- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 16 August 2018 16:47
- Hits: 4457
บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Morning Ztrategy
Market Round Up
SET Index ปิดที่ระดับ 1695.35 จุด -10.61 จุด (-0.62%) มูลค่าการซื้อขาย 5.4 หมื่นล้านบาท ปรับตัวลดลงตามแรงขายของนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบัน ที่กังวลต่อวิกฤตค่าเงินตุรกีอ่อนค่า ที่กดดันค่าเงินและตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศ Emerging Market เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อินเดีย อาร์เจนติน่า บราซิล และรัสเซีย
นักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันมีมุมมองลบต่อความเสี่ยงจากประเด็นวิกฤตตุรกีมากกว่านักลงทุนรายย่อย ดูได้จากที่ทั้งสองกลุ่มเป็นผู้ขายสุทธิในตลาดหุ้นรวมกันราว 4 พันล้านบาท และเพิ่มสถานะ Short สุทธิ ใน Index Future รวมกัน 18,756 สัญญา สวนทางกับนักลงทุนรายย่อยและบัญชี บล.ที่มีซื้อสุทธิในตลาหุ้นและเพิ่มสถานะ Long Index Future
Market Outlook
คาด SET Index มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นตามทิศทางตลาดโลก หลังค่าเงินลารีของตุรกีปรับตัวดีขึ้นจากวันก่อนหน้า อย่างไรก็ตามเรายังมองว่าดัชนีจะสามารถฟื้นตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังมีความจำเป็นต้องติดตามประเด็นวิกฤตเศรษฐกิจตุรกีอย่างใกล้ชิด ให้กรอบ SET Index วันนี้ที่ 1685 - 1700 จุด
กลยุทธ์การลงทุน: สำหรับนักลงทุนระยะสั้นพิจารณาแนวรับดัชนีที่ 1685 จุด หากดัชนีสามารถยืนระยะได้ แนะนำทยอยสะสมหุ้นที่ประกาศงบ 2Q18 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด หรือสะสมหุ้นที่จ่ายปันผลในอัตราสูง
ประเด็นที่น่าจับตา: ผลกระทบของวิกฤตค่าเงินตุรกี, แนวโน้มค่าเงินบาท, สงครามการค้าระหว่างชาติมหาอำนาจ, กำหนดการเลือกตั้งในประเทศ, การตอบโต้ของอิหร่านหลังถูกคว่ำบาตร
Strategy Daily Pick
TKS รายงานกำไรสุทธิเติบโต QoQ และ YoY
SMPC 2H18 เป็นช่วง High Season ของธุรกิจ
BWG เซ็น MOU ศึกษาโครงการบริหารจัดการขยะที่เวียดนาม
Fundamental Report
-
Ztock Daily
MBAX: Support 4.06 - 4.10 Resistance 4.20 - 4.36
SEAFCO: Support 8.40 - 8.50 Resistance 8.90 - 9.20
Corporate Watch
(+) LANNA ระบุว่าผลการดำเนินงานในภาพรวมปี 61 จะสามารถทำกำไรเติบโตเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะธุรกิจถ่านหินซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นตามปริมาณและราคาขายถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจเอทานอลซึ่งเป็นธุรกิจรองก็ยังสามารถทำกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน (Source : InfoQuest)
(+) HMPRO คงเป้ารายได้ปี 61 โต 5% โดยคาดว่ารายได้ช่วงครึ่งปีหลังจะทรงตัวจากครึ่งปีแรก เนื่องจากการฟื้นตัวของกำลังซื้อไม่เป็นไปตามคาด โดยมองว่าปัจจัยหลักในการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้มาจากกลุ่มนอกภาคเกษตรกรรม อาทิ ภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมส่งออกที่มีแนวโน้มค่อนข้างดี (Source : InfoQuest)
(-) GOLD ปรับลดเป้ารายได้ในงวดปี 60/61 (1 ต.ค.60-30 ก.ย. 61) ลดลงเหลือ 1.4 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1.78 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากในงวดครึ่งปีแรกบริษัทเปิดโครงการได้ล่าช้ากว่าแผนที่ว่างไว้ จากผลกระทบด้านปัญหาแรงงาน และที่ดินที่อยู่ระหว่างการขออนุญาต เพราะกฎระเบียบของทางราชการที่เปลี่ยนแปลงไป (Source : InfoQuest)
Economy Watch
(+) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบงบประมาณจำนวน 4,582,300 ดอลลาร์สหรัฐ และแผนการดำเนินงานประจำปี 2562 ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ (Source : InfoQuest)
(+) พาณิชย์ วิเคราะห์กรณีคู่ค้าทำสงครามการค้าตอบโต้สหรัฐฯ ในกลุ่มสินค้าเกษตร พบสินค้าไทยหลายรายการจะส่งออกได้เพิ่มขึ้น เพื่อไปทดแทนสินค้าจากสหรัฐ (Source : ผู้จัดการรายวัน)
(+/-) แบงก์ชาติ ระบุค่าธรรมเนียนการโอนของแบงก์พาณิชย์ติดลบเป็นครั้งแรกหลังจากยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนผ่านช่องทางดิจิทัล ขณะผลการดำเนินงานของระบบแบงก์ ไตรมาส 2 ปีนี้เติบโตต่อเนื่อง สินเชื่อเพิ่มขึ้นและการตั้งสำรองลดลง (Source : ผู้จัดการรายวัน)
(+/-) ครม.ไฟเขียวระเบียบกำกับ ยึดหลักวินัยการเงินการคลังคุมไม่เกิน 60% ต่อจีดีพี: ครม.เห็นชอบ สบน.ทำแผนก่อหนี้ปานกลางระยะ 5 ปี พร้อมเกาะติดและรายงานยอดให้ รมว.คลังทราบทุกเดือน (Source : นสพ.โพสต์ทูเดย์)
Global Watch
(-) ประธานาธิบดีตุรกี ประกาศเมื่อวานนี้ว่า ตุรกีจะคว่ำบาตรสินค้าอิเลคทรอนิคส์ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึง iPhone ของบริษัทแอปเปิล อิงค์ เพื่อตอบโต้มาตรการของสหรัฐในการเพิ่มอัตราภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากตุรกี (Source : InfoQuest)
(-) ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ค่าเงินลีราของตุรกีอย่างใกล้ชิด ส่วนค่าเงินยูโรยังคงอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง จากความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตค่าเงินลีราของตุรกีจะส่งผลกระทบต่อภาคธนาคารของยุโรป (Source : InfoQuest)
(-) กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าทรงตัวในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนมิ.ย. โดยการทรงตัวของดัชนีราคานำเข้าเกิดจากการที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสวนทางการร่วงลงของราคาสินค้าอื่นๆ นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกลดลง 0.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. (Source : InfoQuest)
Research Group
Chavin Saengsirinavin
Fundamental Analyst
Sec No. 048514
(+66) 2 088 8156
Sutthivit Tesanaboon
Fundamental Analyst
Sec No. 028533
(+66) 2 088 8158
Watcharain Jongyanyong
Fundamental Analyst
Sec No. 057768
(+66) 2 088 8159
OO12520