- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 22 August 2018 19:28
- Hits: 1750
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
เน้นเก็งกำไรหุ้น Domestic Play / หรือพักเงินไว้ในหุ้นปันผล
Smart Pick
สะสม BDMS
ราคาปิด 25.75 บาท
ราคาเหมาะสม 31.40 บาท
ราคาหุ้นวานนี้ปรับตัวลง 2.8% กลายเป็นโอกาส "สะสม" จากแนวโน้มกำไร 3Q61 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ และเข้าสู่ High Season หนุนจำนวนผู้ป่วยทั้งในและต่างประเทศ
เรามองว่า BDMS เข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ หลังสิ้นสุดการลงทุนรอบใหญ่ไปแล้ว ส่งผลให้ CAPEX ใน 3 ปีข้างหน้าเหลือ 3-4 พันล้านบาท/ปี จากปี 2559-2560 ที่สูงถึง 1.0 หมื่นล้านบาท/ปี คาดกำไรปกติปี 2561 เติบโต +36% YoY เป็น 1.1 หมื่นล้านบาท
เก็งกำไร KBANK
ราคาปิด 216.00 บาท
ราคาเหมาะสม 250.00 บาท
เราคงมุมมองบวกและมั่นใจต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้น หลัง GDP 2Q61 โตถึง 4.6% YoY และกรอบเวลาเลือกตั้งชัดเจนขึ้น ทั้งกกต.และนายกฯ ยืนยันวันเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.2562
วันนี้ติดตามตัวเลขส่งออกไทย เดือน ก.ค. ตลาดคาด +10% YoY หากออกมาดีกว่าคาดจะยิ่งเป็นบวกต่อภาพรวมการลงทุน และประเมินว่ากลุ่มธนาคารจะเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่ได้แรงหนุนจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเราเลือก KBANK เป็นหุ้นนำของกลุ่มฯ
เก็งกำไร SPRC
ราคาปิด 15.60 บาท
ราคาเหมาะสมอิง Consensus 17.25 บาท
SRPC ขึ้น XD วันที่ 27 ส.ค. หุ้นละ 0.59 บาท คิดเป็น Dividend Yield สูงถึง 3.8%
อีกทั้งค่าการกลั่นวานนี้ปิดบวก 2.2% มาอยู่ที่ US$6.98/barrel และ 3QTD เพิ่มขึ้น +72% หนุนกำไรปกติ 3Q61 ให้เติบโต QoQ สูง อีกทั้ง Valuation น่าสนใจ ราคาปิด ณ ปัจจุบัน ซื้อขายที่ PER2561 เพียง 8.2 เท่า อิง Consensus มี Upside 10.5%
เก็งกำไร TRUE
ราคาปิด 6.25 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 8.50 บาท
ราคาหุ้นแกว่งตัว Sideway ใน 3 วันทำการที่ผ่านมา ปิดที่เส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน หากปรับตัวผ่าน 6.30 บาทได้ มีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้าน 6.75 บาท Stop loss หากต่ำกว่า 5.90 บาท
เรามองว่า TRUE มีความโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม หลังเสร็จสิ้นการประมูลคลื่น การขยายฐานลูกค้าทำได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มจากคลื่นเหมือนอีก 2 ราย และเราคาด TRUE จะกลับมามีกำไรปกติตั้งแต่ 3Q61 หลังเสื่อมราคาที่ลดลง 800-900 ล้านบาท/ไตรมาส
Switch : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
เราประเมินว่าบรรยากาศการลงทุนในวันนี้เป็น "กลาง" แม้ว่าราคาน้ำมันดิบ NYMEX จะปิดบวกเด่น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเป็นวันที่ 2 แต่ DJIA Futures เช้านี้ (8.05 น.) กลับลบกว่า 100 จุดต่อความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และอียู ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเตรียมเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ทุกคันจากอียูในอัตรา 25% ย่อมกดดันตลาดหุ้นยุโรปในบ่ายวันนี้เช่นกัน
แม้ว่าทิศทางค่าเงินบาทที่ทรงตัวได้อย่างแข็งแกร่ง และประเด็นวันเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.2562 มีน้ำหนักมากขึ้นหลังนายกฯ และ กกต.ยืนยันวันดังกล่าว แต่ด้วยปัจจัยต่างประเทศ รวมถึงการปรับดัชนี MSCI Thailand ในสิ้นเดือนนี้ ทำให้ SET INDEX ยังไม่น่าผ่านแนว 1,705-1,710 จุดได้ในช่วงนี้ แต่แน่นอนว่า Downside risk จำกัดเช่นกัน ด้วยปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทย และการเติบโตของกำไรในตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้เรามองว่าแนวรับ 1,670-1,680 จุดจะทำงานได้ดีเช่นกัน และเป็นโอกาสของการเข้าสะสมหุ้นหลักในกลุ่ม Domestic Play ซึ่งรอบนี้เราให้น้ำหนักกับกลุ่มธนาคาร/ กลุ่ม Mobile Operator / กลุ่มอสังหาฯ / กลุ่มค้าปลีก / กลุ่มโรงพยาบาล มากกว่ากลุ่มพลังงาน/ปิโตรเคมีที่เหมาะเพียงแค่เทรดดิ้งรอบสั้นเท่านั้น
สำหรับบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจวันนี้คือ บทวิเคราะห์กลยุทธ์ "สรุปกำไร 2Q61 แต่แนวโน้ม 3Q61" หุ้นตัวไหนที่น่าสนใจเข้าสะสมในเชิงกลยุทธ์ และ "สรุปผลการดำเนินงานกลุ่มอสังหาฯ และแนวโน้ม 2H61"
เชิงกลยุทธ์เราแนะนำ "ทยอยสะสมหุ้นเมื่อราคาอ่อนตัว" เน้นกลุ่ม Domestic Play หรือสะสมหุ้นปันผลเด่น อย่าง KKP/ TTW/ PSH/ SPRC ซึ่งให้ Dividend Yield งวด 1H61 ในระดับ 2-4%
HOT Topic
1. ติดตามตัวเลขส่งออกไทย เดือน ก.ค. คาด +10.0% YoY
2. น้ำมันดิบ NYMEX ฟื้นตัวเด่น ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน เราคงมุมมองบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่น
3. ลุ้นต่างชาติกลับมาสะสมหุ้นไทย หลัง Dollar Index อ่อนค่าต่อเนื่อง และ Long สุทธิ SET50 Index Future วานนี้ 10,828 สัญญา
4. หลากหลายเรื่องอลวนกับทรัมป์ มีอะไรเพิ่มเติมบ้าง?
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ทำจุดสูงสุดของวันที่บริเวณ 1707.63 จุด ก่อนมีแรงขายทำกำไรเข้ามากดดัน SET INDEX ลงมาปิดที่ 1694.63 จุด ลดลง 6.79 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 5.1 หมื่นล้านบาท แรงกดดันหลักมาจากหุ้น Big Cap นำโดย PTT (-0.96%), BDMS (-2.83%), ADVANC (-1.00%) และ SCB (-1.03%) ขณะที่หุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (SETETRON -2.65%) มีแรงขายทำกำไรเข้ามา เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่ามาอยู่ที่ 32.65 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ
กระแสเงินทุน : นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิเป็นวันที่ 6 อีกราว 3.6 พันล้านบาท รวม 6 วันทำการ ขายสุทธิสะสมราว 1.2 หมื่นล้านบาท แต่มีสถานะ Long สุทธิในตลาด SET50 Index Futures หนาแน่นเป็นวันที่ 2 อีกราว 1.1 หมื่นสัญญา รวม 2 วันทำการมีสถานะ Long สุทธิสะสม 1.5 หมื่นสัญญา เราประเมินว่าเป็นการทำกลยุทธ์ Arbitrage เนื่องจาก S50U18 มี Discount จาก SET50 Index ราว 6.7 จุด ขณะที่สถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 อีกราว 1.7 พันล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิสะสมกว่า 8.1 พันล้านบาท และกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Long สุทธิในตลาด SET50 Index Futures 7.7 พันสัญญา
ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นถึง 8.9 พันล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิเล็กน้อยราว 378 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยเตรียมประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ทุกชนิดจากอียูในอัตราภาษี 25%
อดีตที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ รับสารภาพผิดถึง 8 คดี ซึ่งมี 2 คดีที่เชื่อมโยงถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯโดยตรง เกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎหมายการเงินสำหรับการหาเสียงเลือกตั้ง
นายกรัฐมนตรีไทยยืนยันกรอบเวลาการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 24 ก.พ.62 พร้อมกำหนดการนัดหารือร่วมกับพรรคการเมืองภายในเดือน ก.ย.นี้
สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทขนส่งทางเรือ 2 แห่งของรัสเซีย เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนถ่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมไปเกาหลีเหนือ
ติดตามการรายงานนำเข้า-ส่งออกไทย เดือน ก.ค. ตลาดคาดส่งออกขยายตัว 10.00%YoY วันที่ 22 ส.ค.
ติดตามการรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Minutes of meeting) เมื่อวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. ในวันที่ 22 ส.ค.
ติดตามการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ วันที่ 22 - 23 ส.ค.
ติดตามการเริ่มเก็บภาษีนำเข้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน วงเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท วันที่ 23 ส.ค.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อญี่ปุ่นเดือนก.ค. ตลาดคาดขยายตัว 0.9% YoY วันที่ 24 ส.ค.
ติดตามการกล่าวปาฐกถาในงาน Jackson Hole ของประธานเฟด วันที่ 24 ส.ค.
ติดตามการทำประชาพิจารณ์ของสหรัฐฯ ต่อสินค้านำเข้าจากจีน มูลค่ารวม 2 แสนล้านเหรียญ ระหว่างวันที่ 20 - 27 ส.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist 662-009-8059
OO12777