บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 26-07-18

Details: Category: บทวิเคราะห์; Published: Thursday, 26 July 2018 18:32; Hits: 2243

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้

เก็งกำไรหุ้นขนาดกลางต่อผลการดำเนินงาน 2Q61 ที่คาดว่าเด่น หรือสะสมหุ้นปันผล

Smart Pick

เก็งกำไร AP

ราคาปิด 9.00 บาท

ราคาเหมาะสม 9.75 บาท

เราคาดกำไรสุทธิ 2Q61 ที่ 1,160 ล้านบาท โตถึง 110% YoY และ +43% QoQ จากทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง และรับโอนคอนโดฯ 2 โครงการผ่าน JV หนุน Equity Income โตเด่น

ราคาหุ้นสวนทางกลุ่ม โดย 2 วันที่ผ่านมา AP ลง 0.5% เทียบกับ SET INDEX +1.2% และ SET Property +1.3% และ Valuation น่าสนใจที่ระดับ PER2561 เพียง 8.3 เท่า เทียบกับ SIRI ที่ 9.4 เท่า, QH ที่ 10.6 เท่า และ LH 14.6 เท่า

สะสม KKP

ราคาปิด 72.50 บาท

ราคาเหมาะสม 80.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นหลังเข้าประชุมกับผู้บริหารวานนี้ โดย KKP ปรับเป้าสินเชื่อปีนี้ขึ้นเป็น +15% YoY จาก 10% YoY และเป็นธนาคารเดียวที่ปรับเป้าสินเชื่อขึ้นหลังรายงานงบ

อีกทั้งแนวโน้มกำไร 2H61 ยังเด่นจากสินเชื่อและรายได้ค่าธรรรมเนียม IB จากการขายกองทุน Thailand Future Fund และ หุ้น IPO เช่น โอสถสภา, รพ.พระราม 9 และคาดประกาศปันผลงวด 1H61 เดือน ส.ค. หุ้นละ 2.00 บาท ให้ Yield 2.7%

เก็งกำไร PTTGC

ราคาปิด 81.25 บาท

ราคาเหมาะสม 111.00 บาท

เราคาดกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมียังเด่น จากแรงเก็งกำไรผลการดำเนินงานและ Sentiment บวกจากค่าการกลั่นบวก 6 ติด ปิดที่ US$6.81 และน้ำมันดิบ NYMEX บวก 1.1% หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบลดลง 6.1 ล้านบาร์เรลมากกว่าคาด

เราคาดกำไรปกติ 2Q61 โตเด่น +66% YoY และ +4% QoQ เป็น 1.2 หมื่นล้านบาท จากการเป็นผู้ผลิตแบบ Gas Base และ Spread ของ HDPE เร่งตัวขึ้น +22% YoY เป็น US$1,386/ตัน ใน 2Q61

เก็งกำไร IRPC

ราคาปิด 6.50 บาท

แนวต้านทางเทคนิค 6.70 บาท

สัญญาณทางเทคนิค ราคาหุ้นมีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบ 6.70 บาท แนวรับ 6.35 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 6.20 บาท

เราคาดกำไรสุทธิ 2Q61 ที่ 3.9 พันล้านบาท ขยายตัวถึง 225% YoY และ +45% QoQ เป็นปัจจัยบวกระยะสั้น โดยจะรายงานงบในวันที่ 9 ส.ค. เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้น

Profit-Taking : N.A.

กลยุทธ์วันนี้

การรายงานงบ Facebook ออกมาต่ำกว่าคาด เรามองว่า DJIA Futures ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวันนี้จะปรับตัวลง กดดันบรรยากาศการลงทุนในวันทำการสุดท้ายของตลาดหุ้นไทยวันนี้ ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว นอกเหนือจากแรงขายทำกำไรหุ้นหลักที่ประกาศงบออกมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร ทำให้เราประเมินว่า SET INDEX วันนี้แกว่งกรอบ 1680-1700 จุด ด่าน 1700 จุดยังไม่น่าผ่านได้ในวันนี้ การประชุมสำหรับการประชุม ECB วันนี้ เราคาดว่า ECB จะคงนโยบายการเงินที่กำหนดลดวงเงิน QE เหลือ 1.5 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนระหว่างเดือน ต.ค.-ธ.ค.2561 และยุติโครงการ QE ภายในสิ้นปีนี้ แต่สิ่งที่ตลาดให้น้ำหนักในฝั่งยุโรปน่าจะเป็นผลการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธาน EC วานนี้ที่ออกมาในเชิงบวก ท่าทีการเจรจาและประนีประนอมระหว่างการจัดเก็บภาษีระหว่างกัน ทำให้แรงกดดันสงครามการค้าระหว่างกันคลายตัว

วันนี้ PTTEP รายงานผลประกอบการ 2Q61 เราคาดกำไรปกติ 1.1 หมื่นล้านบาท (+15% QoQ, +96% YoY) แต่คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ราว 4 พันล้านบาท (-70% QoQ, -47% YoY) กดดันด้วยรายการขาดทุนพิเศษจากเงินบาทอ่อนค่าและ Hedging Loss แม้ว่าราคาน้ำมัน NYMEX ปิดบวกกว่า 1% คืนวานนี้ อาจช่วยประคองราคา PTTEP แต่เรามองว่ากลุ่มโรงกลั่นจะมีความโดดเด่นกว่า PTTEP เพราะได้ Sentiment เชิงบวกนอกจากราคาน้ำมันดิบแล้ว ยังเป็นค่าการกลั่นหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ที่ปิดบวกตลอด 7 วันทำการที่ผ่านมา เชิงปัจจัยพื้นฐานเราชอบ PTTGC / IRPC

เชิงกลยุทธ์ เราแนะนำเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางที่กำไร 2Q61 เติบโตแข็งแกร่ง YoY และ/ หรือ QoQ หรือสะสมหุ้นปันผลเด่น ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ราว 1 เดือน

HOT Topic

1. TMB ขายสัดส่วนเงินลงทุนใน TMBAM เรามองอย่างไร?

2. PTTEP รายงานงบ 2Q61 วันนี้ คาดกำไรสุทธิ 4.0 พันล้านบาท

3. การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและ EU ออกมาเป็นบวก

4. สัปดาห์หน้าติดตาม การประชุม BOJ, การประชุม FED และการรายงานงบของ ADVANC, INTUCH

ตลาดหุ้นไทยวานนี้

วานนี้ SET INDEX ปิดเหนือ 1690 จุดได้สำเร็จ มาอยู่ที่ 1690.08 จุด เพิ่มขึ้น 15.86 จุด ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและ ปิโตรเคมีปรับขึ้นเด่นนำโดย PTT (+1.49%), SCC (+2.29%) และ PTTEP (+2.28%) มูลค่าการซื้อขายราว 5.8 หมื่นล้านบาท

กระแสเงินทุน : สถาบันในประเทศกลับมาเป็นกลุ่มผู้ซื้อสุทธิหลัก โดยซื้อสุทธิหนาแน่นถึง 4.4 พันล้านบาท ซื้อสุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการ แต่สถาบันในประเทศและบัญชีบล.มีสถานะ Short สุทธิในตลาด SET50 Index Futures หนาแน่นถึง 9.2 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 2.3 หมื่นสัญญา ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิวันแรกในรอบ 4 วันทำการ แต่เล็กน้อยเพียง 330 ล้านบาท ขณะที่ในตลาด SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิเป็นวันที่ 6 หนาแน่นถึง 1.3 พันสัญญา รวม 6 วันทำการมีสถานะ Long สุทธิสะสมทั้งสิ้นกว่า 5.9 หมื่นสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Long สุทธิสะสมสูงถึง 9 หมื่นสัญญา โดย S50U18 มี Discount จาก SET50 อยู่ที่ 6.04 จุด

ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิวันแรกในรอบ 6 วันทำการราว 1.1 พันล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้

สหรัฐฯและสหภาพยุโรปตกลงกันที่จะยุติการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมทุกชนิดเพิ่มเติม ยกเว้น รถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ โดย EU ตกลงที่จะซื้อถั่วเหลือง และก๊าซ LNG จากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น

EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 6.1 ล้านบาร์เรล หดตัวมากกว่าที่ตลาดคาดลดลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล

ก.ล.ต. เปิดรับฟังและมีแนวคิดที่จะแก้ไขประกาศที่เกี่ยวข้องกับการให้ผู้ประกอบการธุรกิจหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สามารถซื้อขายผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนแทนลูกค้าได้ในขอบเขตที่ลูกค้ายินยอม

ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันนี้

ติดตามการประกาศ GDP ใน 2Q61 (รอบแรก) ของสหรัฐฯ วันที่ 27 ก.ค. ตลาดคาดขยายตัว 4.0%

ติดตามการเจรจาระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยกับสหรัฐฯ กรณีการยกเว้นเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม ระหว่างวันที่ 24-27 ก.ค.

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า

การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันที่ 30-31 ก.ค.

ติดตามการรายงาน GDP 2Q61 ของอียู และการรายงานเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ วันที่ 31 ก.ค.

ติดตามการรายงานเงินเฟ้อไทยเดือน ก.ค. ตลาดคาดขยายตัว 1.47% วันที่ 1 ส.ค.

ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ระหว่างวันที่ 31 ก.ค. ถึง 1 ส.ค.

ติดตามการประชุม BOE วันที่ 2 ส.ค.

ติดตามการรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ และการรายงานค่า PMI ของจีน วันที่ 3 ส.ค.

Strategist Team

Mayuree Chowvikran Head of Research 662-009-8050