WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ASIAwealthบล.เอเชีย เวลท์ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
คาดตลาดรับข่าวผลประกอบการไตรมาส 2/61 และการจ่ายปันผลระหว่างกาล
          ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : สัปดาห์นี้คาดว่าจะมีการประกาศผลประกอบการ บจ.ในไตรมาส 2/61 ออกมาหลายแห่งเช่น IVL, TOP, BANPU, PTTGC ซึ่ง บจ.ที่คาดว่าจะมีผลประกอบการดีขึ้นอย่างโดดเด่นในไตรมาส 2/61 คือ IVL และ BANPU ซึ่งเราคาดว่า IVL จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 อยู่ระหว่าง 7,000-8,000 ล้านบาท จากที่เราเคยประเมินไปว่าอยู่ที่ 7,005 ล้านบาท เป็นปัจจัยบวกที่คาดว่าจะหนุนให้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลราว 23-28 ส.ค.เหมือนปีที่ผ่านมา ในระดับ 0.50 บาทขึ้นไป แม้ว่าบริษัทจะเดินหน้าใช้เงินลงทุนซื้อกิจการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม ส่วน BANPU คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/61 สดใสอย่างมากในระดับ 4,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าทำให้กำไรสุทธิครึ่งปีแรกของ BANPU ที่มีผลขาดทุนในไตรมาส 1/61 จากการจ่ายเงินชดเชยกรณีฟ้องร้องเหมืองหงสา สามารถพลิกกลับมาทำให้ผลประกอบการ 1H61 กลายเป็นบวกได้ BANPU มีแนวโน้มจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.30-0.40 บาท ในช่วงเดือน ก.ย.ด้วย นอกจากนี้ INTUCH ซึ่งประกาศผลประกอบการออกมาดี ก็ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 1.35 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD 16 ส.ค.นี้ นอกจากนี้ต้องติดตามการประชุม กนง.วันที่ 8 ส.ค.นี้ ว่าจะมีมุมมองต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอย่างไรในอนาคต 
           กรอบดัชนีวันนี้ : 1,700-1,725 จุด หุ้นแนะนำ ADVANC, INTUCH, AP, BANPU
           กรอบดัชนีสัปดาห์นี้ : 1,690-1,740 จุด หุ้นแนะนำ BANPU, EA, AP
Stock                 Comment
ADVANC   Pick of the day
INTUCH        (ปิด 56.00 บาท; NR; NR) ราคาหุ้นยังอ่อนตัว ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 2/61 ของ INTUCH รับผลบวกจากธุรกิจของ ADVANC และ THCOM ที่ดีขึ้น รวมถึงประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 1.35 บาท XD 16 ส.ค. 
AP              (ปิด 9.40 บาท; ซื้อ; AWS TP 9.80 บาท) สภาวะรถติดหนักในเขตกรุงเทพมหานคร จากการก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายสายเป็นเวลา 3 ปี รวมถึงแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยของไทยอาจจะต้องปรับเพิ่มขึ้นเร็ว ๆ นี้ คาดว่าเป็นการเร่งการตัดสินใจซื้อคอนโดมีเนียมในเขต CBD ของ กทม. ซึ่ง AP นอกจากจะทำผลประกอบการได้ดีโดดเด่นสุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้แล้ว คาดว่าได้รับอานิสสงค์จากการตัดสินใจซื้อคอนโดฯ ของผู้บริโภค และการเตรียมการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศด้วย 
BANPU           (ปิด 20.80 บาท; ซื้อ; AWS TP 27.00 บาท) คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2/61 สดใส มีกำไรสุทธิราว 4,500 ล้านบาท และอาจจะมีปันผลระหว่างกาลราว 0.30-0.40 บาท XD ราวครึ่งหลังของเดือน ส.ค.ด้วย
หุ้นเด่นวันนี้  :  ADVANC (ปิด 198.50 บาท; BUY; AWS TP 229.00 บาท)
          ADVANC รายงานกำไรสุทธิใน 2Q61 ที่ 8,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% YoY โดยมีรายได้หนุนจาก CSL ในครึ่งปีแรกที่ 800 ล้านบาท ส่วนรายได้ Fixed Broadband มีรายได้ 1,094 ล้านบาท สูงขึ้น 48% YoY ซึ่งตัวธุรกิจยังคงเติบโตได้ดี เราคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่บริษัทอาจไม่เข้าร่วมประมูลคลื่นทั้ง 900MHz และ 1800MHz อีกครั้ง เนื่องจากทางบริษัทยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ขนาดคลื่นเพิ่ม นอกจากนี้ ทางบริษัทได้ส่งสัญญาณโดยการปรับงบการลงทุนในเครือข่ายลง ซึ่งเราคาดการณ์ว่าผลของการลดลงของค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะมีกระแสเงินสดเพิ่มเพื่อนำไปชำระค่างวดของคลื่น 900 MHz งวดสุดท้ายในปี 2563 จากสถานจากสถานการณ์ปัจจุบัน ADVANC มีความเสี่ยงจากอายุในการใช้คลื่นน้อยอยู่ โดยแนวโน้มของธุรกิจหลักและฐานลูกค้ายังเติบโตได้ดี เราจึงแนะนำ "ซื้อ" โดยเราคงราคาเป้าหมายที่ 229 บาท
ปัจจัยในประเทศ :
SCB (ราคาปิด 141.50 บาท; ถือ; AWS TP 135 บาท) ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยคงที่ที่จ่ายในระยะเริ่มต้น หรือ Teaser rate ของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยราว 5 bps อีกทั้งเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อยานยนต์ 50-100 bps ในช่วงกลางเดือน ส.ค. นี้ (บางกอกโพสต์) ความเห็น: การปรับดอกเบี้ยขึ้นบ่งบอกถึงสภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นในตลาด หนุนโดยความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าจะเห็นผลจากการปรับขึ้นดังกล่าว เนื่องจากดอกเบี้ยใหม่นี้จะเริ่มใช้กับสินเชื่อใหม่เท่านั้น เราประมาณการอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของ SCB ปี 2561 ที่ 3.2% ใกล้เคียงกับระดับปี 2560  
TTCL (ปิด 8.45 บาท; ซื้อเก็งกำไร; AWS TP 12.6 บาท) อนุมัติจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 56 ล้านหุ้นให้กับ Sojitz Corperation ในราคา 7.795 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงิน 436.52 ล้านบาท จองซื้อและชำระค่าหุ้นวันที่ 3 ส.ค. 61 ถึง 31 ส.ค. 61 (ข่าวหุ้น) Comment: การขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว จะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับบริษัท อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการร่วมมือกัน เพื่อขยายธุรกิจในต่างประเทศอีกด้วย 
LH (ปิด 12.20 บาท; BUY; AWS TP 12.20 บาท) LH ได้รับหนังสือจากนายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ที่ปฎิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนของบริษัท เนื่องจาก SCB ได้ขอยกเลิกวงเงินสินเชื่อระยะยาว ด้วยเหตุที่นายอนันต์ไม่สามารถยอมรับการที่ทางธนาคารได้ขอปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและข้อตกลงในการให้สินเชื่อในสาระสำคัญ ส่งผลให้เงื่อนไขบังคับก่อนการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนตามที่นายอนันต์ เคยประกาศไว้ไม่สำเร็จสมบูรณ์ครบถ้วน (SET) ความเห็น: เราคาดการณ์ว่าการยกเลิกครั้งนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นแต่ไม่ส่งผลต่อกิจการหลักใดๆ โดยเราเห็นโอกาสขายเพื่อทำกำไรหุ้น หรือ "ซื้อ" เมื่อราคาอ่อนตัว โดยเราคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 12.20 บาทต่อหุ้น 
DCC (ปิด 2.26 บาท; NR; NA ) ศึกษาควบรวม RCI คาดสรุปได้ปี 2562 ยันไม่ถอน RCI  ออกจากตลาดหลักทรัพย์ พร้อมแตกไลน์ผุดคอมมูนิตี้มอลล์วัสดุก่อสร้างครบวงจร เต็มรูปแบบครั้งแรก ตั้งเป้าเปิด 5-6 สาขาในปีนี้ คุยเซเว่น-อีเลฟเว่น และแฟมิลี่มาร์ท เช่าพื้นที่ ส่วนรายได้ปีนี้โต 10% หลังปรับราคาเพิ่ม (ทันหุ้น) ความเห็น: เป็นการปรับกลยุทธ์ของ DCC ที่มีต่อ Modern Trade อย่าง GLOBAL หรือไทวัสดุ ซึ่งมีสินค้าหลากกลายกว่าในลักษณะ One Stop Service นักลงทุนอาจต้องจับตาดูว่าร้านค้ารูปแบบใหม่ของ DCC จะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ในขณะที่ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างอย่างกระเบื้องยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน แม้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศจะกลับมาเป็นบวกในไตรมาส 2/61 แต่มาจากโครงการลงทุนภาครัฐ
INTUCH (56.00 บาท; NR; NA) INTUCH รายงานกำไรสุทธิใน 2Q61 ที่ 3,248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY เนื่องจากการปรับโครงสร้างธุรกิจโดย THCOM ขายสัดส่วนการลงทุนใน CSL ให้แก่ ADVANC ทำให้ INTUCH รับรู้กำไรจากการขายสินทรัพย์ดังกล่าวที่ 463 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม THCOM กำไรจากการดำเนินงานในครึ่งปีแรกลดลงถึง 53% มาอยู่ ที่ 223 ล้านบาท เนื่องจากการสูญเสียลูกค้าสำคัญในปี 2560 แต่ยังสามารถควมคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นประกอบกับค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ลดลง ทั้งนี้ INTUCH จะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 1.35 บาทต่อหุ้น (XD: 16 สิงหาคม 2561)
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 136.42 จุด หรือ +0.54% ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 13.13 จุด หรือ +0.46% ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 9.33 จุด หรือ +0.12% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการอันแข็งแกร่งของบริษัทต่าง ๆ ที่มีการรายงานตลอดทั้งสัปดาห์ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เพราะตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคิดอัตราภาษี 25%, 20%, 10% และ 5% ต่อสินค้า 5,207 รายการของสหรัฐ โดยจีนจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว หากสหรัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : WTI ลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 68.49 ดอลลาร์/บาร์เรล; เบรนท์ ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 73.21 ดอลลาร์/บาร์เรล นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับปริมาณการผลิตน้ำมันจากรัสเซียและซาอุดิอาระเบีย ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด   
          
Thailand Research Department
          Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
          Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
          Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
          Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
          Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO12125

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!