- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 25 June 2018 18:23
- Hits: 5276
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections >> CPALL, CPN, PTTEP
Stock S R Comment
CPALL 76.00 78.25 เซเว่น อีเลฟเว่น แจกรางวัล "ลุ้นบินหรูดูบอลโลก"
CPN 68.50 71.00 เซ็นทรัลบุกเมืองท่องเที่ยวยึด'เวียดนาม'บ้านหลังที่2
PTTEP 126.50 131.00 ปตท.สผ.ปรับแผนลุยนอกรอผลชิง'บงกช-เอราวัณ'
Should be a good day - Focus on refinery
Oil : คาด SET Index ปรับตัวรีบาวด์ได้บ้างภายหลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ โดยมีสาเหตุสำคัญได้แก่การเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ที่ออกมาน้อยกว่าคาด เพียงแค่ราว 6 แสนบาร์เรลต่อวันเท่านั้น ซึ่งถือเป็นการทำให้กำลังการผลิตกลับมาเท่ากับข้อตกลงเดิมของกลุ่มที่เคยทำเอาไว้ตั้งแต่ปลายปี 2016 นั่นก็คือการลดกำลังการผลิตให้อยู่ในระดับไม่เกิน 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เนื่องจากเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ทางกลุ่มได้มีการลดกำลังการผลิตไปถึง 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน) มองเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มพลังงานและ SET Index ในวันนี้
Crude premium : ที่สำคัญมากกว่านั้น จากการตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตดังกล่าวของกลุ่ม OPEC ทำให้เราเริ่มเห็นส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันดิบ Brent กับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวแคบลงมากขึ้น จนล่าสุดอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน โดย Brent เริ่มปรับตัว Underperform มากขึ้นจากข่าวการเพิ่มกำลังการผลิตนี้ และความตั้งใจของซาอุดิอาระเบียที่ต้องการจะควบคุมราคาน้ำมันไม่ให้อยู่สูงจนเกินไป ส่วน WTI เริ่มปรับตัว Outperform ภายหลังจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และ Demand ที่สูงขึ้นหลังเตรียมเข้าสู่ Driving season ของสหรัฐฯ มองการปรับตัวดังกล่าวเป็นการสะท้อนว่า Crude premium จะเริ่มปรับตัวลงในช่วงถัดไป เป็นผลบวกต่อกลุ่มโรงกลั่น ซึ่งเรายังคงแนะนำ "ซื้อ" ทั้งหมด ได้แก่ TOP, BCP, SPRC, IRPC มองราคาที่ปรับตัวลงมาสะท้อนผลประกอบการไตรมาส 2/61 ที่อ่อนแอไปแล้ว พร้อมทั้งให้ Dividend yield ในระดับ 4% ขึ้นไป และราคาหุ้นบางตัวปรับตัวต่ำกว่าหรือใกล้เคียง Replacement value แล้วด้วย บ่งชี้ถึง Downside risk ที่จำกัด (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทวิเคราะห์กลุ่มพลังงานฉบับวันที่ 19 มิถุนายน)
THB : เงินบาทยังคงปรับตัวอ่อนค่าแต่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยเริ่มปรับตัว In line กับ ประเทศอื่นๆใน Emerging market ประเมินว่าถึงแม้นักลงทุนต่างชาติอาจยังขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย แต่น่าจะเริ่มอยู่ในระดับที่ลดลงแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราพิจารณาในเรื่องของ Valuation ในมิติต่างๆประกอบด้วย เช่น Earning yield gap ที่เริ่มได้อานิสงส์มากขึ้นจากการปรับตัวลงมาของ Bond yield สหรัฐฯล่าสุด
กลยุทธ์การลงทุน : แนะนำถือหุ้น Blue chip ขนาดใหญ่ภายหลังจากที่เข้าสะสมไปที่ระดับดัชนี 1640 จุด มองกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจสำหรับการเข้าลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ยังคงถือเงินสดในระดับมากกว่าปกติ ได้แก่ กลุ่มหุ้น Blue chip ที่ปรับตัวลงมาแรงและมีระดับ Dividend yield ที่ 4% ขึ้นไป ได้แก่ BCP, TOP, SCC, PTTGC, BANPU, PTT, IRPC, SPRC, TCAP ประเมินว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติในช่วงถัดไปจะเริ่มลดลง เนื่องจากระดับ Earning yield gap และ Dividend yield gap ของตลาดหุ้นไทยนั้นปรับตัวสูงขึ้นจนมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจแล้ว
แนวรับ 1,625 แนวต้าน 1,658
Today's Event :
SIMAT XW 12:1
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
OO10443