- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 18 July 2018 20:00
- Hits: 6527
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
Consolidated (ต่อ)
เมื่อวาน หุ้นพลังงานลงตามน้ำมันดิบ โดย PTTEP ลงหนักกว่าเพื่อน, AOT ลงตามกลุ่มท่องเที่ยว-ข่าวทัวร์จีนแห่ยกเลิกเข้าไทยหลังเกิดเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต (คาดกลุ่มโรงแรม CENTEL ERW MINT มี Downside risk ต่อกำไร 3Q18)...และมี แรงซื้อแบงก์กลับ ดันดัชนีฯ ส่วนหุ้นบวกแรงได้แก่ KTC BEC
วันนี้คาด กลุ่มแบงก์ ไฟแนนซ์ จะ Outperform ตลาดต่อ จากแรงซื้อเก็งกำไร งบแบงก์ ที่ทยอยประกาศ ช่วง 19-20 ก.ค.นี้ บวกกับเมื่อวาน กกบ.มีมติเลื่อนใช้ IFRS9 ออกไปเป็น ม.ค. 63 ส่งผลให้แบงก์ที่มี การตั้งสำรอง สูงอยู่แล้ว มีแนวโน้มไม่ต้องตั้งเพิ่มอีกในช่วงที่เหลือปีนี้ ส่วนแบงก์ที่สำรองต่ำ จะมีเวลาให้ สามารถทยอยตั้งสำรองได้ ทำให้งบปีนี้มี โอกาสที่ กำไรสุทธิจะดีกว่าคาด
ระยะสัปดาห์ คาดตลาดหุ้นไทย ดัชนีฯแกว่งไร้ทิศทาง แต่หุ้นรายตัวจะผันผวนสูงขึ้น กรอบดัชนีฯ 1,630/1,615-1,650 จุด (ปรับลงจาก 1,630-1,660) จากคาดหุ้นไทยยังขาดแรงซื้อจาก ต่างชาติ ส่วนกองทุนในประเทศ คาดเน้นตั้งรับมากกว่าไล่ราคา (เพราะไล่ Cover short ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา) เพื่อรอดูผลการดำเนินงาน บจ. 2Q18 ที่จะทยอยประกาศ และ เราคงคาดการปรับกำไร-ราคาเป้าหมายลง จาก Consensus รอบนี้จบเมื่อไร จะเป็นจุด Bottom out ของตลาดหุ้นไทย
What to watch :
(+/-) จับตาการเจรจาการค้า ระหว่าง สหรัฐ-EU ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ แผนเก็บภาษีรถยนต์ยุโรป / ถ้ามีสัญญาณบวกจากการเจรจาครั้งนี้ เชื่อว่าตลาดหุ้นทั่วโลกพร้อมจะรีบาวด์ เพราะมองว่า กรณี สหรัฐฯ-จีน น่าจะมีการ เจรจาในระดับ ทวิภาคี ตามมา
(+/-) การประชุม ผู้ว่าธนาคารกลาง ของกลุ่ม G20 19-20 ก.ค. และต่อด้วย รมต.คลัง G20 21-22 ก.ค.
(*/+) เมื่อวานประธานเฟดแถลงข้อมูลเศรษฐกิจต่อ สภาครองเกรส ระบุ GDP 2Q18 มีแนวโน้มจะโตได้ดีกว่า 1Q18 ที่ +2% ส่วนดอกเบี้ย จะปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
(+) วันนี้ เฟดจะรายงาน US Beige book ที่เตรียมไว้สำหรับการประชุม FOMC ปลายเดือนนี้ คาดว่าจะมีเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยที่เกี่ยวข้องกับ นโยบายการค้าที่ตึงเครียด ระหว่าง จีน-สหรัฐฯ เพราะเริ่มส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางเมืองในสหรัฐฯเริ่มชะลอตัวแล้ว ซึ่งรายงาน beige book วันนี้ น่าจะสะท้อนความกังวลที่มีต่อ นโยบายการค้า และ ทางแก้ปัญหาในมุมของ Fiscal policy
(+/-) MS ออกรายงานกลยุทธ์ แนะลดพอร์ตหุ้น High beta พร้อมทั้งหันมาเพิ่มน้ำหนักหุ้น Defensive เช่น โทรคมนาคม, อสังหาฯ, Consumer Staple (สินค้าจำเป็น), Utilities (โรงไฟฟ้า ประปา รถไฟฟ้า ทางด่วน) โรงพยาบาล โดยมองตลาดหุ้นสหรัฐฯ ครึ่งปีหลัง จะมีความเสี่ยงเผชิญต่อภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
หุ้นแนะนำ
Tactical weekly เพิ่ม BTS BEM เข้าพอร์ต ถอด SPALI ออก
รายงานวันนี้
Thai Market Strategy : 2Q18 earnings preview: Modest growth for core and net profit
การเลือกหุ้นสำหรับกำไร 2Q18 นั้นต้องเลือกแบบเฉพาะเจาะจงมาก เพราะแนวโน้มกำไรออกมาแบบไม่ชี้ทิศทาง แม้ว่าในอุตสาหกรรมดียวกันก็ตาม เราคาดกำไรสุทธิ 2Q18 จะเพิ่มขึ้น 6%YoY แต่ลดลง 21%QoQ และกำไรหลักคาด เพิ่มขึ้น 9%YoY แต่ลดลง 7%QoQ โดยในไตรมาสนี้คาดจะมี FX loss จำนวนมากถึง 4% ของกำไรรวมในไตรมาส โดยกลุ่มที่เราคาดกำไรจะโตดี YoY ได้แก่ การเงิน โรงพยาบาล ปิโตรเคมีและพลังงาน ขนส่งและท่องเที่ยว การปรับประมาณการกำไร SET ของ consensus ในเดือน ก.ค. ยังคงกระจาย โดยเราคงประมาณการ SET EPS ที่ 110.7 สูงกว่า consensus เล็กน้อยที่ 109
Healthcare : 2Q18 low seasonal earnings estimates; heading into 3Q18 high season
กลุ่มโรงพยาบาลเป็นกลุ่มที่ดูปลอดภัยในบรรยากาศการลงทุนที่ยังมีความไม่แน่นอน และผันผวน โดยเราคาดกำไรหลัก 2Q18 สำหรับหุ้นที่เรา cover (BCH, BDMS, BH, CHG, RJH, and THG) เพิ่มขึ้น 27%YoY แต่ลดลง 19%QoQ ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ใน 2Q18 รายได้จากผู้ป่วยเงินสดแข็งแกร่ง แต่รายได้จากประกันสังคมชะลอตัว เพราะจ่ายล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ รอบนี้เราชอบ BCH มากที่สุด เพราะจะเป็นบริษัทเดียวที่กำไร 2Q18 โตได้ดีทั้ง YoY และ QoQ
Media: Ad spend rescued from a dark place
เม็ดเงินโฆษณาในเดือน มิ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบวกไป 14% YoY จากทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเม็ดเงินสะพัดจากช่วงฟุตบอลโลก โดยเม็ดเงินในสื่อดิจิตอลทีวียังเติบโตแข็งแกร่ง +65% YoY, เช่นเดียวกับสื่อ OOH (สื่อในระบบขนส่งมวลชน +25%, สื่อในอาคาร +11%, และสื่อนอกบ้าน +9%) ในด้านของทีวีอะนาล๊อกเม็ดเงินพลิกกลับมาเป็นบวก +3% เดือนแรกตั้งแต่ พ.ย. 2017 (ฐานปี 2016 ต่ำ) เรามองว่าเม็ดเงินโฆษณาจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี ตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และรายได้ภาคเกษตรกรรมที่ฟื้นตัว เรายังชอบ RS และ PLANB ที่สุดในกลุ่ม
BANK : DBD decided to delay the IFRS9 to 2020
วานนี้คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี(กกบ.) ได้ตัดสินใจชะลอวันเริ่มใช้มาตรฐานบัญชี IFRS9 จากเดิมวันที่ 1 ม.ค. 2019 เป็น 1 ม.ค. 2020 เรามองว่าการชะลอการใช้มาตรฐานบัญชีดังกล่าวไปเป็นปี 2020 จะลดความกดดันต่อธนาคารในประเทศไทยส่วนมาก เนื่องจากพวกไม่ต้องเร่งตั้งสำรองหนี้สูญฯ เพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์ใหม่
เรามองว่า KTB TCAP และ KKP เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการตัดสินใจครั้งนี้มากที่สุด เนื่องจากเราเชื่อว่าสามธนาคารดังกล่าวต้องตั้งสำรองหนี้สูญฯ เพิ่มเติมมากกว่าธนาคารอื่นๆ ขณะที่มีโอกาสที่ธนาคารหลายแห่ง เช่น BBL KBANK TMB และ BAY จะปรับลดเป้าหมายการตั้งสำรองหนี้สูญฯ สำหรับปี 2018 ลง ทั้งนี้เราชอบ BBL และ KKP เนื่องจากทั้งสองธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้สูญฯ ในระดับที่สอดคล้องกับมาตรฐานบัญชี IFRS9 แล้ว เรายังคงให้น้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด" สำหรับกลุ่มธนาคาร
BGRIM : Signing the Shares Purchase Agreement for the solar project in Vietnam
บ่ายวานนี้ BGRIM ประกาศว่าบริษัทได้เซ็นต์สัญญาซื้อหุ้น 100% ใน Viet Thai Solar Joint Stock Company ซึ่งถือหุ้นในโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 420 เมกะวัตต์ในประเทศเวียดนามอยู่ 55% (จะ COD ในวันที่ 30 มิ.ย. 2019) โดยดีลครั้งนี้มีมูลค่าราว 1.1 พันล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จในวันที่ 16 ก.ค. 2018 โครงการดังกล่าวจะหนุนให้ BGRIM มีกำลังการผลิตที่ติดสัญญาเพิ่มขึ้นราว 8% หลังจากการซื้อกิจการแล้วเสร็จ BGRIM จะมี equity capacity growth ประมาณ 26% ในปี 2019 (เทียบกับก่อนซื้อกิจการนี้ที่ 6%) เราประเมินว่าโครงการนี้จะหนุนกำไรหลักของ BGRIM ราว 66 ล้านบาท (2%) ในปี 2019, 141 ล้านบาท (3%) ในปี 2020 และ 150 ล้านบาท (3%) ในปี 2021 อีกทั้งโครงการนี้จะส่งผลให้ราคาเป้าหมาย YE18 ของเราเพิ่มขึ้นประมาณ 0.30 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 30 บาท
หุ้นมีข่าว
(+) BEM BTS 7 บริษัทฯยักษ์ใหญ่ ร่วมชิงสัมปทาน ด่านเก็บเงิน มอเตอร์เวย์ บางปะอินโคราช และ บางใหญ่-กาญจน์ 6.1 หมื่นล้านบาท (ที่มา ประชาชาติฯ)
(*/-) SPALI ลุยเปิดคอนโดฯ ฝั่งธน ศุภาลัย ลอฟท์ ประชาธิปก-วงเวียนใหญ่ กวาดยอดขาย 1.25 พันลบ.ในช่วงวันเปิดจอง เชื่อว่าจะส่งผลให้ยอดขายทั้งปีเข้าสู่เปาบริษัทที่วางไว้ 33,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 3/61 บริษัทมีแผนงานเปิดตัวโครงการคอนโดฯ ใหม่อีก 1 โครงการ และแนวราบ จำนวน 5 โครงการ เพื่อผลักดันยอดขายสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ (ที่มา อินโฟเควสท์)
ความเห็น จากการประชุมกับ SPALI เมื่อวาน เราเห็นว่ามีประเด็นลบกดดันราคาหุ้นระยะสั้น 1) ราคาสุดท้ายที่จะซื้อ MK ตลาดกังวลว่าจะเกินกว่า 4.1 บ. 2) งบ 2Q18 มีโอกาสต่ำกว่าที่เราคาดไว้ที่ 1.4 พันล้านบาท
(*) DTAC ยังลังเลร่วมประมูล 900 MHz หลังเงื่อนไขมีความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายปองกันสัญญารบกวน เนื่องจาก DTAC ประเมินว่าค่าใช้จ่ายการติดตั้งระบบปองกันคลื่นสัญญาณรบกวน (Filter) ระหว่างคลื่นที่ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) และที่บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น (TRUE) ใช้อยู่ ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งมากกว่าส่วนลดที่ กสทช.ให้นำไปหักจากราคาประมูลเริ่มต้น (ที่มา อินโฟเควสท์)
(+) DDD แย้ม Q4/61 เปิดตัวแบรนด์ใหม่ -ซุ่มทำดีลซื้อกิจการ 2-3 ดีล บริษัทฯ มีแผนเปิดแบรนด์สินค้าใหม่ที่ไม่ใช่ SNAIL WHITE ในไตรมาส 4/2561 โดยมีเป้าหมายเจาะกลุ่มลูกค้าประเภท Premium mass ซึ่งราคาขายจะอยู่ที่ประมาณ 500-600 บาท พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการซื้อกิจการแบรนด์ภายในประเทศ 2-3 ดีล แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะสรุปได้ในช่วงใด แต่ก็คาดหวังจะได้ข้อสรุปเร็วที่สุด (ที่มา อินโฟเควสท์)
(+) BEC กระแสข่าว อยู่ระหว่างการพิจารณา คืน ช่อง 13 family หากกฎเกณฑ์ชัดเจน (ที่มา ทันหุ้น)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO11435