- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 22 June 2018 18:20
- Hits: 4213
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
เน้นสะสมหุ้นขนาดใหญ่ที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แต่ Valuation ลงมาต่ำเกินไป
Smart Pick
เก็งกำไร PTTEP
ราคาปิด 126.00 บาท
ราคาเหมาะสม 130.00 บาท
คาดว่ากลุ่มพลังงานมีโอกาสฟื้นตัวในสัปดาห์หน้า หลังทราบผลการประชุม OPEC ในสุดสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าหากเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันไม่เกิน 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ NYMEX และ BRENT ตอบรับเชิงบวก
แนวโน้มกำไรปกติ 2Q61 คาดเพิ่มขึ้น +10% QoQ เป็น 1.0-1.1 หมื่นล้านบาท จากการรับรู้ส่วนแบ่งจากแหล่งบงกชมากขึ้น และราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
สะสม CPN
ราคาปิด 70.50 บาท
ราคาเหมาะสม 86.50 บาท
คาดกำไรปกติ 2Q61 เติบโต YoY จากแรงหนุนของการรับรู้รายได้โครงการคอนโดมิเนียม และโต YoY ต่อเนื่องใน 3Q61 จากการกลับมาให้บริการเต็มรูปแบบอีกครั้งของห้าง CTW
ซื้อขายที่ระดับ -1SD จึงเชื่อว่ามี Downside Risk จำกัด และเข้า Theme การลงทุน แบบ Bottom Fishing ขณะที่กำไรปกติปี 2561 คาดเติบโต +24% YoY เป็น 12,284 ล้านบาท และ NVDR ซื้อสุทธิสูงสุดเป็นอันดับ 1 อีกครั้งวานนี้ เป็น Sentiment บวก
สะสม KKP
ราคาปิด 67.25 บาท
ราคาเหมาะสม 80.00 บาท
คาดเงินปันผล 1H61 หุ้นละ 2.00 บาท คิดเป็น Dividend Yield 3.0% เชื่อว่าจะส่งผลให้ราคาหุ้นมี Downside Risk จำกัด
กลุ่มธนาคารมีปัจจัยบวกรออยู่ คือ การประชุมระหว่าง กกบ. และธปท. ในวันที่ 16-17 ก.ค. และมีโอกาสที่จะเลื่อนใช้ IFRS9 ออกไป นอนจากนั้น ยังมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว คือการจัดตั้งกองทุน TFF ใน เดือน ก.ย. ส่งผลให้มีโอกาสบันทึกรายได้ค่าธรรมเนียมก้อนใหญ่และเป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ
เก็งกำไร CPALL
ราคาปิด 76.75 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 77.00 บาท
ทางเทคนิคราคาหุ้นมีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบ 78.50 บาท แนวรับ 76.00 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 75.50 บาท
กลุ่มค้าปลีกได้อานิสงค์จากการขยายตัวของ GDP ปี 2561 หลังธปท.ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตเป็น +4.4% จากเดิมที่ +4.1% ขณะที่ SSSG ใน 2Q61 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง YoY จากแรงหนุนของเทศกาลฟุตบอลโลก
Pair Trade : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึง ไทย ยังคงมีความเปราะบางและผันผวนทางลงเป็นส่วนใหญ่ พร้อมกับการขายสุทธิของต่างชาติในตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Markets) เป็นวันที่ 10 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดี การที่ Dollar Index อ่อนค่าระยะสั้นราว 0.3% น่าจะช่วยลดแรงกดดันต่อกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดสินทรัพย์เสี่ยงได้ ส่งผลให้ SET INDEX แกว่งตัวออกข้าง มองกรอบวันนี้ 1625-1640 จุด
ปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจไทย ยังมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง และน่าจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของ SET INDEX ในระยะยาว สะท้อนจากยอดส่งออกของไทย เดือน พ.ค. ขยายตัวเด่น 11.4% YoY สูงกว่าตลาดคาด 9.4% YoY ส่งผลให้ส่งออกใน 5M61 เติบโตถึง 11.6% YoY
ประเด็นต่างประเทศที่สำคัญวันนี้ ติดตามการประชุม OPEC ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เรามองว่า หากมีมติเพิ่มกำลังการผลิตไม่เกิน 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ราคาน้ำมันดิบน่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ เพราะซึมซับความกังวลดังกล่าวพอสมควรแล้วในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
กลยุทธ์หลักช่วงนี้ คือ Bottom Fishing เฟ้นหาหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามากจน Valuation น่าสนใจ ในภาวะที่ SET INDEX ปรับตัวลงมาใกล้ระดับค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปี ขณะที่หุ้นหลายบริษัท ลงมาซื้อขายใกล้เคียงหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว แต่ปัจจัยพื้นฐาน แนวโน้มกำไรยังเห็นการเติบโต (ติดตามบทวิเคราะห์ Special Report "กลยุทธ์ Bottom Fishing" เช้านี้)
HOT Topic
1. ติดตามการประชุม OPEC หากเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันไม่เกิน 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน คาดว่าจะเป็นบวกให้กลุ่มพลังงานฟื้นตัวในสัปดาห์หน้า
2. บทวิเคราะห์กลยุทธ์ เลือกซื้อหุ้นแบบ Bottom Fishing ภายใต้ภาวะตลาดผันผวน
3. มุมมองเศรษฐกิจไทย หลังตัวเลขส่งออก เดือน พ.ค. ออกมาดีกว่าคาด
4. สัปดาห์หน้าติดตาม GDP 1Q61 รอบสุดท้ายของสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ปรับตัวลงแรงถึง 29.82 จุด ปิดที่ 1634.44 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 6.2 หมื่นล้านบาท
กระแสเงินทุน : นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นเป็นวันที่ 14 ติดต่อกันอีกราว 3.8 พันล้านบาท รวม 14 วันทำการขายสุทธิทั้งสิ้นกว่า 4.4 หมื่นล้านบาท เพื่อลดความเสี่ยงของการอ่อนค่าเงินบาท ในขณะที่มีสถานะ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 ติดต่อกันอีกราว 1.9 พันสัญญา แม้ S50M18 จะขยับขึ้นมามี Premium จาก SET50 INDEX ราว 1.3 จุด ก็ตาม ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิราว 2.2 หมื่นสัญญา ด้านสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันอีกราว 1.2 พันล้านบาท รวม 2 วันซื้อสุทธิทั้งสิ้นกว่า 3.6 พันล้านบาท และสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่มีสถานะ Long สุทธิในตลาด SET50 Index Futures หนาแน่นราว 1.1 หมื่นสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Long สุทธิราว 1.5 หมื่นสัญญา
ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 7 วันติดต่อกันอีกราว 1.7 พันล้านบาท รวม 7 วันทำการขายสุทธิกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท กดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะระดับ 32.88 บาท/เหรียญฯ
ปัจจัยสำคัญวันนี้
อินเดียประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเกษตร และผลิตภัณฑ์เหล็กจากสหรัฐฯ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 ส.ค.2561
ซาอุดิอาระเบียเสนอให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบขึ้น 1 ล้านบาร์เรล/วัน ต่ำกว่าข้อเสนอของรัสเซียที่เสนอให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน
ธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.5% ด้วยคะแนนเสียง 6 ต่อ 3 พร้อมปรับประมาณการ GDP ของอังกฤษ ปี 2561 ลงเป็น 1.4% จากเดิมที่ระดับ 1.8%
ศาลฎีกาสหรัฐฯ ตัดสินให้สหรัฐฯสั่งให้บริษัทค้าปลีกออนไลน์เรียกเก็บภาษีการขายสินค้าและบริการต่อผู้บริโภคได้
กระทรวงพาณิชย์รายงานส่งออกเดือนพ.ค. ขยายตัว 11.4% YoY มากกว่าที่ตลาดคาดที่ 9.9% และการนำเข้าขยายตัว 11.7% YoY ส่งผลให้เดือนพ.ค.เกินดุลการค้าราว 1.2 พันล้านเหรียญฯ
ญี่ปุ่นรายงานเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ขยายตัว 0.7% ดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 0.6% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 0.7% เท่ากับที่ตลาดคาด
ติดตามการประชุม OPEC วันที่ 22 - 23 มิ.ย.
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามการรายงาน GDP 1Q61 ครั้งที่ 3 ของสหรัฐฯ ตลาดคาดขยายตัว 2.2% วันที่ 28 มิ.ย.
ติดตามการรายงาน GDP อังกฤษ การรายงานเงินเฟ้อ PCE เดือนพ.ค.ของสหรัฐฯ และการรายงานภาวะเศรษฐกิจของธปท. วันที่ 29 มิ.ย.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist , 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist , 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist , 662-009-8059
OO10372