- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 September 2014 16:44
- Hits: 1919
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ยังคงอยู่ในโหมดของการปรับฐาน ปิดบวกเพียง 0.49 จุด มาอยู่ที่ 1,581.36 จุด มูลค่าการซื้อขายยังคงหนาแน่น 51,569 ล้านบาท
ด้านกระแสเงินทุนต่างชาติกลับมาน่าสนใจ ด้วยการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 737 ล้านบาท กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 1,070 สัญญา แม้คงการขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 2,883 ล้านบาท
ภาวะการลงทุนในวันนี้ MBKET ประเมิน SET INDEX ยังแกว่งในกรอบ 1,570-1,590 จุด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่ชะลอตัวเช่นกัน เพราะนักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูผลการประชุมเฟดในคืนวันพุธ ต่อแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะเป็นเมื่อใดในปี 2558
ด้านปัจจัยในประเทศ นักลงทุนรอการประชุม ครม.นัดที่ 2 ในวันพรุ่งนี้ อาจเห็นมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวออกมาเพิ่มเติม ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา ย่อมเป็นบวกต่อภาคการขนส่ง โดยเฉพาะทางอากาศ
อย่างไรก็ตาม MBKET เชื่อว่า Downside risk ของตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นไปอย่างจำกัด หลังต่างชาติเริ่มมีมุมมองเป็นบวกต่อการเศรษฐกิจ และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น การย่อตัวของหุ้นหลักในกลุ่ม SET50 Index เชื่อว่าจะมีแรงซื้อจากต่างชาติเข้ามาสะสมเช่นกัน บวกกับสัปดาห์หน้าคาดเม็ดเงินใหม่จากการขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์วงเงิน 1.5 พันล้านบาทจะเริ่มลงทุน
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้นักลงทุน ทยอยสะสมหุ้นหลักกลุ่มธนาคาร และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่จะได้ประโยชน์จากแผนการลงทุนขนาดใหญ่ที่ รมว.คมนาคมอยู่ระหว่างการพิจารณา รวมถึงเก็งกำไรต่อแผนกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปีนี้
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” AAV / KTB
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC/ TRUE
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Speculative buy: AAV / KTB
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังยืนเหนือ 1,580 จุดได้
SET INDEX วันนี้ คาดแกว่งตัวออกด้านข้าง รอผลการประชุมเฟดคืนวันพุธนี้ ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติเชื่อว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญ หลังต่างชาติมีมุมมองเป็นบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
ดังนั้นกลยุทธ์ ทยอยสะสมหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / รับเหมาก่อสร้าง เพื่อเก็งกำไรต่อแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล
ตลาดหุ้นเอเชียวันศุกร์ ปิดบวก – ลบ ในกรอบแคบสลับกันไป เนื่องจากเป็นวันศุกร์ และนักลงทุนต่างรอดูผลการประชุมเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย.
ด้านตลาดหุ้นไทย เปิดฟื้นตัวสู่แนว 1,585 จุด +/- ก่อนเกิดแรงขายทำกำไรระยะสัปดาห์เข้ามามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร / รับเหมาก่อสร้าง / PTT กด SET INDEX แตะระดับ 1,570 จุดก่อนเกิดการฟื้นตัวลักษณะ Technical rebound ขึ้นมาปิดที่ 1,581.36 จุด บวกเล็กน้อย 0.49 จุด มูลค่าการซื้อขาย 51,569 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกมากที่สุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่มเหมืองแร่ง +2.28%, กลุ่ม Packaging +1.45% และกลุ่มโรงพยาบาล +1.30% % ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร +0.07% กลุ่มพลังงาน +0.07% และ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -0.12%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.36 น.) เช้านี้ Nikkei ปิดทำการวันนี้ ส่วน Kospi เปิดย่อตัวลง ตามภาพรวมของ DJIA คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนที่ “บวก” วันที่ 6 แม้ว่า SET INDEX ในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะแกว่งระหว่าง 1,570-1,590 จุดเกือบตลอดสัปดาห์ และยังไม่ผ่านด่านดังกล่าว เพราะปัจจัยแวดล้อมในตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ระหว่างการปรับฐานด้วยเช่นกัน ซึ่งการลงทุนใน 1-2 วันนี้จะยังเป็นภาพของการแกว่งในกรอบต่อเนื่อง เพื่อรอปัจจัยกระตุ้นการลงทุนใหม่ในสัปดาห์นี้
นักลงทุนทั่วโลกรอฟังความเห็นของประธานเฟดในคืนวันพุธนี้ ต่อมุมมองอัตราดอกเบี้ย MBKET ประเมินว่า นาง Janet Yellen จะให้มุมมองในลักษณะของการกำหนดเงื่อนไขของการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจ การจ้างงาน การขึ้นค่าแรง เป็นตัวแปรสำคัญ ต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินหลังสิ้นสุดโครงการ QE ในการประชุมครั้งถัดไป ตามที่ตลาดประเมินไว้ก่อนหน้านี้
หากเฟดให้ความเห็นคล้ายกับที่ MBKET ประเมินไว้ข้างต้น คาดว่านักลงทุนในตลาดโลก พลิกกลับมาเก็งกำไรต่อสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง และอาจมีความเป็นไปได้ที่ตลาดจะเกิดกับภาวะเก็งกำไรก่อนการประชุมเฟด สรุปในวันที่ 17 ก.ย. ตลาดหุ้นไทย มีโอกาสแกว่งขึ้นทดสอบ 1,590-1,600 จุด พร้อมให้น้ำหนักที่ SET INDEX จะปิดยืนเหนือแนวดังกล่าวได้ในที่สุด ขณะที่มีปัจจัยบวกที่เอื้อต่อภาวะการลงทุนได้แก่
•เม็ดเงินใหม่จาก บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุนรวม (บลจ.) หลายแห่ง เตรียมออกขาย IPO กองทุน Trigger Funds หลัง กองทุนที่ได้บริหารนั้นแตะระดับเป้าหมาย และขายหุ้นในกองทุนปิดกองทุน เพื่อส่งมอบแก่ผู้ถือหน่วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
MBKET ประเมินวงเงินจากการขายกองทุน Trigger Funds รอบนี้ราว 1.0-2.0 พันล้านบาท ล่าสุด บลจ.ไทยพาณิชย์ ประกาศขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ วันที่ 16-22 ก.ย. วงเงิน 1.5 พันล้านบาท MBKET คาดว่าจะมีบลจ.อีก 2-3 แห่ง ทยอยออกขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ในสัปดาห์หน้า
•พัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ สัปดาห์นี้จะมีการพิจารณาร่างงบประมาณปี 2558 วาระ 2 / 3 รวมถึงความคาดหวังเชิงบวกต่อการพิจารณาแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวในการประชุม ครม.วันที่ 16 ก.ย.นี้
ดังนั้น MBKET แนะนำให้ นักลงทุน คงเข้าเก็งกำไรต่อหุ้นในกลุ่มหลักที่ได้ประโยชน์จากพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ เป็นสำคัญ พร้อมควรกำหนดแนว Stop Loss เพื่อปิดความเสี่ยงของการลงทุน หลัง SET INDEX เริ่มเข้าใกล้เป้าหมายและแนวต้านใหญ่ 1,600 จุด ขณะที่กลุ่มธนาคาร / ICT / PTT Family / กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง น่าจะเป็นกลุ่มหลักเป้าหมายที่เงินทุนต่างชาติ และกองทุน Trigger funds ในรอบใหม่นี้
ประเด็นการเมืองภายในประเทศที่สำคัญจากนี้ไป ได้แก่
oร่างงบประมาณปี 2558 ได้ผ่านวาระที่ 1 วานนี้ ขั้นตอนถัดไปตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณา และนำเสนอต่อสนช. เพื่อพิจารณาวาระที่ 2-3 ตามลำดับ วันที่ 16/18 ก.ย. คาดว่าจะสามารถนำงบประมาณปี 2558 ใช้ได้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้
oแนวทางการปฎิรูปการเมือง ผ่านสภาปฎิรูปที่อยู่ระหว่างการสรรหา
oแผน Roadmap ที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ
แผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท
แผนปฎิรูปพลังงาน
แผนกระตุ้นการท่องเที่ยว
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.นักลงทุนในประเทศรอความชัดเจนปัจจัยภายในประเทศตลอดสัปดาห์นี้
•การประชุม ครม.นัดที่ 2 วันพรุ่งนี้ คาดว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว
•การประชุม สนช. เพื่อพิจารณาร่างงบประมาณปี 2558 วาระที่ 2 วันที่ 16 ก.ย. และ วาระที่ 3 วันที่ 18 ก.ย. ซึ่งจะมีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า
•ส่วนการประชุม กนง.วันที่ 17 ก.ย.นั้น MBKET และตลาดต่างคาดการณ์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.00% เช่นเดิม
2.ส่วนนักลงทุนทั่วโลกยังคงรอฟังผลการประชุมเฟดในคืนวันพุธนี้: ทำให้สินทรัพย์ทั้งที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างตลาดตราสารหนี้ และ สินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้นทั่วโลก จะแกว่งในกรอบแคบ เพื่อรอฟังผลการประชุมเฟดที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ และ สิ้นสุดในคืนวันพุธ ซึ่งประเด็นสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกต่างรอฟังคือ “แนวโน้มการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปัจจุบันอยู่ที่ 0.25% จะเกิดขึ้นเมื่อใดในปีหน้า” เพราะตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะพิจารณาขึ้นในช่วงกลางปี 2558
3.คาดตลาดหุ้นจีนเปิดย่อตัวในวันนี้: หลังจีนรายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตฯ และ ยอดค้าปลีก ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ออกมาต่ำกว่าคาด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อชะลอตัว รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิตที่หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจในจีน ส่งสัญญาณเสี่ยงอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจในจีน MBKET ประเมินว่า ตลาดอาจกลับมามีมุมมองอีกด้านหนึ่ง ด้วยการคาดหวังเชิงบวกที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากทางการออกมาเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งจะผลักดันตลาดหุ้นจีน และ HSKI ได้เช่นกัน
4.ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.13 13.85 16.12 13.85
PSE 20.38 17.63 20.38 17.62
JSE 16.61 14.16 16.57 14.12
KOSPI 10.36 9.41 10.40 9.45
TAIEX 14.70 13.72 14.84 13.88
Straits Time 14.77 13.61 14.78 13.62
SHCOMP 9.24 8.18 9.15 8.10
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.AAV : ราคาปิด 4.72 บาท ราคาเหมาะสม 5.20 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มสายการบินและท่องเที่ยว จะปรับตัวได้ดีกว่าตลาดในสัปดาห์นี้ จากแรงเก็งกำไรการยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ท่องเที่ยว ที่คาดว่าคสช.มีโอกาสอนุมัติภายในเดือน ก.ย.
b)คาดผลประกอบการ 3Q57 พลิกกลับเป็นกำไร จาก 2Q57 ที่ขาดทุนสุทธิ จากจำนวนผู้โดยสารที่เริ่มฟื้นตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังปัจจัยการการเมืองคลายตัว และ อานิสงค์ของการยกเว้นค่าวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีน และไต้หวัน
c)และต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวลง โดยราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง -12.4% QTD เหลือ US$92.27/barrel ใน 3Q57
d)คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558 ที่ 1,671 ล้านบาท +240% yoy เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มสายการบิน และราคาหุ้นปัจจุบันยังซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ระดับ PBV 2558 เพียง 0.87 เท่า
2.KTB : ราคาปิด 23.50 บาท ราคาเหมาะสม 27.00 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและส่งผลให้สินเชื่อขยายตัวใน 2H57 และเร่งตัวขึ้นในปี 2558
b)KTB ได้ประโยชน์โดยตรงจากปล่อยกู้ให้กับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ โดยหลังรัฐบาลแถลงนโยบายเศรษฐกิจในวันศุกร์ที่ผ่านมา และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศเป็นนโยบายสำคัญเพื่อช่วยผลักดันเศรษฐกิจ
c)คาดกำไรสุทธิ 3Q57 ขยายตัว qoq จากการตั้งสำรองที่ลดลง และสินเชื่อมีทิศทางขยายตัว qoq ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นใน 4Q57 และปี 2558 จากทิศทางดอกเบี้ยที่คาดว่าจะขึ้นในปีหน้า
d)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +12.9% yoy เป็น 38,054 ล้านบาท และมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 1.3 เท่า ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ซื้อขายเฉลี่ยราว 1.6 เท่าและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยปีละ 4%
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขดัชนี Empire Manufacturing, ผลผลิตภาคอุตฯ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิ เป็นวันที่ 3 อีก US$301 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$214 ล้าน
ทั้งนี้ SET INDEX เป็นเพียงตลาดเดียวที่ต่างชาติซื้อสุทธิ
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -142.0 -52.4 13,361.4 9,188.0
KOSPI -107.7 -97.3 8,869.8 4,875.1
JSE -65.7 -50.8 4,765.5 -1,806.4
PSE -6.0 -6.7 1,297.5 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -2.4 -1.6 260.8 263.2
SET INDEX 22.9 -5.4 -443.3 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +737 -175
SET50 Index Futures (สัญญา) +1,070 -3,507
SSF (สัญญา) +1,206 +9
Metal Futures (สัญญา) +82 -16
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -2,883 -8,632
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 737 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า ขายสุทธิ 399 ล้านบาท ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิ 16,053 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 1,070 สัญญา เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 7,786 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ส่งผลให้ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 3.01 จุด จากวันก่อนหน้า Discount 2.35
แต่ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 2,883 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ขายสุทธิ 15,945 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรไทยระยะยาว อายุ 10 ปีลดลงเล็กน้อย ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 0.03bps ปิดที่ 3.571%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้น 649 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 612 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
TRUE 111.12 3.77% 12.35
KBANK 55.21 3.46% 224.98
PTT 54.76 4.31% 355.09
SCC 40.34 6.17% 456.28
SCB 35.52 7.29% 185.20
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 14 เป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลักอีกครั้ง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิลดลงเหลือ 358 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,111 ล้านบาท รวม 14 วันทำการซื้อสุทธิ 16,285 ล้านบาท สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิสูงสุด 182 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 174 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่งซื้อสุทธิ 181 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 494 ล้านบาท กลุ่มพลังงานซื้อสุทธิ 134 ล้านบาท และกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 69 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มค้าปลีกถูกขายสุทธิสูงสุด 110 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอาหาร ขายสุทธิ 92 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า ซื้อสุทธิ
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KTB 292.21 21.52 KBANK -397.44 29.82
PTTEP 215.50 27.59 ADVANC -176.60 11.09
BBL 177.62 27.70 INTUCH -144.32 21.93
AOT 163.42 47.68 TUF -90.97 30.45
TRUE 160.98 5.03 CPALL -61.67 5.78
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong