- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 September 2014 16:47
- Hits: 1823
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET จะผันผวนและย้อนลบแต่ยังลุ้นบวกหาเป้าได้ จึงยังรอขายบวก!
กลยุทธ์ : สัปดาห์ที่แล้ว SET แกว่งผันผวนและมีจังหวะย้อนลบให้เห็นมากขึ้น หลังขยับมาแกว่งตัวเหนือ 1580 จุดได้ แต่ก็ถือว่ายังทรงตัวได้ดี ทำให้ FSS คาดว่าดัชนียังมีสิทธิที่จะไต่ระดับกลับขึ้นไปหา 1600 จุด(+/-) ได้อีก ก่อนที่จะกลับไปปรับตัวลงในระดับ 100-200 จุดในช่วงหน้า ดังนั้นช่วงนี้ยังสามารถรอทยอยขายทำกำไรในช่วงบวกได้เช่นเดิม แต่ควรเทรดดิ้งให้น้อยลงเพื่อลดความเสี่ยง
หุ้นเด่นทางเทคนิค : ERW, BJCHI, BLA(short)
แนวโน้ม : สัปดาห์ที่แล้ว SET เริ่มมีแรงขายกดดันทำให้ดัชนีแกว่งตัวผันผวนและปรับตัวย้อนลงในระหว่างสัปดาห์พอควร แต่ก็ถือว่ายังมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้เห็นอยู่บ้าง ตลาดหุ้นไทยจึงอยู่ในลักษณะแกว่งทรงตัวด้านลบได้ค่อนข้างดีตลอดทั้งสัปดาห์ โดยคาดว่าแรงขายส่วนหนึ่งมาจากความไม่มั่นใจผลประชุมเฟดในช่วงกลางสัปดาห์นี้ว่าจะมีการพูดถึงการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้หรือไม่ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังมีแรงขายกดดันให้เห็นอยู่ หลังตลาดหุ้นสหรัฐยังปิดเป็นลบ เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกและความเชื่อมั่นของสหรัฐเพิ่มขึ้นได้กระตุ้นความกังวลที่ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ยังออกมาอ่อนแอกว่าคาด จึงทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวผันผวนด้านลบต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนได้ อย่างไรก็ตามการปรับลงของตลาดหุ้นเอเชียไม่ได้รุนแรงมากนัก เราจึงยังคาดหมายว่า SET จะมีลักษณะทรงตัวได้อยู่และยังมีโอกาสที่จะกลับไปไต่ระดับขึ้นหาดัชนีเป้าหมายแถว 1600 จุด(+/-) ได้อีกในช่วงถัดไป
แนวรับ 1579-1577 , 1572-1570 จุด แนวต้าน 1585-1587 , 1590-1592 จุด
Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมาไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาค US$488 ล้าน เป็นครั้งแรกในรอบ 17 สัปดาห์ ส่วนศุกร์ที่ผ่านมาก็ยังไหลออกต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$142 ล้าน เกาหลีใต้ US$107.7 ล้าน อินโดนีเซีย US$65.7 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$6.0 ล้าน เวียดนาม US$2.4 ล้าน ยกเว้นไทยที่ซื้อสุทธิ US$22.9 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อย Flow น่าจะยังไหลออกต่อแต่เบาบาง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) จับตาประชุม Fed 16-17 ก.ย. ว่าจะส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยให้เข้าสู่ระดับปกติช้าหรือเร็ว เพราะ QE3 ก็กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนต.ค.นี้แล้ว หาก Fed ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาด (ส่วนใหญ่คาดกลางปีหน้า) ดอลลาร์จะยิ่งแข็งค่า เป็นลบต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น แต่ระยะกลางคาด QE ของ ECB จะช่วยจำกัดผลกระทบดังกล่าว สำหรับการประชุมครั้งนี้คาด Fed จะลด QE ต่ออีกเดือนละ US$1 หมื่นล้าน เหลือ US$1.5 หมื่นล้าน และลดวงเงินที่เหลือทั้งหมดในเดือนหน้า
(0) คาดกนง.คงดอกเบี้ยที่ 2% 17 ก.ย. นี้ ซึ่งไม่มีผลต่อตลาดหุ้น ดอกเบี้ยปัจจุบันต่ำพอที่จะหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มค่อยๆดีขึ้น ขณะที่แรงกดดันของเงินเฟ้อมีไม่มาก เพราะคสช.มีมาตรการดูแลค่าครองชีพและตรึงค่าไฟรอบ ก.ย.-ธ.ค. 2014 เราคาดว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยน่าจะเป็นกลางปีหน้า ให้สอดคล้องกับแนวโน้มดอกเบี้ยในตลาดโลกรวมถึงดอกเบี้ยของ Fed ที่เป็นทิศทางขาขึ้น และเพื่อรักษาส่วนต่างดอกเบี้ย
(0) คาดได้เห็นงานประมูล 1-3 โครงการภายในปีนี้ เช่นรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งจะยื่นซองเสนอราคา 30 ก.ย.นี้ รถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่นที่ผ่าน EAI แล้ว เหลือเพียงขอครม.ให้อนุมัติประกวดราคา และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ที่กำลังรอเข้าที่ประชุม EIA รอบสุดท้าย สำหรับปี 2015 จะมีการประมูลมากขึ้นเช่นรถไฟฟ้าสายสีชมพู สีส้ม สีเหลือง และรถไฟทางคู่ เป็นต้น แม้ว่าเรายังชอบกลุ่มรับเหมา แต่ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นร้อนแรงทั้ง MTD (+4% vs SET +1%), QTD (+12% vs SET +6%) และ YTD (+48% vs SET +22%) ทำให้ upside เริ่มแคบ เราชอบทั้ง STEC (เป้าหมาย 28 บาท) และ CK (เป้าหมาย 30 บาท) แต่แนะนำเพียงถือ ขณะที่ ITD (เป้าหมาย 5.40 บาท) ยังคงแนะนำขาย
(0) KKP สินเชื่อเดือน ส.ค. ลดลง 1.7% M-M สอดคล้องกับยอดขายรถที่ยังชะลอ ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับ TISCO ที่ลดลง 1.2% M-M แต่ KKP น่าจะได้รับผลกระทบเพิ่มจากตลาดรถมือสองและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดที่ยังไม่ฟื้น สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับ KKP คือเรื่องคุณภาพหนี้ในภาคอสังหาฯ และยังมีขาดทุนจากสินทรัพย์รอการขายที่น่าจะรับรู้อีกหนึ่งไตรมาส แต่ราคาหุ้นปรับลงสะท้อนข่าวร้ายไปมากแล้ว เราจึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากเดิมถือ คงราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 50 บาท
(-) ICHI เรามองบวกต่อการลงทุนในอินโดนีเซียจากจำนวนประชากรที่มาก ตลาดเครื่องดื่มชาที่ใหญ่กว่าไทยถึง 4 เท่าและโตดี และบริษัทมีแผนใช้เทคโนโลยีบรรจุขวดแบบเย็นซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าขวดแก้วที่อินโดนีเซียใช้กันอยู่มาก แต่เราคาดว่าจะให้ผลกำไรอย่างเร็วคือปี 2016 เพราะในช่วงบุกเบิกตลาดจะมีการทำตลาดและสร้างแบรนด์ สำหรับกำไรใน 3Q14 คาดลดลง Q-Q ตามฤดูกาล เรายังคาดกำไรสุทธิปี 2014-15 โตเฉลี่ย 26% และเร่งตัวขึ้นเป็น 39% ปี 2016 เป้าหมายปี 2015 ยังคงเป็น 21 บาท แนะนำขาย
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ปิดในแดนลบโดยนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาดูผลการประชุม FED ในคืนวันพุธว่าจะมีนโยบายทางการเงินอย่างไร
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดทรงตัวโดยนักลงทุนยังจับดูพัฒนาการของรัสเซียเรื่องประเด็นความไม่สงบกับยูเครนรวมถึงเรื่องการแยกประเทศของสก็อตแลนด์ นอกจากนี้ตลาดยังจับตาดูผลการประชุม FED ในสัปดาห์นี้
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบหลังตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนออกมาแย่กว่าคาด
ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าลงต่อเนื่องอีกเล็กน้อย ล่าสุดปรับตัวในกรอบ 32.15-32.31 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 0.56 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 92.27 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยมาตรการ คว่ำบาตรต่อรัสเซียอาจส่งผลต่ออุปสงค์ของพลังงานท่ามกลางอุปทานที่มากรวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันอีก 7.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,231.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ทำจุดต่ำสุดในรอบ 8 เดือนจากความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ที่อาจเร็วกว่าคาด
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
18 ก.ย. - ไทย: RWI เริ่มเทรด (ราคา IPO 1.60 บาท)
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (ส.ค.)
22 ก.ย. - สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ส.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.)
23 ก.ย. - จีน: HSBC China Manufacturing PMI (ก.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ก.ย.)
24 ก.ย. - ไทย: ดุลการค้า (ส.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ส.ค.)
25 ก.ย. - สหรัฐ: Durable goods order (ส.ค.)
2 ต.ค. - ไทย: SMART เริ่มเทรด (ราคา IPO 1.90 บาท)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852