- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 13 July 2018 21:43
- Hits: 2824
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
เก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
Smart Pick
สะสม AOT
ราคาปิด 64.75 บาท
ราคาเหมาะสม 92.00 บาท
ประเมินว่าหุ้นที่พักตัวใน 2 วันที่ผ่านมา และยืนเหนือเส้น 200 วัน ได้สะท้อนปัจจัยลบช่วงสั้นของกรณี 3 ทัวร์จีนยกเลิกมาไทยจากกรณีเรือล่มที่ภูเก็ตแล้ว และเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวไทย เนื่องจากไทยและจีนมีความสัมพันธ์ที่ดี จึงไม่น่าจะมีการออกมาตรการใดๆที่เป็นลบกับไทย
คาดกำไร 3Q60/61 เติบโต +14% YoY เป็น 6.1 พันล้านบาท และมีปัจจัยบวกรออยู่คือการประมูล Duty Free รอบใหม่ของสนามบินสุวรรณภูมิ จะช่วยหนุนส่วนแบ่งรายได้ในระยะยาว
เก็งกำไร KBANK
ราคาปิด 195.00 บาท
ราคาเหมาะสม 240.00 บาท
กลุ่มธนาคารมีปัจจัยบวกรออยู่ในสัปดาห์ คือ การประชุมระหว่าง กกบ.และธปท.ในวันที่ 17 ก.ค. โดยคาดว่ามีโอกาสสูงที่จะเลื่อนใช้ IFRS9 ออกไป และเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารเนื่องจากจะทำให้การตั้งสำรองมีโอกาสลดลง
คาดกำไร 2Q61 ทรงตัว YoY ที่ 9,046 ล้านบาท และแนวโน้มดอกเบี้ยในประเทศคาดว่าจะเริ่มขยับขึ้นใน 4Q61 จะเป็นบวกต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ของธนาคารใหญ่ให้เร่งตัวขึ้น และช่วยหนุนผลประกอบการกำไรปี 2562
เก็งกำไร LPN
ราคาปิด 10.50 บาท
ราคาเหมาะสม 11.60 บาท
คาดว่าราคาหุ้นมีโอกาสตอบรับเชิงบวก หากยอด Presales โครงการบ้าน 365 ซึ่งจะเปิด Grand Opening ในวันเสาร์นี้ได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฟสแรกมีมูลค่าโครงการ 1.6 พันล้านบาท และมียอด Soft Opening แล้ว 50%
คงมุมมองบวกต่อการพลิกฟื้นของกำไรปี 2561 คาดเติบโต +36% YoY เป็น 1,442 ล้านบาท และคาดปันผล 1H61 หุ้นละ 0.17 บาทคิดเป็น Dividend Yield 1.6% และทั้งปีหุ้นละ 0.57 บาท คิดเป็น Dividend Yield 5.4%
เก็งกำไร MINT
ราคาปิด 34.25 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 36.00 บาท
สัญญาณทางเทคนิค ราคาหุ้นมีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบ 36.00 บาท แนวรับ 33.75 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 33.00 บาท
แนวโน้มกำไรปกติ 2Q61 คาดเติบโต YoY และความเสี่ยงของการเพิ่มทุนเชื่อว่าจะยังไม่เกิดขึ้นในปี 2561 จึงเชื่อว่าราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวได้
Pair Trade : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
คาด SET INDEX วันนี้ แกว่งตัวในกรอบ 1635-1650 จุด เม็ดเงินของนักลงทุนกลุ่มหลัก มีลักษณะ Wait & See สะท้อนจากมูลค่าการซื้อขายรวมและสถานะซื้อขายสุทธิของนักลงทุนแต่ละกลุ่ม เริ่มชะลอตัว เรามองว่า วันนี้น่าจะเห็นการหมุนเปลี่ยนตัวหุ้น (Stock Rotation) เข้ามาเก็งกำไรหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดโดยภาพรวม
วุฒิสภาสหรัฐฯ ผลักดันให้สภาคองเกรส เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพื่อควบคุมอำนาจของฝ่ายบริหารในการใช้มาตรการกำแพงภาษีนำเข้า ในขณะที่ จีน ยังไม่ได้มีมาตรการตอบโต้สหรัฐฯเพิ่มเติมออกมา ทำให้สงครามการค้า มีแนวโน้มลดความรุนแรงลงในระยะสั้น ถือเป็นบวกต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Markets)
ด้านปัจจัยการเมืองในประเทศ มีทิศทางเป็นบวกมากขึ้นเช่นกัน หลังจากวานนี้ สนช. มีมติเห็นชอบกกต. 5 ท่าน ซึ่งถือว่า มีจำนวนเพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง เดินหน้าตามโรดแมปการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่คาดว่า จะเกิดขึ้นในปี 2562 เรามองเป็นบวกต่อหุ้น Domestic Play ได้แก่ ค้าปลีก/ ธนาคาร/ อสังหาฯ
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ เรายังคงแนะนำให้เก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ หุ้นที่คาดว่า ผลการดำเนินงาน 2Q61 เติบโตแข็งแกร่ง (Earnings Play)/ หุ้นได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Play) โดยเฉพาะถ่านหิน (BANPU)
ความผันผวนของตลาดหุ้นไทยในช่วงก่อนหน้านี้ ส่งผลให้หุ้นหลายหลักทรัพย์ในดัชนี SET100 ลงแรงกว่า 25% จากจุดสูงสุดตั้งแต่ต้นปีนี้ (YTD) เรามีคำแนะนำให้นักลงทุนปรับกลยุทธ์อย่างไร? ติดตามได้ในบทวิเคราะห์ Special Report เช้านี้
HOT Topic
1. สงครามการค้าเริ่มคลายตัว หลังวุฒิสภาสหรัฐฯเข้าคานอำนาจทรัมป์ และจีนไม่ออกมาตรการตอบโต้
2. Roadmap เลือกตั้งเดินหน้า หลังวานนี้ สนช.เห็นชอบ กกต. 5 ท่าน ซึ่งเพียงพอต่อการปฎิบัติหน้าที่
3. Special Report ปรับกลยุทธ์อย่างไรกับหุ้นที่ลงมาแรง
4. วันนี้ติดตามยอดส่งออกจีนเดือน มิ.ย. คาด +9.5% YoY และสัปดาห์หน้าลุ้นเลื่อนใช้ IFRS9
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 4.30 จุด ปิดที่ 1640.93 จุด โดยตลาดสามารถปรับตัวได้ดี แม้ว่าจะถูกกดดันจากหุ้น CPALL (-2.86%) และ PTT (-1.03%) ที่ปรับตัวลง มีผลต่อตลาดราว -3.4 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.7 หมื่นล้านบาท ทรงตัวต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท เป็นวันที่ 2
กระแสเงินทุน : นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิเป็นวันที่ 9 อีกราว 558 ล้านบาท รวม 9 วันขายสุทธิทั้งสิ้นกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท และมีสถานะ Long สุทธิเป็นวันที่ 4 ในตลาด SET50 Index Futures อีกราว 2.1 พันสัญญา รวม 4 วัน Long สุทธิทั้งสิ้นกว่า 1.7 หมื่นสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Long สุทธิ 4.1 หมื่นสัญญา ทางด้านสถาบันในประเทศขายสุทธิวันแรกในรอบ 5 วันทำการอีกเล็กน้อยราว 41 ล้านบาท และในตลาด SET50 Index Futures สถาบันในประเทศและบัญชีบล.มีสถานะ Short สุทธิเป็นวันที่ 3 อีกราว 569 สัญญา รวม 3 วัน Short สุทธิทั้งสิ้นกว่า 9.2 พันสัญญา และ QTD มีสถานะ Short สุทธิ 1.3 หมื่นสัญญา
ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติ พลิกสถานะกลับมาขายสุทธิราว 2.4 พันล้านบาท แต่ค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าเล็กน้อยที่ระดับ 33.17 บาท/USD
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯเผยว่า นโยบาย Brexit ของอังกฤษจะกระทบข้อตกลงทางการค้าระหว่างอังกฤษและสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯจะไม่ออกจากกลุ่ม NATO หลังจากประเทศสมาชิกตกลงที่เพิ่มค่าใช้จ่ายด้านกลาโหม แต่ผู้นำฝั่งเศสปฎิเสธว่า ประเทศสมาชิกจะเพิ่มงบกลาโหมเกิน 2% ของ GDP
IEA รายงานว่าการเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันในตลาดโลกของกลุ่ม OPEC จะกระทบต่อกำลังการผลิตส่วนเกินเนื่องจากการผลิตน้ำมันยังมีภาวะชะงักในหลายประเทศ
สหรัฐฯรายงานเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) เดือนมิ.ย. ขยายตัว 2.9% YoY สูงสุดในรอบ 6 ปี ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ขยายตัว 2.3% YoY ตามตลาดคาด
สนช.มีมติเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่ง กกต.จำนวน 5 คน จากทั้งหมด 7 คนที่เสนอมา เพียงพอต่อการเรียกประชุมและเลือกตำแหน่งประธานสนช. เพื่อเดินหน้าจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่
KTC เริ่มซื้อขายที่พาร์ใหม่ 1 บาท วันนี้
ติดตามการรายงานยอดนำเข้า - ส่งออกจีน เดือนมิ.ย. วันนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามการรายงาน GDP 2Q61 ของจีน ตลาดคาดขยายตีว 6.7% YoY ต่ำกว่าการประกาศครั้งก่อนที่ระดับ 6.8% YoY วันที่ 16 ก.ค.
การประชุมพิจารณาการใช้มาตรฐานบัญชี IFRS9 ของ กกบ. วันที่ 17 ก.ค.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้ออังกฤษและเงินเฟ้อยุโรป วันที่ 18 ก.ค.
ติดตามการรายงาน Beige Book วันที่ 19 ก.ค.
ติดตามการรายงานนำเข้า-ส่งออกไทย เดือนมิ.ย. และการรายงานเงินเฟ้อญี่ปุ่นเดือนมิ.ย. วันที่ 20 ก.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist , 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist , 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist , 662-009-8059
OO11223