- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 09 July 2018 17:19
- Hits: 1960
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงเพิ่มน้อย หนุน SET”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : AMATA (จากซื้อเป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวันศุกร์– SET Index กลับมาเพิ่มถึง 13.34 จุด ปิดที่ 1614.76 จุด อยู่ในเกณฑ์ปรับลงมากกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค มูลค่าซื้อขายเพิ่มขึ้นที่ 65.6 พันล้านบาท ระหว่างวันดัชนีเหวี่ยงถึง 30 จุด จากยอดสูงสุด-ต่ำสุด มีไปทำยอดสูงสุดเป็น 1618.36 จุด ถือเป็น Surprise ทางบวก เพราะดูเหมือนหุ้นควรปรับลงจากปัจจัยสงครามการค้าที่จีน-สหรัฐฯเริ่มเก็บภาษีนำเข้าศุกร์ที่ผ่านมา แต่ยังรอดูตัวเลขจ้างงาน เป็นปัจจัยที่ตลาดฯยังกังวล อาจเป็นเพราะตลาดฯรับรู้ข่าวลบไประดับหนึ่งแล้วและสหรัฐมีข้อโอนอ่อนยุติการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ยุโรป ว่าไปแล้วสหรัฐดูจะเข้มกับจีนมากกว่ายุโรป หลักทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นดีคือ จะเน้นทำธุรกิจในประเทศ (Domestic Play) ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ สถาบัน 1.4 พันลบ. บัญชีหลักทรัพย์ 1.1 พันลบ. ด้านผู้ขายสุทธิคือ ต่างประเทศ 1.7 พันลบ. และรายย่อย 0.8 พันลบ.
แนวโน้มและกลยุทธ์– SET คาดว่าจะออกมาในโทนบวก หลังตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมง อ่อนกว่าคาด เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยช้าลง และความกังวลสงครามการค้ารับรู้ไปส่วนหนึ่งแล้ว และมีข่าวดีแทรกขึ้นมาสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐจะยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป แสดงว่าสหรัฐฯไม่ถึงกับแข็งกร้าวทีเดียว ดอลลาร์อ่อนค่า เป็นบวก จึงช่วย SET รีบาวด์ต่อได้ ราคาน้ำมันปรับ-ดาวโจนส์ปรับขึ้นเป็นแรงบวก ด้านตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้มีรีบาวด์ชัดเจน ดาวโจนส์ล่วงหน้า +100 จุด น้ำมันล่วงหน้าปรับขึ้นส่วนระยะกลาง-ยาวเฟดคาดปีนี้จะปรับขึ้นทั้งหมด 4 ครั้ง (ปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี) และปีหน้าอีก 3 ครั้ง ทำให้แนวโน้มดอลลาร์แข็งค่า และเงินไหลออกกลับไปสหรัฐ นับว่าปัจจัยต่างประเทศยังกดดันในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ส่วนปัจจัยบวกคือ การเลือกตั้งไทยยังเป็นไปตามโรดแม็ป เศรษฐกิจไทยยังดี ธปท.กล่าวยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย แต่เริ่มกังวลไทยจะได้รับผลกระทบสงครามการค้าตั้งแต่ปีหน้า เพราะเราเป็นห่วงโซ่ผู้รับจ้างผลิตและส่งออก จึงอาจได้รับผลลบได้ กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ยังคงเน้นลงทุนหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ หุ้นส่งออกได้ประโยชน์จากบาทอ่อน นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ไม่หวังกำไรมาก ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย ล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1580-1650 จุด
Update หุ้นเด่น: SC – นับว่า SC เป็นบริษัทที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว มีคุณภาพ และเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวหรูหราอันดับ 1 ในประเทศไทย ทั้งนี้คอนโดระดับหรูหราศาลาแดง วัน จะแล้วเสร็จใน 2Q61 พร้อมโอนช่วยเสริมรายได้ แต่เลื่อนเปิดแนวราบหลายโครงการไป 3Q61 เพื่อให้พร้อม เปิดขาย 2Q61 โครงการเดียว แต่ยอดขายแนวราบ 2Q61 ยังจะโตได้ y-o-y และจะไปเร่งตัวใน 2H61 ที่เปิดขายมาก คาดการณ์กำไรหลักปีนี้โตโดดเด่นถึง 59% y-o-y แรงหนุนนำมาจากการโอนคอนโดสูงคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลสูง คาดว่าปีนี้เป็น 5.7% คำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐาน 4.43 บาท ด้วย P/E ที่ 9.0 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 28%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เปลี่ยนเป็นบวกเล็กๆ แต่ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง ตามโครงสร้างอย่างไรก็ตามอาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1630-1640, 1650 โดยมีแนวรับ 1580-1560
สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น GOLD,HANA,SGP,MINT,BEM ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ PTT,PTTGC,GLOBAL,WORK หุ้นที่หลุด List -และที่ให้หาจังหวะTake profit คือ SPALI,BDMS,BJC,KBANK,MTC,KTB,INTUCH
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ เฟดอาจไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ย ตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงขยายตัวต่ำกว่าคาด
# ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 5 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.2% จากระดับ 0.3% ในเดือนพ.ค. และเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ระดับ 2.8% จากระดับ 2.7% ในเดือนพ.ค. โดยการชะลอตัวของค่าจ้างในเดือนมิ.ย.ทำให้ตลาดคาดว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
-/• ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นสูง แต่อัตราว่างงานสูงกว่าคาด
# กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 213,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.0% โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 3.8%
- ศุกร์เริ่มมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจีน-สหรัฐ
# มาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของสหรัฐ ได้เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้การลักลอบใช้ทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีโดยจีน ซึ่งได้ใช้มาตรการด้านภาษีกับสินค้าของสหรัฐแล้วในวันนี้ ภายหลังจากที่มาตรการจัดเก็บภาษีสินค้าจีนโดยสหรัฐได้มีผลบังคับใช้ในวันนี้ เมื่อเวลา 00.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ หรือ 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นในไทย
# จีนจะรายงานสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) และจะยืนเคียงข้างกับนานาประเทศ เพื่อปกป้องการค้าเสรีและกลไกแบบพหุภาคี
# ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้ออกมาเตือนว่า สงครามภาษีนำเข้าที่เริ่มต้นขึ้นจากฝั่งรัฐบาลสหรัฐ จะส่งผลเสียต่อทั้งเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป
+ นักเศรษฐศาสตร์กลับคาดสงครามการค้ามีผลไม่มาก
# แต่นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางจีน กล่าวว่า สงครามการค้ามูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ระหว่างจีนและสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนในวงจำกัดเท่านั้น คือ GDP ของจีนเติบโตช้าลงเพียง 0.2%
# นักวิเคราะห์จากบริษัทแฮร์ริส ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ในรัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐ กล่าวว่า มูลค่าภาษีนำเข้าที่สหรัฐเรียกเก็บจากจีนเมื่อวันศุกร์นั้น ไม่มากพอที่จะสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ และไม่ได้มากเท่ากับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ได้ขู่ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในวงเงินมากกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเกือบเท่ากับมูลค่าสินค้าที่สหรัฐนำเข้าจากจีนทั้งหมดในปีที่แล้ว โดยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนมองว่า ยังมีโอกาสที่สหรัฐและจีนจะเจรจาเพื่อต่อรองกันในเรื่องนโยบายการค้า
+ ทรัมป์ส่งสัญญานยุติเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป
# ทรัมป์ส่งสัญญาณว่าจะยุติการเรียกเก็บภาษีรถยนต์จากยุโรป ขณะที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ออกมาสนับสนุนให้สหภาพยุโรป (EU) ปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐเช่นกัน
-หุ้นกลุ่มอสังหาฯสิงคโปร์ดิ่งลงวันนี้ หลังรัฐบาลออกมาตรการคุมเข้มลดความร้อนแรงในตลาด
# รัฐบาลสิงคโปร์ออกมาตรการคุมเข้มการซื้อขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยมีเป้าหมายที่จะกวาดล้างการลงทุนแบบเก็งกำไร ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า มาตรการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายอสังหาริมทรัพย์ และอาจฉุดหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
+ ดอลลาร์อ่อนค่า ตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงขยายตัวต่ำกว่าคาด
# ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและฟรังก์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (6 ก.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น ชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าเฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
+ ตลาดน้ำมัน : น้ำมันปรับขึ้น กลับมาซื้อเก็งกำไรหลังร่วงแรง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 73.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 77.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (6 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์ปรับขึ้น สะท้อนข่าวตัวเลขจ้างงานและค่าจ้างรายชั่วโมง
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,456.48 จุด เพิ่มขึ้น 99.74 จุด หรือ +0.41% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,759.82 จุด เพิ่มขึ้น 23.21 จุด หรือ +0.85% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,688.39 จุด เพิ่มขึ้น 101.96 จุด หรือ +1.34%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (6 ก.ค.) ขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดมองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้นขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนมิ.ย. โดยมุมมองด้านบวกที่นักลงทุนมีต่อข้อมูลแรงงานสหรัฐนั้น ได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
• ทองคำ : ปรับลง เข้าตลาดหุ้นแทน
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 3 ดอลลาร์ หรือ 0.24% ปิดที่ 1,255.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียง 0.1%
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อวันศุกร์ (6 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเกินคาดในเดือนมิ.ย.
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นหลักทรัพย์
+/• รองนายกฯ ดร.สมคิด ต้องการให้ GDP ไทยโตสูงกว่าเป้าที่ 4.5%
# นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ในวันนี้ได้มาประชุมผู้บริหารกระทรวงคลังโดยได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นกำลังสำคัญในการดูภาพรวมเศรษฐกิจระดับประเทศ ซึ่งเป้าหมายการเติบโตของอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ไทยในปีนี้ที่คาดไว้ 4.5% ดีแล้ว แต่อยากเห็นจะเติบโตได้สูงกว่า
# รองนายกฯ เชื่อ กนง.ดูแลช่องว่างดอกเบี้ยไทย-ตปท.ให้มีความเหมาะสมได้ เพื่อรองรับสถานการณ์เงินไหลเข้า-ออก
+/- มีการเก็งกำไร หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แม้คาดการณ์กำไร 2Q61 อ่อนลง q-o-q
# DBS คาดการณ์กำไร 2Q61 เพิ่ม 3.6% y-o-y แต่ลดลง 11.3% q-o-q เป็น 40.3 พันล้านบาท เพราะผลกระทบลดค่าธรรมเนียมผ่าน Apps
# แต่คุณภาพสินทรัพย์ทรงตัว และการปล่อยสินเชื่อทยอยฟื้นตัว
# คาดการณ์ TCAP ผลการดำเนินงานเด่นสุด ส่วน Top Pick แนะนำลงทุน คือ BBL และ TMB
+/• BEAUTY คาดว่าจะมีการประชุมบอร์ดเรื่องซื้อหุ้นคืนวันจันทร์ 9 ก.ค.61 นี้
# บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) ชี้แจงว่า ด้วยวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 บริษัทจะมีการจัดประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อขออนุมัติซื้อหุ้นคืน โดยรายละเอียดในเรื่องของจำนวน ราคาและวงเงินในการซื้อหุ้นคืนยังไม่ได้ข้อสรุปอันเนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา และจะดำเนินการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไปเมื่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติ
# คำแนะนำ: ฝ่ายวิจัยฯ DBS แนะนำ ถือ ที่ราคาพื้นฐาน 9.00 บาท ณ ราคาปิดวันศุกร์ที่ 6 ก.ค.61 ที่ผ่านมา คิดเป็น P/E ปี 61 ที่ระดับ 17.8 เท่า และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 4.8%
• BCP: เปลี่ยนแปลงสัดส่วนจัดสรรหุ้นออกใหม่ BBGI เพื่อ IPO
# คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนย่อยในการจัดสรรหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ บมจ. บีบีจีไอ (BBGI) เพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่จะเสนอขายใน IPO จะไม่เกิน 30% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดทีออกใหม่ของ BBGI ภายหลัง IPO
# ทั้งนี้ จะมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนหุ้น IPO ของ BBGI เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของ BCP และบมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) ที่เป็นผู้ร่วมทุน เป็น 25% จากเดิมกำหนดสัดส่วนไม่เกิน 20% ของจำนวนหุ้น IPO และสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 75% ของจำนวนหุ้น IPO จะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป
+/- NWR: ได้งานก่อสร้างใหม่ 2 โครงการ มูลค่า 226.3 ล้านบาท
# NWR แจ้งว่าบริษัทมีการลงนามในสัญญาก่อสร้างในเดือน พ.ค. 61 มีจำนวน 2 งาน จำนวนเงินรวม 226.30 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ Renovate UHT Plant ของบริษัท โออิชิ เทรดดิ้ง จำกัด ดำเนินงานก่อสร้างปรับปรุงอาคารและงานสาธารณูปโภค มูลค่าโครงการ 143.91 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้ง 12 มี.ค.61- 14 ก.พ.62 และโครงการ Kantary 304/2 ของบริษัท เอ็ม แอนด์ เอ็ช แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เป็นการดำเนินการก่อสร้างอาคารรวมระบบโครงสร้าง, ระบบสถาปัตยกรรม, ระบบไฟฟ้าและสื่อสาร, ระบบสุขาภิบาล,ระบบป้องกันและระงับเหตุเพลิงไหม้ทั้งหมด มูลค่าโครงการ 82.39 ล้านบาท (SET)
# ผลกระทบ: ราคาหุ้นอาจปรับขึ้นเพราะ ช่วงนี้ทยอยประกาศได้รับงานใหม่ แม้คาดว่าปีนี้พลิกกำไรสุทธิ 225 ล้านบาท แต่ยังขาดทุนดำเนินงาน (Core Losses) 196 ล้านบาท รายการพิเศษคือ ชนะคดีคลองด่าน ได้เงินลูกหนี้คืนขายอุปกรณ์แม่เมาะ แต่รายได้และค่าใช้จ่ายด้อยลง คาดปี 62 ก็ยังขาดทุน 167 ล้านบาทเพราะไม่มีรายการพิเศษและกำไรจากอสังหาฯลดลงมาก คงคำแนะนำเชิงลบคือ เต็มมูลค่า (Fully Valued) ราคาพื้นฐานเป็น 0.86 บาท P/BV ปี 61 เท่าเดิมที่ 0.6 เท่า ราคาปิดค่อนข้างใกล้เคียง
• NOBLE: ทำการ Tender Offer หุ้น 26 มิ.ย.-30 ส.ค.61 นี้
# ราคาเสนอซื้อ 12.25 บาท ส่วนราคาสุทธิที่ได้ 12.217231 บาท วันที่ชำระเงิน 3 ก.ย.61 แต่การเสนอซื้อครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อการเพิกถอน ด้านตัวแทนการรับซื้อคือ บล.กสิกรไทย
+/- บาทอ่อนส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออก แต่เป็นลบกับผู้นำเข้าสินค้าและวัตถุดิบ
# หลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออก ที่ได้รับผล sentiment ด้านบวก เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ KCE, HANA, DELTA, SVI กลุ่มเกษตร-อาหาร ได้แก่ CPF, TU, GFPT, TIPCO, MALEE และหลักทรัพย์ท่องเที่ยวได้ประโยชน์ คือแลกเหรียญเป็นบาทได้มากขึ้นเป็น sentiment บวกกับ ERW, CENTEL และ MINT ด้านหลักทรัพย์เสียประโยชน์คือนำเข้าวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ได้แก่ TVO, TSTH, IRPC, BCP, SAT, STANLY, AH, COM7, SYNEX และ SIS รวมทั้งหลักทรัพย์ที่มีหนี้เงินกู้ต่างประเทศจะมีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ได้แก่ AAV, THAI และ RCL เป็นต้น
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO10968