- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 June 2018 16:07
- Hits: 1767
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานเป็นอีกวันที่ตลาดหุ้นผันผวน โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย มีแรงซื้อในกลุ่มพลังงานอย่าง PTTEP, BANPU และหุ้นใหญ่อย่าง ADVANC, BBL อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายเกิดแรงขายกดตลาดนำโดย PTTGC และกลุ่มค้าปลีกอย่าง BEAUTY, BJC, HMRPO และกลุ่มรถไฟฟ้าอย่าง BTS, BEM ณ.สิ้นวัน SET กลับมาปิดที่ 1,618 จุด (-5.3 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.2 หมื่นล้านบาท (มี Biglot BH มูลค่า 3.2พันล้านบาท ) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวานก่อนหน้าที่ 4.8 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายหุ้นไทยอีกครั้งที่ 1,683 ล้านบาท และเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 2,316 สัญญา
Investment theme
Fund flow ยังไหลออกจาก EM กดดันค่าเงินอย่างมาก: เม็ดเงินไหลออกจากหลายประเทศในเอเชีย (Asia Pacific Ex.Japan ) รวม QTD สูงกว่า 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เป็นปัจจัยกดดันให้เงินอ่อนค่าเฉลี่ยมากกว่า 3.9% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ (ขายตลาดหุ้นไทยมากกว่า 3.7พันล้านเหรียญ และบาทอ่อนค่ากว่า 5.5%) ส่งผลให้หลายธนาคารกลางในแต่ละประเทศเช่น อินเดีย,อินโดนีเซีย,มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนหนึ่งเพื่อการชะลอการไหลออกของเม็ดเงินดังกล่าว สำหรับประเทศไทย ถึงแม้ว่าอยู่ในจุดที่ดีเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆใน EM นำโดยสัดส่วนดุลบัญชีเดินสะพัด/GDP ยังอยู่ในระดับสูง 9% , หนี้สินต่างประเทศอยู่ในระดับไม่สูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย โดยนักลงทุนต่างชาติถือครองพันธบัตรสัดส่วนเพียง 10% เมื่อเทียบกับ EM ที่สูงกว่า 30% , เงินทุนสำรองต่างประเทศในระดับสูงกว่า 3.5 เท่าของหนี้ระยะสั้น แต่ยังมีความเสี่ยงในแง่โอกาสการถูกปรับประมาณการ GDP ลงจากผลประทบของ Trade war โดย 3 ไตรมาสที่ผ่านมา เราพึ่งพิงการส่งออกสูงมาก โดยเฉพาะจากคู่ค้าหลักอย่างจีนและสหรัฐที่มีสัดส่วนสูงประมาณ 20% ประกอบกับเราประเมินว่าการขายหุ้นเพื่อดึงเงินกลับจาก EM ครั้งนี้ถูกทำเป็น Basket มากกว่าการเลือกประเทศ
Investment Theme: สำหรับนักลงทุนระยะยาว คงคำแนะนำชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจน Trade war ซึ่งจะมีผลจริงในวันที่ 6 ก.ค. แนะจับตาข้อสรุปการกีดกันการลงทุนจากประเทศจีน โดย CFIUS ซึ่งจะส่งผลอย่างมีนัยยะต่อชนวนสงครามการค้า
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ค่าการกลั่นปรับลดเหลือ 3.85 เหรียญ (-41%YTD ) /ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้นที่ 77.3 เหรียญ ภายหลังสหรัฐรายงานตัวเลขคลังน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดที่ 9.9 ล้านบาร์เรล / Dollar แข็งค่าขึ้นอีกครั้งที่ 95.2
Stock pick : N/A
Trading idea – สำหรับนักลงทุนระยะสั้น เรามองกรอบการเก็งกำไรบริเวณ 1,620-1,645 จุด พร้อมตัดขาดทุนหากต่ำกว่า 1,600 จุด แนะเก็งกำไร GOLD (คาดกำไรทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องในปี 2 ปีข้างหน้า) / เก็งกำไร PTTEP / เก็งกำไร BJC แนวต้าน 53.50 บาท/หุ้น
Technical View
ไม่มีแรง Rebound ต่อเนื่อง ยังคงมีความเสี่ยงลงต่อ : ดัชนีเปิด Gap โดดในช่วงเช้าจากแรงซื้อในกลุ่มพลังงาน แต่ไม่สามารถต้านแรงขายจากกลุ่มอื่นๆ ทำให้ดัชนีไม่มีแรง Rebound ที่ต่อเนื่อง และยังคงมีความเสี่ยงหลุดแนวรับเส้น Uptrend ของกราฟรายสัปดาห์ที่ 1615 และหากหลุดดัชนีจะมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อที่แนวรับ 1600 และ 1560 ตามลำดับ ยังคงมองว่าจังหวะ Rebound ระหว่างวันมองเป็นโอกาสทยอยลดพอร์ต
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : Trading เล่น Rebound ในกรอบ 1615-1650 หากหลุด 1615 แนะนำ Stop Loss 2) ไม่มีหุ้น : รอดูแนวโน้มที่แนวรับจนกว่าจะเริ่มมีแนวโน้มหยุดลงที่ชัดเจนมากกว่านี้
แนวรับ : 1615, 1600 แนวต้าน : 1630, 1645
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: จับตาปัญหา Trade war / สหรัฐรายงาน Core-PCE และ GDP ไตรมาสหนึ่ง 28 มิ.ย.
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
BANPU (B 19.20-19.40, Tp 20.00// 20.50, Cut 19.00)
CPF (B 24.30, Tp 26.00, Cut 24.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO10562