- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 27 June 2018 16:49
- Hits: 4113
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections >> PTTEP, QH, SCC
Stock S R Comment
PTTEP 131.00 135.00 ราคาน้ำมันดีดกลับหลังสหรัฐฯ สั่งหยุดการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่าน
QH 3.16 3.28 Gross Profit Margin สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปันผลก็แกร่ง
SCC 404.00 418.00 P/BV ต่ำสุดในรอบ 6 ปี
A little help from oil price
Fund flow : มีสัญญาณดีขึ้น ภายหลังจากที่เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 17 วัน และซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 วัน โดยซื้อสุทธิตราสารหนี้ระยะสั้นไปถึง 4,400 ล้านบาท
Oil : ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ได้รับแรงสนับสนุนจากการที่สหรัฐฯแจ้งให้ประเทศพันธมิตรต่างๆตัดการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านทั้งหมดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ล่าสุดราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นมายืนเหนือ 70 เหรียญฯ/บาร์เรลได้เป็นครั้งแรกในรอบ 1 เดือน มองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มพลังงานและ SET Index ในวันนี้
Spread : ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันนับตั้งแต่การประชุม OPEC เสร็จสิ้นเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ยังคงเป็นการปรับตัว Outperform ของตัว WTI อย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับตัว Brent ทำให้ Gap ระหว่าง Brent - WTI ปรับตัวแคบลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน ยังคงมุมมองเดิมตั้งแต่ต้นสัปดาห์ว่า Gap นี้มีโอกาสแคบลงได้อีก จากความตั้งใจของซาอุฯที่ต้องการจะเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงถัดไป ซึ่งจะส่งผลกดดันต่อ Brent โดยตรง ส่วน WTI มีโอกาส Outperform ต่อ จากรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และ Demand ที่สูงขึ้นหลังเตรียมเข้าสู่ Driving season มองการปรับตัวดังกล่าวเป็นการสะท้อนว่า Crude premium ของกลุ่มโรงกลั่นอาจเริ่มปรับตัวลงในช่วงถัดไป เป็นผลบวกต่อกลุ่มนี้ ซึ่งเรายังคงแนะนำ "ซื้อ" ทั้งหมด ได้แก่ TOP, BCP, SPRC, IRPC มองราคาที่ปรับตัวลงมาสะท้อนผลประกอบการไตรมาส 2/61 ที่อ่อนแอไปแล้ว พร้อมทั้งให้ Dividend yield ในระดับ 4% ขึ้นไป และราคาหุ้นบางตัวปรับตัวต่ำกว่าหรือใกล้เคียง Replacement value/Book value แล้วด้วย บ่งชี้ถึง Downside risk ที่จำกัด
ETRON : กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้นตามลำดับ จากปัจจัยต่อไปนี้
1) การอ่อนค่าอย่างมีนัยสำคัญของเงินบาทในช่วงไตรมาส 2 มีโอกาสทำให้ยอดขายของกลุ่มปรับตัวสูงขึ้น
2) ราคาทองแดงซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า Margin ของกลุ่มมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น
3) Performance ของกลุ่มยังคง Laggard SET Index ในปีนี้
4) สงครามการค้าที่เกี่ยวกับสินค้าไฮเทคระหว่างจีนกับสหรัฐ และสินค้ารถยนต์ระหว่างยุโรปกับสหรัฐ ล้วนน่าจะส่งผลดีในแง่ของการที่ออร์เดอร์สินค้าใหม่ๆที่ผลิตจากโรงงาน (OEM) มีโอกาสส่งต่อมายังประเทศไทย
โดยในกลุ่มนี้มีหุ้นที่อยู่ใน Coverage ของเราอยู่ 2 บริษัทได้แก่ KCE และ HANA ซึ่งมีราคาเป้าหมายของเราอยู่ที่ 44 บาททั้ง 2 บริษัท
กลยุทธ์การลงทุน : แนะนำถือหุ้น Blue chip ขนาดใหญ่ภายหลังจากที่เข้าสะสมไปที่ระดับดัชนี 1640 จุด มองกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจสำหรับการเข้าลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ยังคงถือเงินสดในระดับมากกว่าปกติ ได้แก่ กลุ่มหุ้น Blue chip ที่ปรับตัวลงมาแรงและมีระดับ Dividend yield ที่ 4% ขึ้นไป ได้แก่ BCP, TOP, SCC, PTTGC, BANPU, PTT, IRPC, SPRC, TCAP ประเมินว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติในช่วงถัดไปจะเริ่มลดลง เนื่องจากระดับ Earning yield gap และ Dividend yield gap ของตลาดหุ้นไทยนั้นปรับตัวสูงขึ้นจนมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจแล้ว
แนวรับ 1,612 แนวต้าน 1,641
Today's Event :
GREEN ลูกหุ้นเข้า 103,003,894 หุ้น
PDI-W1 เข้าซื้อขายเป็นวันแรก (75.3mn sh 1:1 @ Bt33.00)
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
OO10512