WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
“น้ำมันขึ้นต่อ แต่สงครามการค้ารบกวนตลาดฯ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
  ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้– SET Index ปรับลง 5.32 จุด ปิดที่ 1618.66 จุด แกว่งแคบสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับลง มูลค่าซื้อขายปานกลางที่ 52.3 พันล้านบาท ระหว่างวันไปทำยอดสูงสุดที่ 1638.73 จุด เก็งกำไรราคาน้ำมันปรับขึ้น หลังทรัมป์มีนโยบายคว่ำบาตรประเทศที่ไปซื้อน้ำมันจากอิหร่าน และมีความคาดหวัง Window Dressing แต่ตอนบ่ายมีข่าวลบเรื่องสงครามการค้าที่ สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐผ่านร่างกฎหมายจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศ และมีกระแสเงินไหลออกเช่นเคย กดดัน SET ปิดลบ หลักทรัพย์ปรับตัวลงมากคือ SUPER, BEAUTY และ TRUE ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ รายย่อย 2.0 พันลบ.และสถาบัน 0.9 พันลบ. และด้านผู้ขายสุทธิคือ ต่างประเทศ 1.7 พันลบ. และบัญชีหลักทรัพย์ 1.2 พันลบ.
  แนวโน้มและกลยุทธ์– SET มีสภาพคล้ายวานนี้คือ ราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น อาจมีการเก็งกำไรหุ้นกล่มพลังงาน และมีแรงเสริมจาก Window Dressing บ้าง แต่เรื่องสงครามการค้าเริ่มมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้นเมือ สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศ และมีความสับสนจากเจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณออกมาในเรื่องนโยบายการค้า ส่วนเฟดคาดปีนี้จะปรับขึ้นทั้งหมด 4 ครั้ง (ปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี) และปีหน้าอีก 3 ครั้ง ทำให้แนวโน้มดอลลาร์แข็งค่า และเงินไหลออกกลับไปสหรัฐ นับว่าปัจจัยต่างประเทศเป็นลบนำปัจจัยในประเทศ ในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ส่วนปัจจัยบวกคือ การเลือกตั้งไทยยังเป็นไปตามโรดแม็ปเศรษฐกิจไทยยังดี แต่เริ่มกังวลไทยจะได้รับผลกระทบสงครามการค้า เพราะเราเป็นห่วงโซ่ผู้รับจ้างผลิตและส่งออก จึงอาจได้รับผลลบได้ ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่แกว่งแคบแบบลบ กังวลสงครามการค้า ส่วนดาวโจนส์ล่วงหน้า -27 จุด น้ำมันล่วงหน้าปรับลด กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นลงทุนหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดีและมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ หุ้นส่งออกได้ประโยชน์จากบาทอ่อน การที่ SET ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้หุ้นพื้นฐานดี Blue Chip หลายตัวย่อลงมาให้ซื้อได้ เช่น AOT, ADVANC, BBL, CPALL, KBANK, PTTGC และ SCC เป็นต้น และใกล้วันจะเริ่มใช้ SET 50 SET 100 คือ 2 ก.ค.61 จึงไปติดตาม หุ้นเข้า-ออก นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ไม่หวังกำไรมาก ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย ล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1610-1650 จุด
  Update หุ้นเด่น: CPN ปัจจัยพื้นฐาน CPN ยังแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำตลาดศูนย์การค้าไทย ที่ประสบความสำเร็จสูง คาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรหลักปีนี้และปีหน้าสูงเป็น 26%/13% ตามลำดับ ทั้งนี้จะได้รับกำไรจากคอนโดที่เปิดขายมาก่อนหน้านี้ช่วยสนับสนุนด้วย ราคาหุ้นปรับลง คาดว่ามาจากข่าวการเข้ามาแข่งขันในการพัฒนาโครงการ outlet mall จากยักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐคือ Simon Property Inc โดยร่วมมือกับสยามพิวรรธน์ แต่เราเห็นว่าผลกระทบยังค่อนข้างจำกัด หากเทียบพื้นที่แล้วโครงการ Central Village มี 4 หมื่นตรม. เทียบกับพื้นที่ทั้งหมดที่ตามแผน CPN เป็น 1.8 ล้านตรม. และเป็นเพียง 1 โครงการ เทียบกับปัจจุบันมีทั้งหมดถึง 32 โครงการ อีกทั้งเราเชื่อว่า CPN จะแข่งขันได้ จากทีมผู้บริหารมีความสามารถสูง ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 85.00 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF
  การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นลบ ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง ตามโครงสร้าง แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1630-1640, 1650 โดยมีแนวรับ 1610-1600
  สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น GOLD, VNT, MEGA, AEONTS ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ PTT, PRINC, SCC, PTTGC, AOT, CPALL, VGI หุ้นที่หลุด List คือ LPN และที่ให้หาจังหวะTake profit เป็น QH, GFPT, TGCI
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ราคาน้ำมันปรับขึ้น สต็อคต่ำกว่าคาด-สหรัฐบังคับไม่ให้ซื้อน้ำมันจากอิหร่าน
  # สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 2.23 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 72.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. 2557
  # สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2.23 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 72.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
  # สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ และบริษัทน้ำมัน ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร
-สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศ
  # สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 400 ต่อ 2 ให้ผ่านร่างกฎหมายจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าบริษัทจากจีนจะเข้ามายึดครองอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐ
  # ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการแก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติ ซึ่งเป็นความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มองว่าประเทศต่างๆ โดยเฉพาะจีน ได้เข้ามาทำการค้าที่ไม่เป็นธรรมและฉกฉวยผลประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐได้บังคับใช้มาตรการต่างๆ รวมทั้งการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ตั้งแต่อลูมิเนียมไปจนถึงรถยนต์
- ดอลลาร์กลับมาแข็งค่า ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส
  # ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ซึ่งรวมถึงยอดขาดดุลการค้าที่ปรับตัวลดลงในเดือนพ.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาทิศทางนโยบายการค้าของสหรัฐอย่างใกล้ชิด
+/- ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ออกมาในทางที่ดี
  # กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 0.6% ในเดือนพ.ค. อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมองว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค.ปรับตัวลงสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด และยังลดลงน้อยกว่าในเดือนเม.ย.ที่ร่วงลง 1.0%
  # กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. ขณะที่สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4%
  # สหรัฐขาดดุลการค้าลดลง 3.7% สู่ระดับ 6.48 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. เนื่องจากตัวเลขส่งออกได้พุ่งขึ้นมากกว่าการเพิ่มขึ้นของตัวเลขนำเข้า
+ จีน: กำไรจากภาคธุรกิจของจีน และภาคการผลิตดีขึ้น
  # สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยวานนี้ว่า กำไรของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัว 16.5% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.ที่มีการขยายตัว 15%
  # รายงาน China Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจของจีนซึ่งจัดทำโดย CBB International ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวได้ดีกว่าข้อมูลที่ทางรัฐบาลจีนได้รายงานก่อนหน้านี้ CBB International เปิดเผยว่า ภาคค้าปลีกของจีนดูเหมือนจะอยู่ในทิศทางขาขึ้น เนื่องจากมีการลงทุนและผลกำไรเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับเปิดเผยว่า สิ่งที่ระบุอยู่ในข้อมูลค้าปลีกประจำเดือนพ.ค.ซึ่งทางการจีนเปิดเผยก่อนหน้านี้ ไม่ได้สะท้อนถึงสถานการณ์ปัจจุบัน หากแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2561 และเมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา
  # สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ว่า กำไรของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัว 16.5% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.ที่มีการขยายตัว 15%
-รัฐบาลจีนจะปรับอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
  # กระทรวงการคลังของจีนเปิดเผยว่า รัฐบาลจะปรับอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป การปรับอัตราภาษีของจีนในครั้งนี้ครอบคลุมถึงสินค้าจำนวน 8,549 รายการที่ผลิตในบังกลาเทศ อินเดีย ลาว เกาหลีใต้ และศรีลังกา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสัมปทานด้านภาษีศุลกากรที่ได้รับการรับรองภายใต้ความตกลงการค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APTA)
+/- เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แสดงความเห็นที่ต่างกันเกี่ยวกับการเก็บภาษีประเทศคู่ค้า
  # นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐเตรียมออกแถลงการณ์จำกัดการลงทุนต่อทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะจีน หากพบว่าประเทศใดละเมิดสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาต่อสินค้าด้านเทคโนโลยีของสหรัฐ ขณะที่นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเปิดเผยในทางตรงกันข้ามว่า สหรัฐยังไม่มีแผนการจำกัดการลงทุนจากจีนและประเทศอื่นๆในขณะนี้
- สหรัฐเตรียมออกแถลงการณ์จำกัดการลงทุนต่อทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะจีน
  # นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ทวีตข้อความระบุว่า สหรัฐเตรียมออกแถลงการณ์จำกัดการลงทุนต่อทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะจีน หากพบว่าประเทศใดละเมิดสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาต่อสินค้าด้านเทคโนโลยีของสหรัฐ
  # ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ขู่ทุกประเทศทั่วโลกให้ยุติการตั้งกำแพงการค้าต่อสินค้าสหรัฐ มิฉะนั้นจะต้องพบกับมาตรการตอบโต้จากสหรัฐ
  # จากข่าวข้างต้นทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกได้รบผลกระทบในทางลบ มีการกลับเข้าไปซื้อทองคำและพันธบัตรที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
- สงครามการค้าสหรัฐกับประเทศอื่นๆยิ่งร้อนแรง
  # มีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแผนที่จะจำกัดการลงทุนของจีนในบริษัทด้านเทคโนโลยีของสหรัฐ และจะห้ามบริษัทสหรัฐส่งออกเทคโนโลยีให้กับจีน โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง
  # Ifo เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีร่วงต่ำสุดรอบกว่า 1 ปีจากพิษสงครามการค้า
- มีกระแสข่าวว่า ทรัมป์ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ยุโรป 20%
  # ผลกระทบ: คาดว่าหลักทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบด้านลบคือ KCE เพราะมีการจำหน่ายสินค้าแผ่นพิมพ์วงจร (PCB) ไปให้ค่ายรถยนต์ยุโรปเป็นสัดส่วนที่มากสุด ประเทศที่ส่งออกไปมากคือ เยอรมันและฝรั่งเศส ทั้งนี้จากสถิติพบว่ารถยนต์จากยุโรปส่งออกไปสหรัฐฯในสัดส่วน 25% จากทั้งหมด คำแนะนำปัจจุบัน KCE คือ ซื้อ เพราะได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่าและราคาวัตถุดิบทองแดงต่ำลง เมื่อทราบผลกระทบที่ชัดเจนขึ้น ก็จะสะท้อนไปยังประมาณการและราคาพื้นฐานในอนาคต
- ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์ปรับลง นโยบายการค้าไม่แน่นอน
  # ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,117.59 จุด ร่วงลง 165.52 จุด หรือ -0.68% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,699.63 จุด ลดลง 23.43 จุด หรือ -0.86% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,445.08 จุด ลดลง 116.54 จุด หรือ -1.54%
  # ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าที่สหรัฐจะนำมาบังคับใช้กับจีน หลังจากเจ้าหน้าที่สหรัฐได้ออกมาส่งสัญญาณที่สร้างความสับสนให้กับตลาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงิน
• ทองคำปรับลง เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่า
  # สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 3.8 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,256.1 ดอลลาร์/ออนซ์
  # สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ประกาศภายในสัปดาห์นี้
  # นักลงทุนจับตากระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของ GDP ไตรมาส 1 ในวันนี้ส่วนการประมาณการครั้งที่ 2 นั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า GDP ไตรมาส 1 ขยายตัวที่ระดับ 2.2% ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.3%
  # สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นหลักทรัพย์
+ สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม พ.ค.61 โต 3.2% ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13
  # สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ระบุว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือน พ.ค.61 ขยายตัวขึ้น 3.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการขยายตัวเป็นบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13 จากการส่งออกที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจโลก ส่งผลทำให้ 5 เดือนแรกของปี 61 (ม.ค.-พ.ค.) MPI ขยายตัว 3.8% จาก 0.4% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวกประจำเดือนพฤษภาคม 2561 ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ น้ำตาลทราย เภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ยา Hard Disk Drive และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
  # สศอ.ได้ปรับประมาณการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP) ภาคอุตสาหกรรมปี 2561 เป็น 3-4% จากเดิม 2-3% เนื่องจากปัจจัยที่ใช้พยากรณ์ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาดีกว่าคาด
+ รายได้รวมของอุตสาหกรรมชิปทั่วโลกเติบโตดี
  # ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยตัวเลขประมาณการว่า รายได้โดยรวมของอุตสาหกรรมชิปทั่วโลกปรับตัวขึ้น 22% แตะที่ระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรกปี 2561
  # ส่วนรายได้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ช่วงไตรมาสแรก อยู่ที่ 1.157 แสนล้านดอลลาร์ พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ระดับ 9.52 หมื่นล้านดอลลาร์
  # คงคำแนะนำ ซื้อ สำหรับ HANA ด้วยราคาพื้นฐาน 38.00 บาท
-/• BTS: กสทช.ให้ BTSC ย้ายคลื่นความถี่ให้มีช่วงห่างจาก TOT-DTAC
  # กสทช. เปิดเผยภายหลังการหารือกับ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสบมจ.ทีโอที (TOT) และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ว่า จากการหารือแนวทางแก้ไขปัญหาระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้อง ให้บีทีเอสย้ายการใช้งานคลื่นความถี่สื่อสารระบบอาณัติสัญญาณที่ 2480-2495 เมกะเฮิร์ซ (MHz) ซึ่งอยู่ช่วงปลายๆของคลื่นความถี่ย่าน 2400 MHz จากที่บีทีเอสใช้งานอยู่ 2400-2495 MHz ให้ห่างออกไปจากคลื่น 2310-2370 MHz ที่ TOT ให้ DTAC ใช้มีอยู่ 3 slot จะได้ไม่ถูกรบกวนคลื่น ที่บีทีเอสใช้คลื่นไปใช้เป็นระบบวิทยุสื่อสารของระบบอาณัติสัญญาณ
  # ผลกระทบ: ระยะนี้ BTGIF และ BTS เสียภาพพจน์ไปในเรื่องคุณภาพการให้บริการ แต่คาดว่าจะเป็นเพียงปัญหาระยะสั้น และมีผลกระทบทางลบต่อรายได้และกำไรอย่างจำกัด
+ WHA เข้าซื้อหุ้น 15% ในธุรกิจ Data Center มูลค่า 211.50 ลบ.
  # WHA เปิดเผยว่า บริษัท ดับบลิวเอชเออินโฟนิท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นบริษัท ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) จำกัด (ซุปเปอร์แนป)จาก บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด ในวันที่ 27 มิ.ย.61 มูลค่า 211,500,000 บาท คิดเป็นจำนวนหุ้น 30,000,000 หุ้น คิดเป็น 15% ของหุ้นทั้งหมดของซุปเปอร์แนป ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 2,000,000,000 บาท คิดเป็นจำนวนหุ้น 200,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ทุนชำระแล้ว 1,410,000,000 บาท
  # ทั้งนี้ ซุปเปอร์แนป ประกอบธุรกิจกิจการศูนย์ข้อมูล (Data Center) และให้บริการรับฝากวางเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server Co-location) และบริการให้คำปรึกษาและฝึกอบรมในการสร้างศูนย์ข้อมูลและดำเนินการศูนย์ข้อมูล ตลอดจนบริการที่เกี่ยวข้อง
  # ผลกระทบ: คาดว่าบริษัทจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตภายนอก (Inorganic growth) และได้ Know How เร็วขึ้นกว่าเริ่มเอง ทั้งนี้บริษัทมีลูกค้าที่เป็นอุตสาหกรรมในนิคมฯและลูกค้าที่เช่าคลังสินค้าเป็นจำนวนมากและมีอุปสงค์อยู่แล้ว การมีธุรกิจ Data Center เพิ่ม จะช่วยกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น แตการซื้อหุ้นเพียง 15% ทางบัญชีจะรับรู้รายได้แค่เงินปันผล เรายังแนะนำให้สะสม WHA ซึ่งได้รับประโยชน์จาก Theme EEC กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 5.02 บาท
+/• จับตาหุ้น เข้า-ออก SET50 และ SET 100 ใกล้วันเริ่มมีผล 1 ก.ค.61
  # สำหรับ SET 50 สำหรับหุ้นเข้ามาใหม่ (Inclustion) 6 หลักทรัพย์ คือ BGRIM, DELTA, GLOW, KTC, RATCH, TOA
  # สำหรับ SET 50 สำหรับหุ้นถูกถอดออก (Exclusion) 6 หลักทรัพย์ คือ BCP, KCE, PSH, SAWAD, TPIPP, WHA
  # สำหรับ SET 100 สำหรับหุ้นเข้ามาใหม่ (Inclustion) 11 หลักทรัพย์ คือ BGRIM, BLA, DELTA, ERW, GLOW, PRM, RATCH, RS, THANI, TOA, TTW
  # สำหรับ SET 100 สำหรับหุ้นถูกถอดออก (Exclusion) 11 หลักทรัพย์ คือ ANAN, BA, BEC, BIG, JMART, JWD, MC, MONO, THCOM, TTA, UNIQ
+/- บาทอ่อนส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออก แต่เป็นลบกับผู้นำเข้าสินค้าและวัตถุดิบ
  # หลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออก ที่ได้รับผล sentiment ด้านบวก เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ KCE, HANA, DELTA, SVI กลุ่มเกษตร-อาหาร ได้แก่ CPF, TU, GFPT, TIPCO, MALEE และหลักทรัพย์ท่องเที่ยวได้ประโยชน์ คือแลกเหรียญเป็นบาทได้มากขึ้นเป็น sentiment บวกกับ ERW, CENTEL และ MINT ด้านหลักทรัพย์เสียประโยชน์คือนำเข้าวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ได้แก่ TVO, TSTH, IRPC, BCP, SAT, STANLY, AH, COM7, SYNEX และ SIS รวมทั้งหลักทรัพย์ที่มีหนี้เงินกู้ต่างประเทศจะมีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ได้แก่ AAV, THAI และ RCL เป็นต้น
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO10574

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!