- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 June 2018 17:21
- Hits: 959
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมาตลาดหุ้นเกิดแรงขายทำกำไรพร้อมวอลุ่มอย่างมีนัยยะ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP, BANPU กลุ่ม ICT อย่าง TRUE, ADVANC กลุ่มค้าปลีกนำโดย CPALL, BJC, BEAUTY กลุ่มวัสดุก่อสร้าง อย่าง SCC, STEC, CK และกลุ่มธนาคารอย่าง KBANK, SCB และ BBL ณ.สิ้นวัน SET ปิดตลาดที่ 1,639 จุด (-40.1จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 8.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวานก่อนหน้าที่ 5.1 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 2,644 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ1,623 ล้านบาท) แต่กลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 14,899 สัญญา
เมื่อวานที่ผ่านมาตลาดหุ้นเกิดแรงขายทำกำไรพร้อมวอลุ่มอย่างมีนัยยะ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP, BANPU กลุ่ม ICT อย่าง TRUE, ADVANC กลุ่มค้าปลีกนำโดย CPALL, BJC, BEAUTY กลุ่มวัสดุก่อสร้าง อย่าง SCC, STEC, CK และกลุ่มธนาคารอย่าง KBANK, SCB และ BBL ณ.สิ้นวัน SET ปิดตลาดที่ 1,639 จุด (-40.1จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 8.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวานก่อนหน้าที่ 5.1 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 2,644 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ1,623 ล้านบาท) แต่กลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 14,899 สัญญา
Investment theme
ตลาดยังมีความเสี่ยง แต่มองว่าเริ่มกลับมาทยอยซื้อสะสมได้บางส่วน : ตลาดหุ้นเข้าสู่สภาวะ Risk off กล่าวคือ ภายหลัง Dotplot โอกาสแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐถูกปรับขึ้นเป็นอีก 2 ครั้งของปี (Median 2.3%) อีกทั้งสงครามการค้าจากทั้งฝั่งสหรัฐ,จีน ยุโรปเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ภายหลังทั้ง 3 ฝั่งไม่มีท่าทีจะยอมถอย ส่งผลให้ตลาดทั่วโลกผันผวนอย่างมาก เป็นเหตุให้ตลาดหุ้นและค่าเงินภูมิภาค EM ปรับลดอย่างมาก (MSCI asia pacific Ex.jap, MSCI Emerging market ปรับลดลงเฉลี่ยกว่า 4.9% ใน 5 วันทำการที่ผ่านมา) ได้สะท้อนความกังวลดังกล่าวไปบางส่วน โดยประเทศไทยพบว่า SET ปรับตัวลงมากกว่า 100 จุด เงินบาทอ่อนค่ามากกว่า 2.5% จากต้นเดือนที่ผ่านมา จนทำให้ล่าสุด Earning yield gap (ส่วนต่างผลตอบแทนการลงทุนระหว่างตลาดหุ้นและพันธบัตร ) ของประเทศไทยปรับขึ้นที่ 4.06% (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 3.79%) ใกล้เคียงกับสูงสุดในรอบ 10 เดือน
Investment Theme: ภายหลังหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,680 จุด เราประเมินแนวรับถัดไปบริเวณ 1,620 จุด ปัจจุบันตลาดหุ้นเริ่มเข้าสู่สภาวะ Risk Off จากประเด็นสงครามการค้าที่เริ่มรุนแรงขึ้น ซึ่งยังไม่สามารถประเมินผลกระทบอย่างชัดเจน เนื่องจากมาตรการดังกล่าวที่มีผลจริงในวันที่ 6 ก.ค.นี้ ดังนั้นคงคำแนะนำ Wait&See เพื่อรอความชัดเจน ในขณะที่หุ้นยังอยู่ในพอร์ตอย่างกลุ่ม Domestic ได้แก่กลุ่มรถไฟฟ้า BTS, BEM กลุ่มอสังหา GOLD, LH เรามองว่ายังถือต่อได้
ตลาดยังมีความเสี่ยง แต่มองว่าเริ่มกลับมาทยอยซื้อสะสมได้บางส่วน : ตลาดหุ้นเข้าสู่สภาวะ Risk off กล่าวคือ ภายหลัง Dotplot โอกาสแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐถูกปรับขึ้นเป็นอีก 2 ครั้งของปี (Median 2.3%) อีกทั้งสงครามการค้าจากทั้งฝั่งสหรัฐ,จีน ยุโรปเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ภายหลังทั้ง 3 ฝั่งไม่มีท่าทีจะยอมถอย ส่งผลให้ตลาดทั่วโลกผันผวนอย่างมาก เป็นเหตุให้ตลาดหุ้นและค่าเงินภูมิภาค EM ปรับลดอย่างมาก (MSCI asia pacific Ex.jap, MSCI Emerging market ปรับลดลงเฉลี่ยกว่า 4.9% ใน 5 วันทำการที่ผ่านมา) ได้สะท้อนความกังวลดังกล่าวไปบางส่วน โดยประเทศไทยพบว่า SET ปรับตัวลงมากกว่า 100 จุด เงินบาทอ่อนค่ามากกว่า 2.5% จากต้นเดือนที่ผ่านมา จนทำให้ล่าสุด Earning yield gap (ส่วนต่างผลตอบแทนการลงทุนระหว่างตลาดหุ้นและพันธบัตร ) ของประเทศไทยปรับขึ้นที่ 4.06% (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 3.79%) ใกล้เคียงกับสูงสุดในรอบ 10 เดือน
Investment Theme: ภายหลังหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,680 จุด เราประเมินแนวรับถัดไปบริเวณ 1,620 จุด ปัจจุบันตลาดหุ้นเริ่มเข้าสู่สภาวะ Risk Off จากประเด็นสงครามการค้าที่เริ่มรุนแรงขึ้น ซึ่งยังไม่สามารถประเมินผลกระทบอย่างชัดเจน เนื่องจากมาตรการดังกล่าวที่มีผลจริงในวันที่ 6 ก.ค.นี้ ดังนั้นคงคำแนะนำ Wait&See เพื่อรอความชัดเจน ในขณะที่หุ้นยังอยู่ในพอร์ตอย่างกลุ่ม Domestic ได้แก่กลุ่มรถไฟฟ้า BTS, BEM กลุ่มอสังหา GOLD, LH เรามองว่ายังถือต่อได้
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – หุ้น DOD เข้าซื้อขายในตลาดวันนี้วันแรก / Brent ทรงตัวบริเวณ 75.2 เหรียญ/บาร์เรล บอร์ด GPSC อนุมัติซื้อหุ้น GLOWจำนวน 69.11% จาก Engie ที่ราคา 96.5 บาท/หุ้น มูลค่ารวม 9.76 หมื่นล้านบาท
เมื่อคืนที่ผ่านมา – หุ้น DOD เข้าซื้อขายในตลาดวันนี้วันแรก / Brent ทรงตัวบริเวณ 75.2 เหรียญ/บาร์เรล บอร์ด GPSC อนุมัติซื้อหุ้น GLOWจำนวน 69.11% จาก Engie ที่ราคา 96.5 บาท/หุ้น มูลค่ารวม 9.76 หมื่นล้านบาท
Stock pick : N/A
Trading idea – ทยอยสะสมกลุ่มธนาคาร BBL / เก็งกำไร CPF คาดผลประกอบการพลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไรใน 2Q61 เนื่องจากเข้าสู่ไฮซีซั่นของการส่งออก และราคาหมูเฉลี่ยในไทยฟื้นตัวราว 29% QoQ มาที่ 60 บาท/กก. ราคาหมูในเวียดนามฟื้นตัว 30% QoQ และกว่า 70% YoY มาที่ 40,000 VND/กก. / ทยอยสะสมกลุ่มรถไฟฟ้า BTS, BEM / ทยอยสะสม IVL บริเวณแนวรับ 53.0 บาท+/-
Trading idea – ทยอยสะสมกลุ่มธนาคาร BBL / เก็งกำไร CPF คาดผลประกอบการพลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไรใน 2Q61 เนื่องจากเข้าสู่ไฮซีซั่นของการส่งออก และราคาหมูเฉลี่ยในไทยฟื้นตัวราว 29% QoQ มาที่ 60 บาท/กก. ราคาหมูในเวียดนามฟื้นตัว 30% QoQ และกว่า 70% YoY มาที่ 40,000 VND/กก. / ทยอยสะสมกลุ่มรถไฟฟ้า BTS, BEM / ทยอยสะสม IVL บริเวณแนวรับ 53.0 บาท+/-
Technical View
หลุด 1650 แนวรับถัดไปที่มีนัยคือ 1600 : ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่องจากแรงขายหลักของหุ้นกลุ่ม Big Cap. แทบทุกกลุ่ม โดยตลอดทั้งวันแทบไม่มีแรง Rebound จึงทำให้เกิดเป็นแท่งเทียนแดงยาวหลุดแนวรับโซน 1650 มองว่าดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1630 และ 1600 (แนวรับหลัก) เน้นรอหยุดลงและซื้อที่แนวรับเป็นหลัก แต่หากเกิดจังหวะ Rebound ระหว่างวันยังมองเป็นโอกาสขายเพื่อลด
พอร์ตตามแนวต้าน
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ต้องลดพอร์ตและถือเงินสดให้มากขึ้น หากยังมีหุ้นจังหวะ Rebound มองเป็นโอกาสขายลดพอร์ต 2) ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มจนกว่าดัชนีจะเริ่มมีแนวโน้มหยุดลงที่ชัดเจน
แนวรับ : 1630, 1600 แนวต้าน : 1650, 1665
หลุด 1650 แนวรับถัดไปที่มีนัยคือ 1600 : ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่องจากแรงขายหลักของหุ้นกลุ่ม Big Cap. แทบทุกกลุ่ม โดยตลอดทั้งวันแทบไม่มีแรง Rebound จึงทำให้เกิดเป็นแท่งเทียนแดงยาวหลุดแนวรับโซน 1650 มองว่าดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1630 และ 1600 (แนวรับหลัก) เน้นรอหยุดลงและซื้อที่แนวรับเป็นหลัก แต่หากเกิดจังหวะ Rebound ระหว่างวันยังมองเป็นโอกาสขายเพื่อลด
พอร์ตตามแนวต้าน
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ต้องลดพอร์ตและถือเงินสดให้มากขึ้น หากยังมีหุ้นจังหวะ Rebound มองเป็นโอกาสขายลดพอร์ต 2) ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มจนกว่าดัชนีจะเริ่มมีแนวโน้มหยุดลงที่ชัดเจน
แนวรับ : 1630, 1600 แนวต้าน : 1650, 1665
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: จับตาปัญหา Trade war, การประชุม OPEC 22 มิ.ย.
ปัจจัยในประเทศ: การประชุม BoT 20 มิ.ย.
ปัจจัยต่างประเทศ: จับตาปัญหา Trade war, การประชุม OPEC 22 มิ.ย.
ปัจจัยในประเทศ: การประชุม BoT 20 มิ.ย.
หุ้นเทคนิค:
IVL (B 53.00-54.00, Tp 56.00 // 57.50, Cut 52.50)
GLOW (B 91.50, Tp 96.00, Cut 90.00)
IVL (B 53.00-54.00, Tp 56.00 // 57.50, Cut 52.50)
GLOW (B 91.50, Tp 96.00, Cut 90.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO10270