- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 02 August 2018 16:53
- Hits: 1910
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
เก็งกำไรหุ้นขนาดกลางต่อผลการดำเนินงาน 2Q61 ที่คาดว่าเด่น
Smart Pick
เก็งกำไร TRUE
ราคาปิด 6.40 บาท
ราคาเหมาะสม 8.35 บาท
เรามองว่า 1- 2 วันนี้มีโอกาสเกิด Stock Rotation จาก ADVANC (ประกาศงบวันนี้) ไปยัง TRUE ที่ยังไม่ประกาศงบ TRUE เราคาดกำไรสุทธิ 2Q61 ที่ 2.47 หมื่นล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 387 ล้านบาทใน 1Q61 ด้วยกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน DIF และเชิงเทคนิค ราคาหุ้น TRUE ใกล้ทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 6.50 บาท หากทะลุผ่าน เชื่อว่ามีแรงซื้อเก็งกำไรตามมา
สะสม BJC
ราคาปิด 56.00 บาท
ราคาเหมาะสม 72.00 บาท
ทิศทางผลประกอบการ 2Q61 ของ BJC โต YoY เด่นสุดในกลุ่มค้าปลีกใน Yuanta Universe เราคาดกำไรปกติ 1.3 พันล้านบาท (+2% QoQ, +34% YoY) หนุนด้วยการขยายสาขาของ BIGC รวมถึง ยอดขายโทรทัศน์ และอาหารที่ได้อานิสงค์ช่วงเทศกาลฟุตบอลโลก ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น คาดขยับขึ้นจาก 18.3% ใน 1Q61 เป็น 18.7% ใน 2Q61 ดังนั้น เรามองว่า ราคาหุ้นที่ย่อตัวลงมาวานนี้ 1.75% เป็นโอกาสในการเข้าสะสม
เก็งกำไร BDMS
ราคาปิด 27.25 บาท
ราคาเหมาะสม 31.40 บาท
เรามองว่า BDMS ซึ่งเป็นหุ้น Market Cap. ใหญ่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล และแนวโน้มกำไรเติบโตแกร่ง จะเป็นเป้าหมายในการสะสมของนักลงทุนต่างชาติ
เราคาดกำไรปกติ 2Q61 ของ BDMS ที่ 2.1 พันล้านบาท โตเด่น 32% YoY จาก (1) ฤดูฝนมาเร็วกว่าปกติ ทำให้เกิดโรคระบาดมากขึ้น และ (2) จำนวนผู้ป่วยต่างชาติจากกลุ่มญี่ปุ่น พม่า จีน อังกฤษ และ UAE หนุน Occupancy Rate ขึ้นจาก 58% ใน 2Q60 เป็น 66% ใน 2Q61
เก็งกำไร PTT
ราคาปิด 52.50 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 54.00 บาท
แนวโน้มทางเทคนิค ราคาหุ้น PTT มีโอกาสขึ้นทดสอบด่าน 54 บาท กำหนดจุดตัดขาดทุน 51.50 บาท
เรามองว่ากระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง หุ้น Big Cap อย่าง PTT ย่อมเป็นเป้าหมายลำดับแรกๆ ในการเข้าสะสม สังเกตจาก PTT เป็นหุ้นที่ถูกซื้อสุทธิผ่าน NVDR มากสุดในช่วง 2 วันทำการหลังสุด (วันที่ 31 ก.ค.- 1 ส.ค.) รวม 994 ล้านบาท
Profit-Taking : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
ตลาดหุ้นกลุ่ม TIP วานนี้ปิดบวกอย่างโดดเด่น พร้อมกับเม็ดเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าอย่างหนาแน่น ขณะที่ตลาดหุ้นไทยได้ตัวช่วยเพิ่มจากสถาบันภายในประเทศที่สะสมหุ้นมากถึง 3.9 พันล้านบาท ส่งผลให้ SET INDEX ทะลุผ่าน 1,720 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเรามองว่าบรรยากาศการลงทุน "กลางถึงบวก" เช่นนี้จะดำเนินต่อไปตลอด 2 สัปดาห์นี้ ต่อประเด็นการเก็งกำไรผลการดำเนินงาน 2Q61 และหุ้นปันผลเด่นงวด 1H61 ประเมินกรอบแกว่งวันนี้ระหว่าง 1,715-1,735 จุด โดยเรายังคงชอบหุ้นในกลุ่มรอง เช่น กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มขนส่ง, กลุ่มโรงพยาบาล มากกว่ากลุ่มหลักที่ Outperform ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาอย่างกลุ่มปิโตรเคมี/กลุ่มธนาคาร +12.55% และ +10.20% ตามลำดับ เทียบกับ SET INDEX +7.92%
ผลการประชุมเฟดคืนวานนี้ คงอัตราดอกเบี้ย 1.75-2.00% ตามที่ตลาดคาด แต่เฟดได้รับมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขึ้น รวมถึงคณะกรรมการส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าเฟดควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ แต่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สะท้อนมุมมองดังกล่าวเป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้าแล้ว ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีทะลุ 3% อีกครั้งนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. อาจเกิด Asset Allocation ไปยังสินทรัพย์เสี่ยงที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งได้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่กระทบจากความไม่แน่นอนนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ จำกัด และยิ่งทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทรงตัวถึงอ่อนค่าได้ ยิ่งสนับสนุนเม็ดเงินทุนต่างชาติหมุนเข้า EM ต่อเนื่อง
สำหรับกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ที่ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา +4.84% เทียบกับ SET INDEX +7.92% สะท้อนผลการดำเนินงานใน 2Q61 ฟื้นตัว QoQ แต่ยังหดตัว YoY โดยเรามองว่า RS จะมีความโดดเด่นที่สุดในกลุ่มนี้ (ติดตามบทวิเคราะห์เช้าวันนี้)
กลยุทธ์การลงทุน "เน้นเก็งกำไรในกลุ่มรอง / หุ้นขนาดกลางที่คาดว่าผลการดำเนินงาน 2Q61 เด่น" หรือจะพักเงินในหุ้นปันผลเด่น เช่น PSH / KKP / QH เป็นต้น
HOT Topic
1. SET INDEX ปรับตัวขึ้นแรงทะลุแนว 1720 จุด เรามีคำแนะนำเชิงกลยุทธ์อย่างไรให้กับนักลงทุน
2. ผลการประชุมเฟด วานนี้ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.75-2.00% ตามคาด
3. ติดตามการรายงานผลประกอบการ 2Q61 ของ ADVANC วันนี้ เราคาดเติบโตทั้ง QoQ และ YoY
4. แนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q61 ของกลุ่ม Media จะมีทิศทางอย่างไร? ติดตามในบทวิเคราะห์เชิงลึกเช้านี้
ตลาดหุ้นไทยวานนี้วานนี้
SET INDEX บวกถึง 20.22 จุด ปิดที่ 1722.01 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 6.1 หมื่นล้านบาท นำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานอย่าง PTT (+2.44%), PTTEP (+2.89%) และ PTTGC (+3.36%) มีผลต่อดัชนีราว 6.3 จุด
กระแสเงินทุน : นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิสะสมเป็นวันที่ 3 อีก 1.1 พันล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิสะสมกว่า 5.3 พันล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่กลับมาซื้อสุทธิหนาแน่นถึง 3.9 พันล้านบาท ด้านตลาด SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 9 อีกราว 7.3 พันสัญญา รวม 9 วันทำการมีสถานะ Long สุทธิสะสมกว่า 7.3 หมื่นสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Long สุทธิสะสมสูงกว่า 1 แสนสัญญา ส่วนหนึ่งมาจาก S50U18 มี Discount จาก SET50 Index สูงถึง 7.5 จุด ขณะที่กลุ่มสถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Short สุทธิราว 4.4 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 2.5 หมื่นสัญญา
ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเล็กน้อยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการราว 434 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯเผยกำลังพิจารณาปรับแผนการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจากแผนเดิมที่ 10% เป็น 25% มูลค่าสินค้ารวม 2 แสนล้านบาท
EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 3.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับตลาดที่คาดว่าจะลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล
เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี พร้อมทั้งระบุภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯยังขยายตัวได้ดี และเงินเฟ้ออยู่ในระดับใกล้เคียงเป้าหมายที่ 2%
ADP รายงานการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 2.19 แสนตำแหน่ง สูงสุดในรอบ 5 เดือน
เม็กซิโกเผยการเจรจาข้อตกลงทางการค้า NAFTA กับสหรัฐฯ เป็นไปได้ด้วยดีและใกล้บรรลุข้อตกลงเร็วๆนี้
กระทรวงพาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. ขยายตัว 1.46% YoY ตลาดคาดที่ระดับ 1.49% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 0.79% ตลาดคาดที่ระดับ 0.83%
ติดตามการประชุม NAFTA/ การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) วันนี้
ติดตามการรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ และการรายงานค่า PMI ของจีน วันที่ 3 ส.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist 662-009-8059
OO12003