- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 15 August 2018 16:36
- Hits: 1554
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
เน้นเก็งกำไรหุ้นรายตัวในกลุ่ม Domestic Play / พักเงินในหุ้นปันผลเด่น
Smart Pick
เก็งกำไร TRUE
ราคาปิด 6.35 บาท
ราคาเหมาะสม 8.50 บาท
รายงานขาดทุนปกติใน 2Q61 ที่ 708 ล้านบาท ลดลงทั้ง YoY และ QoQ ตามคาด ขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้น +8.1% YoY และ +4.4% QoQ เป็น 9.4 พันล้านบาท เติบโตสูงสุดในกลุ่มฯ จาก Market Share ที่เพิ่มขึ้นเป็น 28.0% จาก 2Q60 ที่ 26.2%
แนวโน้ม TRUE กลับมามีกำไรปกติใน 2H61 หลังตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์ใน 2Q61 จำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ค่าเสื่อมราคาตั้งแต่ 3Q61 ลดลงไตรมาสละ 800-900 ล้านบาท
สะสม SIRI
ราคาปิด 1.63 บาท
ราคาเหมาะสม 1.66 บาท
เรามองว่าภาพการลงทุนในครึ่งหลังของเดือน ส.ค. มีแรงกดดันจากกการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI และสหรัฐฯ อาจเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก US$2 แสนล้าน กำหนดประชาพิจารณ์ในวันที่ 20-23 ส.ค. ทำให้เรามองว่าหุ้นปันผลสูงจะเป็นที่พักเงินได้ดี
SIRI ประกาศเงินปันผล 1H61 หุ้นละ 0.04 บาท ขึ้น XD วันที่ 28 ส.ค. คิดเป็น Yield 2.5% แนวโน้มกำไร 2H61 โต QoQ ทุกไตรมาส ขณะที่ราคาหุ้นลงไปแล้ว 25% YTD สะท้อนกำไร 1H61 ที่อ่อนแอไปแล้ว
สะสม BDMS
ราคาปิด 26.25 บาท
ราคาเหมาะสม 31.40 บาท
ราคาหุ้นอ่อนตัวลง 3 วันติดต่อกัน ทำให้เรามองว่าราคาหุ้น BDMS มีโอกาสฟื้นตัว หลังรายงานกำไรปกติ 2Q61 ที่ 2.04 พันล้านบาท +28% YoY ออกมาดีตามคาด
หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลจะเข้าสู่ High Season ใน 2H ทำให้เรามองว่ากำไร 2H61 โต HoH ส่งผลให้กำไรปกติปี 2561 คาดเติบโต +39% YoY เป็น 11,186 ล้านบาท ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ซื้อขายที่ PER2561 ระดับ -0.5SD บนค่าเฉลี่ย 5 ปี จึงเป็นบริเวณที่น่าสนใจเข้าสะสม
เก็งกำไร IRPC
ราคาปิด 6.45 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 6.70 บาท
ราคาหุ้นวานนี้อ่อนตัวลงทดสอบแนวรับบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน และปิดบวกได้ เป็นสัญญาณบวกทางเทคนิค เราคาดว่าราคาหุ้นมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 6.70 บาท และ Stop loss หากปรับตัวลงต่ำกว่า 6.25 บาท
หุ้นกลุ่มโรงกลั่นมี Momentum บวกใน 3Q61 จากเข้าสู่ฤดูมรสุมในสหรัฐฯ ส่งผลให้ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้น โดยล่าสุดค่าการกลั่นปิดที่ US$7.07/barrel จาก ณ สิ้น 2Q61 ที่ US$4.04/barrel
Switch : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
แม้ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจาก Sentiment เชิงลบต่อปัญหาเศรษฐกิจในตุรกี แต่วานนี้ SET INDEX ปิดลบเพียง 0.6% ดีกว่าค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นในภูมิภาคที่พักฐานราว 1-3% ในวันก่อนหน้า อีกทั้ง SET INDEX ไม่หลุดแนวรับหลัก 1680 จุด วันนี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดทุนโลกผ่อนคลายขึ้น หลังเงินลีราของตุรกีกลับมาแข็งค่าขึ้น 8% เทียบดอลล่าร์สหรัฐฯ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกได้ทั้ง 3 ตลาด เช่นเดียวกับ กองทุน iShares MSCI Thailand ETF วานนี้บวก 0.85% ทำให้เรามองว่าวันนี้ SET INDEX มีโอกาสเกิด Technical Rebound กลับมายืนเหนือ 1700 จุดอีกครั้ง โดยจับตากลุ่มธนาคาร / กลุ่มอสังหาฯ / กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คาด Outperform ตลาดโดยรวม
สำหรับผลการดำเนินงาน 2Q61 วานนี้ บริษัทที่รายงานกำไรปกติตามคาด ได้แก่ AP/ BJC/ CPN/ AOT/ CENTEL/ LH/ BDMS/ CK ส่วนบริษัทที่ประกาศออกมาต่ำกว่าคาด ได้แก่ PTG/ SPALI/ ERW/ SENA และมีเพียง LANNA/ AH ที่มีกำไร 2Q61 ดีกว่าคาด เรามองว่าตลาดรวมจะคงประมาณการกำไรปีนี้ หลังผลการดำเนินงานโดยรวมออกมาใกล้เคียงคาดหรือต่ำคาดเพียงเล็กน้อย 2-3% และล่าสุด EPS61 ตลาดหุ้นไทยจาก Bloomberg Consensus เท่ากับ 108.12 บาท ลดลงเพียง 0.3% QTD
กลยุทธ์การลงทุน เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนกลับมาให้น้ำหนักกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Play) เป็นหลัก เพื่อลดความเสี่ยงจากสถานการณ์ในต่างประเทศ โดยเลือกซื้อหุ้นที่ Valuation ไม่แพงและมีปันผลสูงจูงใจ รวมถึงหุ้นขนาดกลาง (Mid Cap) เด่นกว่าหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) เพราะมีความเสี่ยงจำกัดต่อกรณีการลดน้ำหนักดัชนี MSCI Thailand เพื่อเพิ่มหุ้น A-Shares ของจีน ณ สิ้นเดือนนี้
HOT Topic
1. สิ้นสุดงบ 2Q61 ภาพรวมผลประกอบการเป็นอย่างไร?
2. สถานการณ์ในตุรกีคลายตัวลง หลังค่าเงินลีราฟื้นตัว แต่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
3. กลุ่มอสังหาฯ คาดเด่นต่อเนื่อง ทั้งจากเงินปันผลในระดับสูง และโอกาสออกมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐฯ
4. วิเคราะห์งบ 2Q61 ได้แก่ TRUE, AOT, ERW, CENTEL, BDMS, SPALI, LH, CPN เป็นต้น
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ทำระดับต่ำสุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขายที่ราว 1684 จุด จากความกังวลต่อเหตุการณ์ในตุรกี ก่อนฟื้นตัวกลับขึ้นมาปิดที่ 1695.35 จุด ลดลง 10.61 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.4 หมื่นล้านบาท
กระแสเงินทุน : นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยราว 2.1 พันล้านบาท และ 2 พันล้านบาทตามลำดับ ด้านตลาด SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิเป็นวันที่ 3 หนาแน่นถึง 1.5 หมื่นสัญญา รวม 3 วันที่การมีสถานะ Short สุทธิสะสม 1.8 หมื่นสัญญา เราประเมินว่า เป็นการปิดสถานะ Long บางส่วน เนื่องจาก QTD นักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะ Long สุทธิสูงถึง 7.5 หมื่นสัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Short สุทธิราว 4.1 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 3.6 หมื่นสัญญา
ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิราว 2.8 พันล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 2.1 พันล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ตุรกีเตรียมคว่ำบาตรสินค้าอิเล็คทรอนิคส์จากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐฯ
ที่ปรึกษาความมั่นคงของสหรัฐฯ เตรียมเดินทางพบกับเจ้าหน้าที่ของรัสเซีย ที่เมืองเจนีวา ในสัปดาห์หน้า
กระทรวงพาณิชย์เผยสินค้าเกษตรของไทยมีโอกาสส่งออกไปจีนและอียูเพิ่มขึ้น หลังจากจีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ
การเคหะฯ เตรียมเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่อยู่อาศัยแห่งชาติ (กอช.) เพื่อขอพิจารณาลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนองรวม 3% ให้เหลือ 0.01% สำหรับอสังหาที่ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท
อียูรายงาน GDP 2Q61 ขยายตัว 2.2% YoY มากกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 2.1% YoY
API รายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.66 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 2.49 ล้านบาร์เรล
ADVANC ขึ้นเครื่องหมาย XD วันนี้ จ่ายปันผล 3.78 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 1.9%
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ อังกฤษ เดือนก.ค. ในวันที่ 15 ส.ค.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ อียู เดือนก.ค. ในวันที่ 17 ส.ค.
ติดตามการประมูลคลื่นความถี่ 1800MHz วันที่ 19 ส.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist , 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist , 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist , 662-009-8059
OO12449