของเฟดก็ตาม
+/- ติดตามประชุมเฟด ที่แจคสันโฮล บ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงิน และวันพรุ่งนี้มีแถลงรายงานประชุม
# นักลงทุนทั่วโลกจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค. โดยจะมีการเปิดเผยในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นอุตสาหกรรม
+ ปลายสัปดาห์หน้ามีงาน "Thailand Focus 2018 : The Future is Now" ช่วยดึงเม็ดเงินต่างชาติ
# ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จัดงาน "Thailand Focus 2018 : The Future is Now" ชูความโดดเด่นและความน่าสนใจ ศักยภาพของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปัจจุบัน และการเติบโตในอนาคต พร้อมเชิญภาครัฐร่วมให้ข้อมูลแผนยุทธศาสตร์ชาติและความคืบหน้าของการปฏิรูปประเทศเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยมีผู้บริหารระดับสูงของ บจ. 115 ราย มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 13.65 ล้านล้านบาท คิดเป็น 78% ของมูลค่ารวมของตลาด (ณ วันที่ 20 ส.ค. 2561)ร่วมให้ข้อมูล โอกาสการลงทุนและการเติบโตของธุรกิจไทยแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกที่ตอบรับเข้าร่วมกว่า 150 ราย ในวันที่ 29-31 ส.ค.นี้
+ BA: ประกาศซื้อหุ้นคืน ที่ 40 ล้านหุ้น หรือ 1.9% ของทุนจดทะเบียน
# วงเงินที่ซื้อหุ้นคืนคือ 500 ล้านบาท สำหรับวันเริ่มต้น-วันสิ้นสุดของการซื้อหุ้นคืน คือระหว่าง วันที่ 07 ก.ย. 2561 ถึงวันที่ 06 มี.ค. 2562
# ผลกระทบ: เป็นบวก คาดว่าในช่วงเวลาข้างต้นราคาหุ้นจะยืนได้ เพราะมีแรงซื้อหุ้นคืนคอยค้ำจุนอยู่ ฝ่ายวิจัยฯ คงคำแนะนำ ซื้อ BA ที่ราคาพื้นฐาน 17.20 บาท ทั้งนี้ BA รายงานขาดทุนสุทธิงวด 2Q61 เท่ากับ 83 ล้านบาท ขาดทุนน้อยลง 85%YoY มีประสิทธิผลจากปรับแผนกลยุทธ์ธุรกิจ บริษัทเดินหน้าลงทุนธุรกิจการบินต่อ โดยใน 2Q61 ลงทุน 2.3 พันล้านบาทซื้อหุ้น BAFS 9.47% (ต้นทุนประมาณ 37.8 บาท/หุ้น) ซึ่งธุรกิจของ BAFS มีกำไรต่อเนื่อง
+/- ธปท.กล่าวเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบกระจายตัวมากขึ้น
# ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบกระจายตัวมากขึ้น โดยการบริโภค การจ้างงาน และสินเชื่อโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นชัดเจนขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่คาดว่าจะมีผลกระทบที่ชัดเจนขึ้นตั้งแต่ในช่วงปลายปีนี้หรือปีหน้า และจากความผันผวนของค่าเงินสกุลหลัก
-ยอดขายและผู้ชมลดลงถึง 20% สำหรับงาน “อภิมหกรรมบ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018”
# ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ในฐานะผู้จัดงานอภิมหกรรมบ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018 ระหว่างวันที่ 16-19 ส.ค.ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ยอดขายรวมและผู้เข้าชมงานปีนี้ลดลงประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน NPA หรือสินทรัพย์ของสถาบันการเงินยอดขายลดลง เนื่องจากลักษณะทรัพย์สินที่เหลืออยู่อาจจะไม่ตรงกับความต้องการ
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO12916