- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 26 July 2018 18:40
- Hits: 2254
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play//Short-term Sell into Strength
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งกว่าที่เราคาดมากโดยปิดบวกได้ถึงกว่า 15 จุด หุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นเกือบทั้งตลาด โดยแรงซื้อมาจากสถาบันในประเทศสูงถึง 4.4 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิบางๆหลังซื้อติดต่อกัน 3 วันก่อนหน้า แต่ยังคง Net Long ใน Index Futures สูงถึงเกือบ 1.3 หมื่นสัญญา
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index มีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นต่อได้จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังเป็นบวกหลังสหรัฐฯ-ยุโรปเจรจาการค้าคืบหน้า อย่างไรก็ตามเนื่องจากดัชนีปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างเร็วในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเกือบ 100 จุด ประกอบกับเข้าใกล้วันหยุดยาว ทำให้กรอบการบวกของตลาดคาดว่าจะจำกัดบริเวณ 1,700 จุดบวกลบและอาจเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมา สำหรับพอร์ตการลงทุนระยะสั้นเราจึงแนะนำให้แบ่งขายทำกำไรบางส่วนในช่วงที่ตลาดดีดขึ้น ส่วนพอร์ตระยะกลาง-ยาวยังเน้นถือต่อ
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดผลประกอบการ 2Q18 แข็งแกร่ง //แบ่งขายทำกำไรระยะสั้นบางส่วน
หุ้นเด่นเดือนก.ค. : BANPU, CPF, EPG, PTTEP, TISCO
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$303ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$177ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$10ล้าน ขณะที่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$7ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังสหรัฐและ EU มีข้อตกลงที่ดีต่อการเก็บภาษีนำเข้ากลุ่มยานยนต์
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> MTC <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 51 บาท
คาดกำไรสุทธิ 2Q18 ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 850-860 ลบ. +2-3% Q-Q, +50% Y-Y โดยการปล่อยสินเชื่อคาดว่าจะทำได้ตามเป้าที่ 40-50% Y-Y เพราะเป็นช่วงเปิดเทอมและผลจากการเร่งเปิดสาขาช่วงต้นปี ซึ่งล่าสุดแตะ 2,800 สาขาไปแล้ว
PE2018-19 ต่ำเพียง 18-24 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 33 เท่า และราคาหุ้นกลับไปยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้ครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ถือเป็นสัญญาณบวกในการปรับตัวขึ้นต่อ
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) ดอลลาร์อ่อนกดดันเงินทุนไหลออก กระแส Quantitative Tightening (QT) ในระยะนี้ที่จะมีการประชุม ECB และ BOJ เพิ่มสูงขึ้น แม้ว่า ECB น่าจะไม่เปลี่ยนท่าทีใดๆ หลังเพิ่งส่งสัญญาณยุติ QE ในเดือนก่อน เช่นเดียวกับ BOJ (ประชุม 30-31 ก.ค.) ที่น่าจะคงนโยบายเดิม แต่ Bond yield อายุ 10 ปีของญี่ปุ่นที่พุ่งสูงขึ้นเท่าตัวในช่วง 2 วันที่ผ่านมาและเงินเยนที่แข็งค่าเร็ว สะท้อนคาดการณ์ของตลาดว่า BOJ อาจลด QE แม้ไม่ใช่วันนี้แต่อาจไม่นาน สภาพคล่องของโลกที่กำลังลดลงไม่เป็นผลดีต่อตลาดหุ้น
(0) SCC กำไรสุทธิ 2Q18 ตามคาด ทรงตัว Q-Q, -6.4% Y-Y เป็น 12,401 ลบ. เพราะ 2Q เป็น low season ของธุรกิจซีเมนต์ และกำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีถูกกดดันจากต้นทุน Naphtha ที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมัน กำไร 1H18 ทำได้ 2.48 หมื่นลบ. -19% Y-Y คิดเป็น 50% ของประมาณการทั้งปีที่เราคาด 5 หมื่นลบ. -9% Y-Y แนวโน้ม 2H18 จะยังถูกดดันจาก Naphtha ที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ซีเมนต์และแพคเกจจิ้งเติบโตแต่ชดเชยไม่ได้ แต่ PE ปัจจุบันที่ 10 เท่า ถือว่าถูก และมีปันผล 8.50 บาท/หุ้น Yield 1.9% XD 8 ส.ค. จ่ายเงิน 22 ส.ค. จึงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 500 บาท
(+) CK เราคาดกำไรสุทธิ 2Q18 จะโดดเด่น +79% Q-Q เป็น 540 ลบ. เพราะได้เงินปันผลจาก TTW และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมซึ่งเราคาดโตแรง +33% Q-Q, +123% Y-Y เพราะ BEM มีกำไรพิเศษจากการขายโรงไฟฟ้าไซยะบุรี แต่กำไรที่เราคาด -19% Y-Y เพราะใน 2Q17 มีงาน M&E สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายทำให้ฐานรายได้สูง ปัจจุบัน CK มี backlog 6.6 พันลบ. และงานรอเซ็นอีก 3.7 พันลบ. ราคาหุ้นซื้อขายบน PBV 2018-19 เพียง 1.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 2 เท่า และ Discount NAV ของบริษัทลูกถึง 25% เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 34 บาท
(+) KTB การประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ดูเป็นบวกมากขึ้น เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 2018 ขึ้น 25% เป็น 2.95 หมื่นลบ. +31% Y-Y จากการปรับลดคาดการณ์ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญลง 1 หมื่นลบ. (Credit cost จาก 2% เป็น 1.5%) ซึ่งช่วยชดเชยผลกระทบของ NIM ที่อ่อนตัวลงเพราะลงจาก 3.13% เป็น 3.06% เพราะเห็นแรงกดดันด้าน Asset Yield จากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนสินเชื่อภาครัฐที่ให้ผลตอบแทนต่ำ และผลกระทบของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่เกิดจากการฟรีค่าธรรมเนียมการโอนผ่านดิจิทัล ปรับราคาเหมาะสมปี 2018 ขึ้นเป็น 21.50 บาท แนะนำซื้อ จากเดิมถือ
(+) KKP คงคำแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 85 บาท และคาดการณ์ Interim Div Yield 2.8% และทั้งปีราว 6.9% เราคงประมาณการกำไรปีนี้ที่ 6 พันลบ. +5% Y-Y โดยมี Upside จากธุรกิจตลาดทุน ทั้งด้านการฟื้นตัวของการค้าหลักทรัพย์ การลงทุนและรายได้จากงานวาณิชธนกิจ และธุรกิจ SAM คงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 85 บาท คงคำแนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
26 ก.ค.- ยูโรโซน: ประชุม ECB
- สหรัฐฯ: ดุลการค้า (มิ.ย.) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (มิ.ย.)
27 ก.ค.- สหรัฐฯ: 2Q18 GDP ตลาดคาด +3% Q-Q
27-30 ก.ค.- ไทย: ตลาดหุ้นปิดทำการ
30 ก.ค.- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านรอปิดการขาย (มิ.ย.)
31 ก.ค.- จีน: PMI ภาคการผลิต (ก.ค.)
(+) ตลาดสหรัฐปรับตัวขึ้นหลังจากสหรัฐและยุโรปสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า โดยยุโรปจะซื้อก๊าซ LNG และ ถั่วเหลืองจากทางสหรัฐมากขึ้น และทั้งสองฝ่ายสัญญาจะลดภาษีด้านอุตสหกรรมลง
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงก่อนการรู้ผลการเจรจาระหว่างปธ.สหรัฐกับประธานคณะกรรมธิการยุโรป นอกจากนี้ค่าเงินสหรัฐที่อ่อนค่าลง อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการส่งออกของยุโรปในอนาคต
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากความคาดหวังว่าสงครามทางการค้าจะจบลงด้วยการเจรจา นอกจากนี้ทางการจีนยังคงยืนยันที่พร้อมจะเจรจากับทางสหรัฐ มากกว่าที่จะเปิดสงครามทางการค้าเต็มรูปแบบ
(+) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมาเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 33.10-33.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 0.78 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 69.30 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสต็อคน้ำมันดิบของสหรัฐปรับลดลงกว่า 6.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาด 3.5 ล้านบาร์เรล
(+) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นอีก 0.18 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 6.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 6.30 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1231.80 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO11819