- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 19 June 2018 19:28
- Hits: 4503
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
เปิดยื้อแล้วลงต่อ
วันนี้ คาดดัชนีฯ เปิดยื้อแล้วลงต่อ ความเสี่ยง "สงครามการค้า" เริ่มมีผลต่อเศรษฐกิจโลก ล่าสุด MS เตือน GDP โลกจะกระทบราว 0.2% จากมาตรการภาษี สหรัฐฯ-จีน ซึ่งนับเฉพาะแค่รอบแรก และมองว่าขั้นตอนเจรจาจะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เร็วสุดมองเริ่มไกล่เกลี่ยอีก 2 เดือนข้างหน้า ยิ่งถ้าหลังวันที่ 6 ก.ค.ไปแล้ว มีการออกมาตรการตอบโต้การค้าเพิ่มเติม ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก จะรุนแรงขึ้น และ ยังไม่สามารถประเมินความเสี่ยงต่อการถดถอยของเศรษฐกิจได้
สัปดาห์นี้ดัชนีฯยังดูอึมครึมต่อ กับแรงขายของ นลท.ต่างชาติ ที่ไม่ลดลงอย่างที่คิด...คาดกรณีหุ้นไทยลงต่อหลุด 1,700 จุด แนวรับสำคัญทางเทคนิคถัดไป 1,680-1,640 จุด (กรณีที่เริ่มยืนได้เหนือ 1,700 คาดแนวต้าน 1,720-1,730...เริ่มหมดหวัง)
หุ้นใหญ่ที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก คาด Underperform เทียบกับ หุ้นกลาง-เล็กที่มี ปัจจัยหนุนเป็นรายตัวไป กลยุทธ์แนะกระชับพอร์ตหุ้นใหญ่เชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก หันมาเล่นรอบหุ้นกลางเล็กในประเทศ แทน
เปิดยื้อแล้วลงต่อ
วันนี้ คาดดัชนีฯ เปิดยื้อแล้วลงต่อ ความเสี่ยง "สงครามการค้า" เริ่มมีผลต่อเศรษฐกิจโลก ล่าสุด MS เตือน GDP โลกจะกระทบราว 0.2% จากมาตรการภาษี สหรัฐฯ-จีน ซึ่งนับเฉพาะแค่รอบแรก และมองว่าขั้นตอนเจรจาจะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เร็วสุดมองเริ่มไกล่เกลี่ยอีก 2 เดือนข้างหน้า ยิ่งถ้าหลังวันที่ 6 ก.ค.ไปแล้ว มีการออกมาตรการตอบโต้การค้าเพิ่มเติม ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก จะรุนแรงขึ้น และ ยังไม่สามารถประเมินความเสี่ยงต่อการถดถอยของเศรษฐกิจได้
สัปดาห์นี้ดัชนีฯยังดูอึมครึมต่อ กับแรงขายของ นลท.ต่างชาติ ที่ไม่ลดลงอย่างที่คิด...คาดกรณีหุ้นไทยลงต่อหลุด 1,700 จุด แนวรับสำคัญทางเทคนิคถัดไป 1,680-1,640 จุด (กรณีที่เริ่มยืนได้เหนือ 1,700 คาดแนวต้าน 1,720-1,730...เริ่มหมดหวัง)
หุ้นใหญ่ที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก คาด Underperform เทียบกับ หุ้นกลาง-เล็กที่มี ปัจจัยหนุนเป็นรายตัวไป กลยุทธ์แนะกระชับพอร์ตหุ้นใหญ่เชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก หันมาเล่นรอบหุ้นกลางเล็กในประเทศ แทน
What to watch :
(-) MS คาดผลกระทบจากการตอบโต้การค้า สหรัฐฯ จีน รอบล่าสุด ต่อ GDP โลก ราว 0.2% (US$1.8 แสนล้าน) ส่วนการเจรจาคาดไม่เกิดเร็วๆนี้ โดยมองว่าพัฒนาการเร็วสุด ที่จะไกล่เกลี่ยกันได้น่าจะเริ่มในอีก 2 เดือน ข้างหน้า (ดูรายละเอียดด้านในฉบับ)
(-) ปธน.ทรัมป ขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ ในอัตรา 10% วงเงิน US$2 แสนล้าน หากจีนมีการตอบโต้กลับอีกครั้ง
(-) ประชุม OPEC 22-23 มิ.ย. คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากตอนนี้กำลังการผลิตของ OPEC และรัสเซีย ลดลงมาจนแตะต่ำกว่าระดับข้อตกลงที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
(+) รองนายก วิษณุ เผยนายกฯ นำร่างกม.ลูกส.ส.-ส.ว.ขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว ตั้งแต่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา
(+/-) MS เชื่อว่าจากนี้ไป USD Index จะกลับมาสู่โหมด Bulls run ไปถึง ฤดูร้อน (ก.ค.-ก.ย.)
หุ้นแนะนำวันนี้
พักเงินไว้ในกอง IFF อย่าง DIF JASIF
(-) ปธน.ทรัมป ขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ ในอัตรา 10% วงเงิน US$2 แสนล้าน หากจีนมีการตอบโต้กลับอีกครั้ง
(-) ประชุม OPEC 22-23 มิ.ย. คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากตอนนี้กำลังการผลิตของ OPEC และรัสเซีย ลดลงมาจนแตะต่ำกว่าระดับข้อตกลงที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
(+) รองนายก วิษณุ เผยนายกฯ นำร่างกม.ลูกส.ส.-ส.ว.ขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว ตั้งแต่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา
(+/-) MS เชื่อว่าจากนี้ไป USD Index จะกลับมาสู่โหมด Bulls run ไปถึง ฤดูร้อน (ก.ค.-ก.ย.)
หุ้นแนะนำวันนี้
พักเงินไว้ในกอง IFF อย่าง DIF JASIF
รายงานวันนี้
STEC : Never been better
เรามีความมั่นใจในคำแนะนำซื้อ STEC เพราะ 1) Backlog สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.25 แสนล้านบาท และรายได้คาดจะโตก้าวกระโดดตามการรับรู้รายได้ S-curve 2) การประมูลงานภาครัฐ ใหม้เข้ามา โดยลานงานจะมีการขายซองประมูลในเดือนนี้ เช่น รถไฟฟาเชื่อม 3 สนามบิน และทางด่วนพระราม3 เป็นต้น 3) โครงการภาคเอกชน ขนาดใหญ่กำลังจะเริ่มก่อสร้าง เช่น One Bangkok และ CPN Dusit เป็นต้น 4) อัตรากำไรขั้นต้น คาดกลับสู่ขาขึ้น อีกครั้ง หลังจากงานรัฐสภา และ สนามบินภูเก็ต เริ่มควบคุมได้อีกครั้ง เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 28 บาท อิง PBv 1SD เหนือค่าเฉลี่ยในอดีต
STEC : Never been better
เรามีความมั่นใจในคำแนะนำซื้อ STEC เพราะ 1) Backlog สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.25 แสนล้านบาท และรายได้คาดจะโตก้าวกระโดดตามการรับรู้รายได้ S-curve 2) การประมูลงานภาครัฐ ใหม้เข้ามา โดยลานงานจะมีการขายซองประมูลในเดือนนี้ เช่น รถไฟฟาเชื่อม 3 สนามบิน และทางด่วนพระราม3 เป็นต้น 3) โครงการภาคเอกชน ขนาดใหญ่กำลังจะเริ่มก่อสร้าง เช่น One Bangkok และ CPN Dusit เป็นต้น 4) อัตรากำไรขั้นต้น คาดกลับสู่ขาขึ้น อีกครั้ง หลังจากงานรัฐสภา และ สนามบินภูเก็ต เริ่มควบคุมได้อีกครั้ง เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 28 บาท อิง PBv 1SD เหนือค่าเฉลี่ยในอดีต
ANAN : Ashton Asoke returns
การโอนโครงการ Ashton Asoke ได้เริ่มตั้งแต่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเร็วกว่าที่ทางบริษัทคาดไว้ก่อนหน้าที่ 4Q18 เรามีการเพิ่มมูลค่าของโครงการนี้กลับเข้าไปในประมาณการ และปรับประมาณการกำไรปี 2018 ขึ้น 25% และปี 2019 ขึ้น 6% (โอน 70% ใน 2018 และ 30% ใน 2019) จากประเด็นดังกล่าวยังทำให้ Net gearing ปรับลดลงจาก 0.9 เท่า เป็น 0.8 เท่า ซึ่งจะหนุนให้สามารถเปิดโครงการใหม่ในอนาคตได้อีก โดยรวมเรามองกำไรปีนี้เติบโตโดดเด่นที่ 44% เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก 4.60 เป็น 5.80 และยังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร
การโอนโครงการ Ashton Asoke ได้เริ่มตั้งแต่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเร็วกว่าที่ทางบริษัทคาดไว้ก่อนหน้าที่ 4Q18 เรามีการเพิ่มมูลค่าของโครงการนี้กลับเข้าไปในประมาณการ และปรับประมาณการกำไรปี 2018 ขึ้น 25% และปี 2019 ขึ้น 6% (โอน 70% ใน 2018 และ 30% ใน 2019) จากประเด็นดังกล่าวยังทำให้ Net gearing ปรับลดลงจาก 0.9 เท่า เป็น 0.8 เท่า ซึ่งจะหนุนให้สามารถเปิดโครงการใหม่ในอนาคตได้อีก โดยรวมเรามองกำไรปีนี้เติบโตโดดเด่นที่ 44% เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก 4.60 เป็น 5.80 และยังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร
Quick Take
BCPG : The acquisition of ordinary share in Lomligor Co., Ltd.
เช้าวานนี้ BCPG ประกาศว่าบริษัทจะซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 10 เมกะวัตต์ ในจ.นครศรีธรรมราช โดยมีแผนจะ COD ระหว่าง 4Q18-2Q19 เราคาดการลงทุนในครั้งนี้ที่ 825 ล้านบาท (หรือ 82.5 ล้านบาท/เมกะวัตต์) โดยดีลนี้จะทำให้กำลังการผลิตของ BCPG เพิ่มขึ้น 2% โดยเราประเมินว่าบริษัทไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน หากโครงการนี้เริ่ม COD ใน 1Q19 เราคาดจะหนุนให้กำไรหลักปี 2019 เพิ่มขึ้นราว 49 ล้านบาท (สูงขึ้นประมาณ 2.6% จากประมาณการปัจจุบันของเรา) อีกทั้งจะทำให้ราคาเป้าหมายขยับขึ้น 0.2 บาท/หุ้น เรามองว่าดีลนี้เป็นบวกต่อบริษัท แต่เนื่องจากเป็นดีลขนาดเล็กที่ทำให้ราคาเป้าหมายของเราสูงขึ้นไม่มาก เราจึงคงคำแนะนำ "ถือ"
BCPG : The acquisition of ordinary share in Lomligor Co., Ltd.
เช้าวานนี้ BCPG ประกาศว่าบริษัทจะซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 10 เมกะวัตต์ ในจ.นครศรีธรรมราช โดยมีแผนจะ COD ระหว่าง 4Q18-2Q19 เราคาดการลงทุนในครั้งนี้ที่ 825 ล้านบาท (หรือ 82.5 ล้านบาท/เมกะวัตต์) โดยดีลนี้จะทำให้กำลังการผลิตของ BCPG เพิ่มขึ้น 2% โดยเราประเมินว่าบริษัทไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน หากโครงการนี้เริ่ม COD ใน 1Q19 เราคาดจะหนุนให้กำไรหลักปี 2019 เพิ่มขึ้นราว 49 ล้านบาท (สูงขึ้นประมาณ 2.6% จากประมาณการปัจจุบันของเรา) อีกทั้งจะทำให้ราคาเป้าหมายขยับขึ้น 0.2 บาท/หุ้น เรามองว่าดีลนี้เป็นบวกต่อบริษัท แต่เนื่องจากเป็นดีลขนาดเล็กที่ทำให้ราคาเป้าหมายของเราสูงขึ้นไม่มาก เราจึงคงคำแนะนำ "ถือ"
Flow Tracker : ต่างชาติขายหุ้นไทยแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 760 ล้านเหรียญสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปีนี้และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งหนึ่ง เรามองว่าผลกระทบจากปัจจัยลบดังกล่าวน่าจะยังคงกดดันบรรยากาศการลงทุนในสัปดาห์นี้อย่างต่อเนื่อง ดัชนี Volume Flow ของหุ้นกลุ่มต่างๆ ชี้ถึงแรงขายในกลุ่มปิโตรเคมีและค้าปลีก ในขณะที่กลุ่มธนาคารและอสังหาฯยังคงแข็งแกร่งกว่าตลาด
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 760 ล้านเหรียญสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปีนี้และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งหนึ่ง เรามองว่าผลกระทบจากปัจจัยลบดังกล่าวน่าจะยังคงกดดันบรรยากาศการลงทุนในสัปดาห์นี้อย่างต่อเนื่อง ดัชนี Volume Flow ของหุ้นกลุ่มต่างๆ ชี้ถึงแรงขายในกลุ่มปิโตรเคมีและค้าปลีก ในขณะที่กลุ่มธนาคารและอสังหาฯยังคงแข็งแกร่งกว่าตลาด
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) BTS, เครือซีพี, บ.ลูก PTT, UNIQ, ITD เข้าซื้อซองประมูลไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบินวันแรก (ที่มา อินโฟเควสท์)
(*) SCB วิชิต ลาไทยพาณิชย์ ไขก๊อกพ้นเก้าอี้ซีอีโอ ธนาคารไทยพาณิชย์ปรับโครงสร้างบริหารงานใหม่ ตั้ง พล.อ.อ. สถิตย์พงษ์ สุขวิมล และ พ.ต.อ.ธรรมนิธิ วนิชย์ถนอม เป็นกรรมการ (ที่มา โพสต์ทูเดย์)
(-) GPSC GLOW : จับตา GPSCเพิ่มทุน กู้แสนล้านหนี้สินเต็มเพดาน 2.4เท่า บอร์ด PTTลดงบลงทุนปีนี้ นาย สุรงค์ บูลกุล ประธานกรรมการ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอแผนการเข้าลงทุนในบริษัท โกลว์พลังงาน (GLOW) เข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทภายใน 2-3 วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสัดส่วนในการเข้าลงทุน และหาข้อสรุปรายละเอียดต่างๆ ภายหลังจากคณะกรรมการบริษัท ปตท. (PTT) ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้อนุมัติเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ GLOW (ที่มา โพสต์ทูเดย์)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
Trade Tensions : Stakes Have Risen
จากการประกาศเก็บภาษีสินค้าจีน 1100 รายการ โดยสินค้าล็อคแรกจำนวน 818 รายการ มูลค่า US$3.4 หมื่นล้าน จะโดนเรียกเก็บก่อนในวันที่ 6 กค.นี้ ส่วนทางการจีน จะเรียกเก็บภาษีสินค้า 545 รายการ คิดเป็นมูลค่า US$ 3.4 หมื่นล้าน เริ่ม 6 ก.ค.นี้ เช่นกัน ส่วนล็อตต่อไปจะมีการประกาศอีกครั้ง
MS มองผลกระทบในระดับ Direct impact ต่อ Global trade ราว US$ 1.81 แสนล้าน หรือประมาณ 1% ของ Global trade และ กระทบ GDP โลกราว 0.2%
ผลกระทบต่อ GDP สหรัฐฯปี 2018-18 ราว 0.1ppt. และถ้าเก็บภาษีจีนขึ้นไปถึงระดับ US$1 แสนล้าน จะกระทบ GDP จีนราว 0.4 ppt. จากส่งออกจีนที่ลดลงไป 2.4ppt.
(*) SCB วิชิต ลาไทยพาณิชย์ ไขก๊อกพ้นเก้าอี้ซีอีโอ ธนาคารไทยพาณิชย์ปรับโครงสร้างบริหารงานใหม่ ตั้ง พล.อ.อ. สถิตย์พงษ์ สุขวิมล และ พ.ต.อ.ธรรมนิธิ วนิชย์ถนอม เป็นกรรมการ (ที่มา โพสต์ทูเดย์)
(-) GPSC GLOW : จับตา GPSCเพิ่มทุน กู้แสนล้านหนี้สินเต็มเพดาน 2.4เท่า บอร์ด PTTลดงบลงทุนปีนี้ นาย สุรงค์ บูลกุล ประธานกรรมการ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอแผนการเข้าลงทุนในบริษัท โกลว์พลังงาน (GLOW) เข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทภายใน 2-3 วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสัดส่วนในการเข้าลงทุน และหาข้อสรุปรายละเอียดต่างๆ ภายหลังจากคณะกรรมการบริษัท ปตท. (PTT) ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้อนุมัติเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ GLOW (ที่มา โพสต์ทูเดย์)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
Trade Tensions : Stakes Have Risen
จากการประกาศเก็บภาษีสินค้าจีน 1100 รายการ โดยสินค้าล็อคแรกจำนวน 818 รายการ มูลค่า US$3.4 หมื่นล้าน จะโดนเรียกเก็บก่อนในวันที่ 6 กค.นี้ ส่วนทางการจีน จะเรียกเก็บภาษีสินค้า 545 รายการ คิดเป็นมูลค่า US$ 3.4 หมื่นล้าน เริ่ม 6 ก.ค.นี้ เช่นกัน ส่วนล็อตต่อไปจะมีการประกาศอีกครั้ง
MS มองผลกระทบในระดับ Direct impact ต่อ Global trade ราว US$ 1.81 แสนล้าน หรือประมาณ 1% ของ Global trade และ กระทบ GDP โลกราว 0.2%
ผลกระทบต่อ GDP สหรัฐฯปี 2018-18 ราว 0.1ppt. และถ้าเก็บภาษีจีนขึ้นไปถึงระดับ US$1 แสนล้าน จะกระทบ GDP จีนราว 0.4 ppt. จากส่งออกจีนที่ลดลงไป 2.4ppt.
แต่ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจจะยังลุกลามกระทบต่อเศรษฐกิจได้อีก จาก Indirect impact...
1) ประเทศคู่ค้าที่ผลิตชิ้นส่วนและสินค้า จะสูญเสียรายได้ ตามความต้องการสินค้าที่ลดลง เช่นกรณี รถยนต์จากสหรัฐฯส่วนใหญ่ประกอบในเม็กซิโก ถ้าจีนจำกัดการนำเข้าจะกระทบเศรษฐกิจเม็กซิโกไปด้วย
2) กระทบต่อบริษัทฯร่วม จากการศึกษาพบ 60% ของสินค้าจีนที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ผลิตจากบริษัทฯร่วมที่จีนผลิตจากประเทศในแถบเอเชีย เข่น เกาหลีใต้ ญี่ปุน
3) ชิ้นส่วน High value added ที่ผลิตจากผู้ผลิตในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น Telecom ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ มีการส่งออกไปประกอบในจีนก่อนส่งขายสหรัฐฯ
4) ผู้ประกอบการในสหรัฐฯเอง จะได้รับผลกระทบจากสินค้าทุน และสินค้าอุสาหกรรม ที่ส่วนใหญ่นำเข้าจากจีน จะโดนภาษีทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
1) ประเทศคู่ค้าที่ผลิตชิ้นส่วนและสินค้า จะสูญเสียรายได้ ตามความต้องการสินค้าที่ลดลง เช่นกรณี รถยนต์จากสหรัฐฯส่วนใหญ่ประกอบในเม็กซิโก ถ้าจีนจำกัดการนำเข้าจะกระทบเศรษฐกิจเม็กซิโกไปด้วย
2) กระทบต่อบริษัทฯร่วม จากการศึกษาพบ 60% ของสินค้าจีนที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ผลิตจากบริษัทฯร่วมที่จีนผลิตจากประเทศในแถบเอเชีย เข่น เกาหลีใต้ ญี่ปุน
3) ชิ้นส่วน High value added ที่ผลิตจากผู้ผลิตในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น Telecom ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ มีการส่งออกไปประกอบในจีนก่อนส่งขายสหรัฐฯ
4) ผู้ประกอบการในสหรัฐฯเอง จะได้รับผลกระทบจากสินค้าทุน และสินค้าอุสาหกรรม ที่ส่วนใหญ่นำเข้าจากจีน จะโดนภาษีทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ส่วนแนวทางที่ MS คาดว่าจะเกิดขึ้นจากนี้ไป คือ
1) เกิดการเจรจาตกลงกันได้ก่อนวันที่ 6 ก.ค. ซึ่งพัฒนาการที่มีมาถึงตรงนี้บอกได้เลยว่ามีโอกาสเกิดต่ำมาก
2) จีน-สหรัฐฯ สงวนท่าทีไม่ออกมาตรการตอบโต้เพิ่มเติม แล้วใช้เวลา เจรจาไกล่เกลี่ย ในอีก 2 เดือนข้างหน้า และได้ข้อตกลงที่ยอมรับได้จากทั้ง 2 ฝาย (MS มองมีความเป็นได้มากที่สุด แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย)
3) มีการประกาศมาตรการภาษีตอบโต้กันเพิ่มเติมหลังวันที่ 6 ก.ค. รวมถึงชาติอื่นๆตอบโตสหรัฐฯด้วย คาดว่าจะกระทบต่อ ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ การลงทุน และการเจรจาถึงจะตกลงกันได้แต่ก็สายเกินจะแก้ไข
1) เกิดการเจรจาตกลงกันได้ก่อนวันที่ 6 ก.ค. ซึ่งพัฒนาการที่มีมาถึงตรงนี้บอกได้เลยว่ามีโอกาสเกิดต่ำมาก
2) จีน-สหรัฐฯ สงวนท่าทีไม่ออกมาตรการตอบโต้เพิ่มเติม แล้วใช้เวลา เจรจาไกล่เกลี่ย ในอีก 2 เดือนข้างหน้า และได้ข้อตกลงที่ยอมรับได้จากทั้ง 2 ฝาย (MS มองมีความเป็นได้มากที่สุด แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย)
3) มีการประกาศมาตรการภาษีตอบโต้กันเพิ่มเติมหลังวันที่ 6 ก.ค. รวมถึงชาติอื่นๆตอบโตสหรัฐฯด้วย คาดว่าจะกระทบต่อ ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ การลงทุน และการเจรจาถึงจะตกลงกันได้แต่ก็สายเกินจะแก้ไข
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO10229