WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRINIบล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections   >>  CPN, SYNEX, WHA
Stock     S          R             Comment
CPN       75.50      79.00         เริ่มโอนคอนโดมูลค่า 1.2 พันล้านบา พร้อมปรับเพิ่มค่าเช่าศูนย์การค้า
SYNEX     13.60      14.30         ปรับ Product Mix ใหม่ ที่มี Gross Profit Margin สูงถึง 30%
WHA       3.80       4.10          4Q61 คาดขายโรงงานเข้า REIT พร้อมบุ๊คกำไร
Oil, UST yield, 1720, Large cap
          Oil : ราคาน้ำมันปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ภายหลังสหรัฐฯรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นกว่า 3.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล มองเป็นปัจจัยกดดันเล็กน้อยต่อกลุ่มพลังงานในวันนี้ หลังจากที่เมื่อวานราคาหุ้นในกลุ่มปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก และเป็นตัวช่วยหนุนดัชนีที่สำคัญ
           UST Yield : จับตาการปรับตัวขึ้นของ Bond yield สหรัฐฯรอบใหม่ โดยล่าสุดรุ่นอายุ 10 ปีขึ้นไปแตะระดับ 3% อีกครั้ง ภายหลังจากผลการประชุม FOMC เมื่อคืนนี้ไม่ได้มีปัจจัยอะไร Surprise ซึ่งน่าจะทำให้ Fed เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ล่าสุด Fed Funds futures บ่งชี้ว่า ความน่าจะเป็นของการขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 73% มากกว่าวันก่อนที่ 70%
           EYG : การปรับตัวขึ้นมาของ Bond yield สหรัฐฯนี้ย่อมส่งผลลบทางอ้อมต่อ SET Index ผ่านการปรับตัวลงของ Earning yield gap และ Dividend yield gap ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับพันธบัตรสหรัฐฯ ยิ่งไปกว่านั้น หากการปรับขึ้นของ Bond yield สหรัฐฯนี้นำมาสู่การปรับตัวขึ้นของ Bond yield ของไทยด้วย มองจะยิ่งเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้นมากขึ้น ทั้งนี้ จากการ Update ล่าสุดของเราพบว่า Earning yield gap ของ SET (เมื่อเปรียบเทียบกับ Bond yield สหรัฐฯ) อยู่ที่ระดับ 3.31% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีหลังสุดที่ 4.4% อย่างมีนัยสำคัญ (ดูรูป)
           SET : เพียงแค่วันแรกของเดือนสิงหาคม SET Index ปรับตัวสูงขึ้นมาสู่บริเวณกรอบแนวต้านแรกของเราที่ 1720 จุด โดยได้แรงหนุนจาก Fund flow เป็นสำคัญ มองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่เข้าสะสมหุ้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ที่จะใช้จังหวะนี้ในการขายทำกำไรส่วนหนึ่ง เนื่องจาก Valuation ของตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว (Forward PE ปีหน้าอยู่ที่ 14.4 เท่า) สำหรับหุ้นในส่วนที่เหลือนั้น มองว่าสามารถพอจะถือ Let profit run ต่ออีกสักระยะได้ ตามโมเมนตัมของ Fund flow ที่ยังคงมีทิศทางเชิงบวก แต่จำเป็นต้องกำหนดจุดขายทำกำไรอย่างชัดเจน โดยยังคงมองแนวต้านสำคัญสำหรับเดือนนี้ที่ 1750 จุด
          Laggard : ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าลงทุนใหม่ ณ เวลานี้ มองว่าอาจจะต้อง Trade off ด้วยความเสี่ยงที่สูงขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องโฟกัสไปยังหุ้นขนาดใหญ่ (SET50) ที่ยังปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดในรอบนี้ เพื่อเป็นการจำกัดความเสี่ยงขาลงหากตลาดมีการปรับตัวลง นอกจากนั้น จะต้องเป็นหุ้นที่เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ในเชิงพื้นฐานอีกด้วย ซึ่งจากการ Update รายชื่อล่าสุด ได้แก่ TISCO, TMB, RATCH, PTTEP, CPALL, BBL, TOP, LH
           Large cap : โดยสาเหตุที่เรายังคงแนะนำให้โฟกัสในหุ้นขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่มีการถูกปรับประมาณการ EPS ขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (ดูรูป) ด้วยเหตุนี้ มองว่าเป็นกลุ่มที่ Valuation ยังไม่ตึงตัวมากนัก
แนวรับ 1,709 แนวต้าน 1,735
Today's Event :
TGPRO XR 8:1 @ 0.20 บาท
TGPRO XW 1:4
BDMS ลูกหุ้นเข้า 14,967,925 หุ้น
BEAUTY ลูกหุ้นเข้า 1,373,690 หุ้น
          
นักวิเคราะห์ :  ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
          E-mail: [email protected]
OO12013

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!