- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 23 July 2018 17:06
- Hits: 1089
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
เก็งกำไรกลุ่มธนาคาร และหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q61 เด่น
Smart Pick
เก็งกำไร KBANK
ราคาปิด 210.00 บาท
ราคาเหมาะสม 250.00 บาท
เราคงมุมมองเชิงบวกกับกลุ่มธนาคารต่อจากสัปดาห์ก่อน หลังงบ 2Q61 ออกมาดีกว่าคาด และแนะนำหาจังหวะเข้าสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว เพราะนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) SETBANK -8.3% ยัง Underperform SET INDEX -4.7% เชื่อว่าจะเห็นแรงซื้อต่อเนื่องจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ
เรามีมุมมองเป็นบวกต่อ KBANK มากขึ้นจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และปรับเป้าหมายขึ้นจาก 240.00 บาท เป็น 250.00 บาท
เก็งกำไร PTTGC
ราคาปิด 79.25 บาท
ราคาเหมาะสม 111.00 บาท
หุ้นกลุ่มโรงกลั่นมี Sentiment บวกต่อเนื่อง หลังค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 3 อีก +6% dod เป็น US$6.12/barrel และมีโอกาสไต่ขึ้นต่อ เพราะ 3Q เข้าฤดูมรสุมของสหรัฐฯ
เราคาดกำไรปกติ 2Q61 โตเด่น +66% YoY และ +4% QoQ เป็น 1.2 หมื่นล้านบาท จากฐานะผู้ผลิตแบบ Gas Base และ Spread ของ HDPE บวกถึง 22% YoY เป็น US$1,386/ตัน ใน 2Q61
สะสม KKP
ราคาปิด 73.00 บาท
ราคาเหมาะสม 80.00 บาท
รายงานกำไรสุทธิ 2Q61 ที่ 1.5 พันล้านบาท +31% YoY และ +3% QoQ ดีกว่าตลาดคาด 8% โดย Gross NPL ลดลง 1.2% QoQ ส่งผลให้ NPL Ratio ลดลงเหลือ 4.5% จาก 2Q61 ที่ 4.7%
KKP ยังมีปัจจัยบวกหนุนกำไร 2H61 ทั้งการขยายตัวของสินเชื่อที่แข็งแกร่ง และรายได้ค่าธรรมเนียม IPO กองทุน Thailand Future Fund คาดเข้าซื้อขายใน 3Q61 ขณะที่เงินปันผล 1H61 คาดหุ้นละ 2.00 บาท คิดเป็น Dividend Yield 2.7%
เก็งกำไร BANPU
ราคาปิด 20.90 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 21.50 บาท
สัญญาณทางเทคนิค ราคาหุ้นมีโอกาสขึ้นทดสอบ 21.50 บาท แนวรับ 20.70 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 20.40 บาท
เราคาดกำไรสุทธิ 2Q61 ที่ 3.4 พันล้านบาท (+50% YoY) จากขาดทุน 1Q61 และเชื่อว่า Consensus มีโอกาสปรับประมาณการกำไรขึ้นหลังรายงานผลประกอบการ เมื่อราคาถ่านหินเฉลี่ย YTD อยู่ที่ US$105/ตัน เทียบกับสมมติฐานของเราและ Consensus ที่ US$90.00/ตัน และ US$85.00/ตัน ตามลำดับ
Pair Trade : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
แม้ว่าประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะกลับมาอีกครั้ง ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่าอีก US$5.0 แสนล้าน แต่เรามองว่าปัจจัยดังกล่าวจะมีผลต่อภาวะการลงทุนในตลาดเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นจีนจำกัดมากยิ่งขึ้น เพราะตัวเลขส่งออกของจีนล่าสุดเดือนมิ.ย.ยังโตได้กว่า 11% YoY ทั้งนี้เราให้น้ำหนักกับความเห็นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ต้องการให้อ่อนค่า การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่สมเหตุสมผล ซึ่งประเด็นนี้อาจทำให้กระแสเงินทุนต่างชาติกลับตัวเข้าสู่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย หลังต่างชาติลดน้ำหนักตลาดหุ้นเกิดใหม่อย่างหนาแน่นมาตลอด 2Q61 ที่ผ่านมา อีกทั้งผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคารของไทยออกมาดีกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่ เราแนะนำให้นักลงทุนติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท และหุ้นขนาดใหญ่ หากยังขยับขึ้นได้แข็งแกร่ง อาจตีความได้ว่าเม็ดเงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
ทั้งนี้จับตากลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะ KBANK / BBL/ KKP ที่งบออกมาดีกว่าคาด และคุณภาพของกำไรใน 2Q61 เด่นเมื่อเทียบกับหุ้นธนาคารอื่น รวมถึงกลุ่มโรงกลั่นที่มีโมเมนตัมเชิงบวกต่อค่าการกลั่นหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ขยับขึ้นต่อเนื่อง และทะลุ US$6/bbl ซึ่ง PTTGC / IRPC มีความเด่นในแง่ของความเป็น Laggard ในกลุ่มนี้
อย่างไรก็ตาม เชิงกลยุทธ์ภาพรวม เราแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาขายทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1680-1700 จุด และถือเงินสด เพื่อรอจังหวะซื้อเมื่ออ่อนตัวในหุ้นขนาดใหญ่ โดยยังคงมุ่งเน้นไปที่หุ้น SET50 / SET100 เป็นสำคัญ
HOT Topic
1. ทรัมป์เขย่าตลาดอีกครั้ง ทั้งเรื่องสงครามค้าและนโยบายดอกเบี้ย
2. กลุ่ม Real Sector เข้าสู่การรายงานงบ 2Q61 ได้แก่ SCC ในวันพุธและ PTTEP ในวันพฤหัสบดีนี้
3. บทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มธนาคาร เรามีการปรับเพิ่มเป้าหมายหุ้นตัวใดบ้าง?
4. วิเคราะห์เชิงลึกภาคการนำเข้า-ส่งออกไทย เดือน มิ.ย.
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET INDEX บวกแรงถึง 24.17 จุด ปิดที่ 1671.06 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 6.7 หมื่นล้านบาท หลังจากหุ้นธนาคารขนาดใหญ่อย่าง KBANK (+5.8%) และ BBL (+2.3%) รายงานผลประกอบการ 2Q61 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด
กระแสเงินทุน : สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่นเป็นวันที่ 3 อีกราว 4.6 พันล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิสะสมกว่า 9.1 พันล้านบาท ขณะที่กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Short สุทธิในตลาด SET50 Index Futures เล็กน้อยเพียง 811 สัญญา ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย เป็นครั้งแรกในรอบ 3 วันราว 980 ล้านบาท และมีสถานะ Long สุทธิในตลาด SET50 Index Futures หนาแน่นเป็นวันที่ 3 อีกราว 1.1 หมื่นสัญญา รวม 3 วันทำการมีสถานะ Long สุทธิสะสมกว่า 3.6 หมื่นสัญญา แต่ต่างชาติ ยังคงขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีกราว 4.8 พันล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิสะสมกว่า 7.4 พันล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯเผย สหรัฐฯพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากจีนในวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านเหรียญฯ
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วิจารณ์การที่ค่าเงินหยวนอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี ทำให้สหรัฐฯเสียเปรียบด้านการค้า
ผลการประชุม G20 แสดงถึงความกังวลต่อประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศที่มีความรุนแรงมากขึ้น
Baker Hughes รายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานของสหรัฐฯ ลดลง 5 แท่นอยู่ที่ระดับ 858 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ญี่ปุ่นรายงานเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. 61 ขยายตัว 0.7%YoY ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 0.8%YoY
กระทรวงพาณิชย์รายงานการส่งออกไทยเดือน มิ.ย. สกุลเงินดอลลาร์ขยายตัว 8.2%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 9.5%YoY ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 10.8%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 14.9%YoY
ความเป็นไปได้ของดีลซื้อกิจการปิโตรเคมีภายในประเทศ อาจส่งผลต่อกรอบเวลาการทำ IPO ของ Saudi Aramco เลื่อนออกไปจากกำหนดการเดิม
ติดตามการพบกันระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯและประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อเจรจาทางการค้า วันที่ 25 ก.ค.
ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 26 ก.ค.
ติดตามการประกาศ GDP 2Q61 ของสหรัฐฯ ครั้งแรก วันที่ 27 ก.ค. ตลาดคาดขยายตัว 4.0%
ติดตามการเจรจาระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยกับสหรัฐฯ กรณีการยกเว้นเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม ระหว่างวันที่ 24-27 ก.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist , 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist , 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist , 662-009-8059
OO11603