- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 16 September 2014 15:22
- Hits: 1808
บล.เคเคเทรด : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET จะแกว่างตัวออกด้านข้างรอปัจจัยใหม่
SET View
แนวโน้ม วันนี้คาด SET จะแกว่งตัวออกด้านข้างในกรอบ 1575-1590 จุด เพื่อสร้างฐาน (1) ปัจจัยกดดันจิตวิทยาการลงทุนผ่อนคลายลง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ชะลอการปรับขึ้น โดยปรับลดลงมา 4 bsp ในวันนี้มาที่ 2.57% (2) ความคาดหวังเชิงบวกของนักลงทุนรายย่อยต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ทั้งเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และเร่งอนุมัติส่งเสริมการลงทุน (BOI) อย่างไรก็ตามคาดว่านักลงทุนบางส่วนจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูถ้อยแถลงของเฟดหลังการประชุม FOMC คืนวันพุธที่ 17 ทำให้ทิศทางการเคลื่อนไหวของ SET จะไม่แน่นอน หากมีการปรับขึ้นแรงก็คาดจะมีการขายทำกำไรเกิดขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน ดูแนวรับที่บริเวณ 1575 จุด เน้นขึ้นขายลงซื้อ
(1) Top Daily Pick : ICHI (ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “เก็งกำไร” ราคาหุ้นสะท้อนความวิตกต่อโอกาสถูกเก็บภาษีสรรพสามิตไปแล้ว แต่ยังไม่สะท้อนโอกาสเติบโตจากตลาดในอินโดนีเซีย) RS (เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่จะได้ประโยชน์จากฐานคนดูเพิ่มขึ้นหลังการแจกคูปองทีวีดิจิทัลในกลางเดือนหน้า)
(2) Technical Pick : SIMAT FVC CHUO WINNER HEMRAJ
(3) Theme Play : กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ (BBL KBANK SCB) คาดการรีบาวน์ทางเทคนิค กลุ่มที่เราให้คำแนะนำ “ซื้อ” และมี upside มากกว่า 20% จากมูลค่าเหมาะสม (TVD RS KAMART HOTPOT HANA) กลุ่มสื่อสารบางตัวที่ laggard และมี Upside สูงกว่ากลุ่ม (INTUCH THCOM) กลุ่มนิคมและชิ้นส่วนรถยนต์ (HEMRAJ AH SAT) ได้ประโยชน์จากมาตรการเร่งอนุมัติส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะโครงการอีโคคาร์ 2 กลุ่มขนส่งและท่องเที่ยว (AOT ERW) ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว
ระยะ 1-2 สัปดาห์
Trading KAMART M RS SRICHA SYMC TOP WORK
Add: KAMART Delete: KTIS
ระยะ 3- 6 เดือนขึ้นไป
Growth AOT BGH PS SIM WORK
Add: PS SIM AOT BGH
Delete: SAMART TUF SEAFCO TVD
Dividend BBL INTUCH MC MODERN PTTEP PTTGC SRICHA
Quant BTS EGCO GFPT MODERN STANLY TOG
รายงานวันนี้
Update : ICHI (เก็งกำไร / มูลค่าเหมาะสม 24 บาท) มีโอกาสจากตลาดอินโดฯ และราคาหุ้นสะท้อนความเสี่ยงภาษีแล้ว
Comment : PTT (เก็งกำไร / มูลค่าเหมาะสม 375 บาท) มีมุมมองเชิงบวกต่อการขยายการลงทุนในเวียดนาม
Preview : DTAC (เก็งกำไร / มูลค่าเหมาะสม 112 บาท) แนวโน้ม 3Q57 กำไรยังเป็นขาลง
Update : กลุ่มอสังหาฯ (น้ำหนักการลงทุน / เท่าตลาด) นโยบายภาษีใหม่กระทบน้อยมาก
Fundamental Talk
หุ้น Outperformers ก็ยังคง outperform SET
เราได้เคยเปิดเผยผลการศึกษาที่พบว่าหุ้นที่จะปรับสูงขึ้นมากกว่า SET (outperformers) ในระดับสัปดาห์ เดือนและสามเดือนมักเป็นหุ้นกลุ่มเดียวกันในรายงานเมื่อ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา เรายังคงพบสถิติของการเกิดซ้ำของผลทดสอบดังกล่าวในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา (8-15 ก.ย.) จากหุ้น 159 ตัวที่นักเคราะห์มีคำแนะนำ มีหุ้นราว 67 ตัวที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาด และหุ้นราว 2/3 ยังเป็นกลุ่มหุ้นที่ผลตอบแทนดีกว่าตลาดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามผลการทดสอบนี้ยังคงพบด้วยว่า (1) จำนวนหุ้นที่ปรับขึ้น WoW ดีกว่าตลาด ลดเหลือเพียง 42% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า และให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 2.4% เทียบกับ 4.2%WoW ขณะเดียวกันหุ้นที่เราให้คำแนะนำ “ซื้อ” มี 15/36 ตัวหรือ 42% ที่ปรับขึ้น WoW ดีกว่าตลาดลดลงจาก 53% ในสัปดาห์ก่อนหน้า อาจบ่งบอกว่าตลาดเข้าใกล้ปลายขาขึ้นมากกว่าเดิม (2) หุ้นที่ผลตอบแทนดีกว่ากว่าตลาดส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลางและเล็ก และกระจุกตัวในกลุ่มสื่อสาร/อาหาร/สร้างบ้าน เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่เป็นหุ้นขนาดมูลค่าตลาดใหญ่กว่า ในกลุ่มการเงิน/พลังงาน/ปิโตรเคมี ขณะเดียวกันกลุ่มพลังงานทางเลือก/รับเหมา/สื่อสาร/สร้างบ้านและสื่อ ยังเป็นกลุ่มที่มีจำนวนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดมากกว่ากลุ่มอื่น โดยรวมอาจบ่งบอกถึงตลาดขาดปัจจัยใหม่และเม็ดเงินใหม่เข้ามาช่วยผลักดันทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในลักษณะสลับกลุ่มและกระจุกตัวในบางกลุ่ม
KAMART บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน update ล่าสุดเดือน กุมภาพันธ์ 2557
แนวโน้ม วันนี้คาด SET จะแกว่งตัวออกด้านข้างในกรอบ 1575-1590 จุด เพื่อสร้างฐาน (1) ปัจจัยกดดันจิตวิทยาการลงทุนผ่อนคลายลง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ชะลอการปรับขึ้น โดยปรับลดลงมา 4 bsp ในวันนี้มาที่ 2.57% (2) ความคาดหวังเชิงบวกของนักลงทุนรายย่อยต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ทั้งเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และเร่งอนุมัติส่งเสริมการลงทุน (BOI) อย่างไรก็ตามคาดว่านักลงทุนบางส่วนจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูถ้อยแถลงของเฟดหลังการประชุม FOMC คืนวันพุธที่ 17 ทำให้ทิศทางการเคลื่อนไหวของ SET จะไม่แน่นอน หากมีการปรับขึ้นแรงก็คาดจะมีการขายทำกำไรเกิดขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน ดูแนวรับที่บริเวณ 1575 จุด เน้นขึ้นขายลงซื้อ
(1)Top Daily Pick : ICHI (ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “เก็งกำไร” ราคาหุ้นสะท้อนความวิตกต่อโอกาสถูกเก็บภาษีสรรพสามิตไปแล้ว แต่ยังไม่สะท้อนโอกาสเติบโตจากตลาดในอินโดนีเซีย) RS (เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่จะได้ประโยชน์จากฐานคนดูเพิ่มขึ้นหลังการแจกคูปองทีวีดิจิทัลในกลางเดือนหน้า)
(2)Technical Pick : SIMAT FVC CHUO WINNER HEMRAJ
(3)Theme Play : กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ (BBL KBANK SCB) คาดการรีบาวน์ทางเทคนิค กลุ่มที่เราให้คำแนะนำ “ซื้อ” และมี upside มากกว่า 20% จากมูลค่าเหมาะสม (TVD RS KAMART HOTPOT HANA) กลุ่มสื่อสารบางตัวที่ laggard และมี Upside สูงกว่ากลุ่ม (INTUCH THCOM) กลุ่มนิคมและชิ้นส่วนรถยนต์ (HEMRAJ AH SAT) ได้ประโยชน์จากมาตรการเร่งอนุมัติส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะโครงการอีโคคาร์ 2 กลุ่มขนส่งและท่องเที่ยว (AOT ERW) ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว
หุ้น Outperformers ก็ยังคง outperform SET
เราได้เคยเปิดเผยผลการศึกษาที่พบว่าหุ้นที่จะปรับสูงขึ้นมากกว่า SET (outperformers) ในระดับสัปดาห์ เดือนและสามเดือนมักเป็นหุ้นกลุ่มเดียวกันในรายงานเมื่อ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา เรายังคงพบสถิติของการเกิดซ้ำของผลทดสอบดังกล่าวในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา (8-15 ก.ย.) จากหุ้น 159 ตัวที่นักเคราะห์มีคำแนะนำ มีหุ้นราว 67 ตัวที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาด และหุ้นราว 2/3 ยังเป็นกลุ่มหุ้นที่ผลตอบแทนดีกว่าตลาดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามผลการทดสอบนี้ยังคงพบด้วยว่า (1) จำนวนหุ้นที่ปรับขึ้น WoW ดีกว่าตลาด ลดเหลือเพียง 42% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า และให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 2.4% เทียบกับ 4.2%WoW ขณะเดียวกันหุ้นที่เราให้คำแนะนำ “ซื้อ” มี 15/36 ตัวหรือ 42% ที่ปรับขึ้น WoW ดีกว่าตลาดลดลงจาก 53% ในสัปดาห์ก่อนหน้า อาจบ่งบอกว่าตลาดเข้าใกล้ปลายขาขึ้นมากกว่าเดิม (2) หุ้นที่ผลตอบแทนดีกว่ากว่าตลาดส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลางและเล็ก และกระจุกตัวในกลุ่มสื่อสาร/อาหาร/สร้างบ้าน เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่เป็นหุ้นขนาดมูลค่าตลาดใหญ่กว่า ในกลุ่มการเงิน/พลังงาน/ปิโตรเคมี ขณะเดียวกันกลุ่มพลังงานทางเลือก/รับเหมา/สื่อสาร/สร้างบ้านและสื่อ ยังเป็นกลุ่มที่มีจำนวนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดมากกว่ากลุ่มอื่น โดยรวมอาจบ่งบอกถึงตลาดขาดปัจจัยใหม่และเม็ดเงินใหม่เข้ามาช่วยผลักดันทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในลักษณะสลับกลุ่มและกระจุกตัวในบางกลุ่ม
การเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นในกลุ่มที่ให้ผลตอบแทน WoW ดีกว่าตลาด