- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 June 2018 17:38
- Hits: 3498
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“เก็งกำไร ผลประชุมสหรัฐ-เกาหลีเหนือ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index รีบาวด์ 1.07 จุด ปิดที่ 1723.11 จุด สอดคล้องกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน มูลค่าซื้อขายเบาบางที่ 37.9 พันล้านบาท ดัชนีฯผันผวนในกรอบแคบ ก่อนจะมีการประชุมสำคัญๆหลายวาระ เช่น สหรัฐฯพบเกาหลีเหนือ เฟด และ ECB เป็นต้น ปัจจัยต่างประเทศยังเป็นลบในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยประชุม 12-13 มิ.ย.61 นี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังร้อนแรง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทยอยปรับขึ้น รวมทั้งความกังวลสงครามการค้ายังมีอยู่ มีแรงซื้อในกลุ่มธนาคาร สื่อสาร คือ DTAC และ KTC แต่ขายพลังงาน-ปิโตรฯ ด้านผู้ขายสุทธิหลักคือ ต่างประเทศ 1.7 พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิหลักคือ รายย่อย 0.9 พันลบ. สถาบัน 0.7 พันลบ. และหลักทรัพย์ 0.1 พันลบ.
แนวโน้มและกลยุทธ์– คาดว่า SET แกว่งตัวเพิ่มเล็กน้อย มีการเก็งกำไรผลการประชุมสหรัฐ-เกาหลีเหนือที่จะออกมาเป็นบวก แต่การปรับขึ้นจำกัด เพราะยังไม่แน่ใจผลที่ออกมาจริง และยังจะมีการประชุมสำคัญหลายวาระในสัปดาห์นี้ โดยยังมีแรงหนุนดาวโจน์เพิ่มต่อเนื่อง รวมทั้งการเลือกตั้งไทยยังเป็นไปตามโรดแม็ป มีการเก็งกำไรกลุ่มธนาคารต่อเรื่องดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น หุ้นกลุ่มพลังงานอาจผันผวนตามราคาน้ำมันซึ่งเมื่อคืนนี้ปรับขึ้น จากการที่รัฐมนตรีก.น้ำมันอิรักเห็นว่าโอเป็กยังไม่ควรเพิ่มเพดานน้ำมัน แต่คาดว่าการประชุมโอเปกยังไม่รีบเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน นับว่าปัจจัยต่างประเทศเป็นลบยังกดดันอยู่ ไม่ให้ไปได้ไกลในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย 3-4 ครั้งในปีนี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจการจ้างงานและค่าจ้างแรงงานที่ยังร้อนแรง สะท้อนด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี มีทิศทางปรับขึ้นและสงครามการค้า หลังผลประชุม G7 ไม่คืบหน้า ส่วนปัจจัยในประเทศเป็นบวกเรื่องเศรษฐกิจไทยดี สำหรับการประชุมต่างๆ สัปดาห์หน้ามีเรื่องที่ต้องติดตามคือประชุมเฟด 12-13 มิ.ย. และการประชุม ECB 14 มิ.ย.เรื่องลด QE สัปดาห์ถัดไป-ประชุมโอเปก 22 มิ.ย. ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้แกว่งตัวแคบๆ ส่วนดาวโจนส์ล่วงหน้า -5 จุด กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ มีแรงกระตุ้น (Catalyst) เฉพาะตัว ตามบทวิเคราะห์ DBS ได้ เน้น Domestic Play ลดความเสี่ยงหุ้นเกี่ยวกับต่างประเทศ นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย ล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1710-1745 จุด
Update หุ้นเด่น : TISCO- ณ สิ้นเดือนมี.ค.61 ธนาคารเซ็นสัญญาขายสินเชื่อส่วนบุคคล (ของ TISCO) และสินเชื่อบัตรเครดิต (ของทั้งกลุ่ม) ให้กับ Citibank N.A. (สาขากรุงเทพ) คาดว่าดีลจะแล้วเสร็จในปีนี้ เชื่อว่าการขายสินเชื่อเป็นสิ่งที่ดีกับธนาคาร เนื่องจากสินเชื่อที่ขายออกไปเป็นส่วนที่ธนาคารไม่ต้องการโฟกัส และเมื่อขายไปแล้วก็สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายดำเนินงานและลดการตั้งสำรองฯลง แต่ Yield เฉลี่ยก็จะอ่อนลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เป้าหมายในการซื้อสินเชื่อจาก SCBT ก็เพราะต้องการได้ลูกค้าระดับกลาง-บนที่จะเปิดทางให้เข้าไปขายผลิตภัณฑ์การเงินต่างๆ ได้มากขึ้น เช่น ประกัน ฯลฯ รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจหลักทรัพย์ด้วย คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 97 บาท – ราคาพื้นฐานที่ประเมินอิงกับ Gordon growth model ซึ่งเทียบเท่ากับ P/BV ปีนี้ 2.0 เท่า
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators ยังเป็นลบ ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนแล้วจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1730-1735, 1745 โดยมีแนวรับ 1710-1705 แนวตัดขาดทุนต่ำกว่า 1710 จุด
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+/- ทั่วโลกจับตาผลการประชุมสุดยอด สหรัฐฯ-เกาหลีเหนือวันนี้
# สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ และนายคิม จอง อึน เตรียมร่วมการประชุมสุดยอดในวันนี้ที่เกาะเซนโตซาของสิงคโปร์ โดยการประชุมดังกล่าวจะเริ่มขึ้นในเวลา 09.00 น.ตามเวลาสิงคโปร์ หรือ 08.00 น.ตามเวลาไทย ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐที่ยังคงอยู่ในตำแหน่ง กับผู้นำเกาหลีเหนือ
# นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์วันนี้ว่า ทั่วโลกจะได้รู้กันในเร็วๆนี้ว่าสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้หรือไม่
# เรื่องนี้มีผลกับ SET เพราะหากการประชุมมีความคืบหน้าที่จะบ่งชี้ว่า การเมืองระหว่างประเทศคลี่คลายไปในทางที่ดีก็จะเป็นบวกได้นั่นเอง แต่ปัจจัยสำคัญคือ เกาหลีเหนือจะมีความจริงจังในเรื่องปลดอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่
+/- ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์ปรับเพิ่มเล็กน้อย ความขัดแย้งช่วงประชุม G7 ไม่ค่อยมีผล
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,322.31 จุด เพิ่มขึ้น 5.78 จุด หรือ +0.02% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,782.00 จุด เพิ่มขึ้น 2.97 จุด หรือ +0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,659.93 จุด เพิ่มขึ้น 14.41 จุด หรือ +0.19%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 มิ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนไม่ได้วิตกกังวลมากนักต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในการประชุมกลุ่ม G7 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้ที่สิงคโปร์ รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
-/• คาดเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 12-13 มิ.ย.นี้
# นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 12-13 มิ.ย. โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้แต่ตลาดฯทยอยรับรู้ข่าวไปบ้างแล้ว รอติดตามถ้อยแถลงว่าปีนี้จะปรับขึ้นทั้งหมด 3 หรือ 4 ครั้ง
-ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตร ประชุม 14 มิ.ย.นี้
# นายปีเตอร์ แพรท สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ ECB กล่าวว่าคณะกรรมการ ECB จะหารือกันเกี่ยวกับการถอนตัวจากการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 14 มิ.ย.ที่เมืองริกา ประเทศลัตเวีย จากเดิมที่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย.นี้
# ทางด้านเจ้าหน้าที่คนอื่นๆของ ECB ได้ออกมาส่งสัญญาณในทิศทางเดียวกัน โดยนายคลาสส์ นอท ประธานธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการของ ECB ด้วยนั้น กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้ ECB เดินหน้าใช้มาตรการ QE ต่อไป ส่วนนายเจนส์ ไวด์แมน ประธานธนาคารกลางเยอรมนีกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ ECB จะปรับลดวงเงิน QE ภายในสิ้นปีนี้
+/• น้ำมัน WTI ปรับขึ้นเล็กน้อย อิรักแสดงความเห็นว่าโอเป็กยังไม่ควรปรับเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมัน
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือประมาณ 0.6% ปิดที่ 66.10 ดอลลาร์/บาร์เร
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. ปิดทรงตัวที่ 76.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 มิ.ย.) หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิรักได้แสดงความเห็นว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังไม่ควรปรับเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมัน อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐและรัสเซีย
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับขึ้น ดอลลาร์ผันผวนทางแข็งค่า
# อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้น ล่าสุดเป็น 2.9567% ก่อนประชุมเฟด
# ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเช้านี้เป็น 93.83 จุด ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าเป็น 32.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
# ดัชนีความกลัว (VIX) ล่าสุดเพิ่ม 1.4% จากวันก่อนหน้าเป็น 12.35 จุด
# สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวผันผวนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 มิ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้ที่สิงคโปร์ รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
• ทองคำปรับขึ้น นักลงทุนชะลอดูประชุมสหรัฐ-เกาหลีเหนือ
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ขยับขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 1,303.2 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (11 มิ.ย.) โดยนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่การประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะมีขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ที่สิงคโปร์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ประกาศสัปดาห์นี้
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค.,ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคานำเข้า-ดัชนีราคาส่งออกเดือนพ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-การใช้กำลังการผลิตเดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นหลักทรัพย์
+ สคร.สามารถจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน ช่วง 8 เดือนของปีงบประมาณดีกว่าเป้าหมาย
# สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ใน ช่วง 8 เดือนของปีงบประมาณ 2561 (ต.ค.60 - พ.ค. 61) สคร.สามารถจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน จำนวน 125,931 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายการจัดเก็บรายได้แผ่นดินสะสม จำนวน 25,629 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25% ของเป้าหมายรายได้แผ่นดินสะสม (100,302 ล้านบาท) โดยเฉพาะในเดือนพ.ค.61 สคร.จัดเก็บรายได้แผ่นดินจำนวน 12,692 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการช่วยรักษาเสถียรภาพการคลังของประเทศ
+ WORK: ร่วมลงทุนกับ บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ ในสัดส่วน 50%
# บมจ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) แจ้งว่าบริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ จำกัด เพื่อจัดตั้งบริษัท บีเอ็นเค โปรดักชั่น จำกัด ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อออกอากาศทางโทรทัศน์ และออนไลน์ รวมถึงประกอบธุรกิจจัดงานอีเว้นท์ และคอนเสิร์ต โดยมีทุนจดทะเบียน 4 ล้านบาท ขณะที่ WORK ถือหุ้น 50% และบีเอ็นเค 48 ถือหุ้น 49.99% โดยมีนายจิรัฐ บวรวัฒนะ ถือหุ้นอีก 0.01% สำหรับวัตถุประสงค์การลงทุนครั้งนี้ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ (Aspen)
# แนะนำเพียง ถือ คาดว่าส่วนเพิ่มจากการร่วมทุนกับ บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ จำกัด ยังจะไม่มากในระยะแรกเป็นบริษัทเล็กๆส่วนแนวโน้มธุรกิจของ WORK ยังไม่สดใสนัก การปรับขึ้นค่าโฆษณาและ Utilisation rate มีแนวโน้มต่ำกว่าที่เราประมาณการไว้ก่อนหน้า ล่าสุดได้ปรับลดรายได้ปีนี้ลงเป็น 3.2 พันล้านบาท โดยให้อัตราค่าโฆษณาอยู่ที่ 8.2 หมื่นบาทต่อนาที, Utilisation rate 60% ส่วนในระยะยาวให้ Utilisation rate ลดลง 5-10% ต่อปี และอัตราค่าโฆษณาทรงตัวที่ 8.2 หมื่นบาทต่อนาทีตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นไป ทั้งนี้ธุรกิจมีความท้าทายโดยเฉพาะจากสื่อนอกบ้านและสื่อออนไลน์ที่มีการใช้โฆษณามากขึ้นเป็นลำดับ ล่าสุดจึงปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 61/62 ลง 10%/17% ตามลำดับ และปรับราคาพื้นฐานเป็น 46 บาท (DCF, WACC 8.8%)
# ก่อนหน้ามานี้ ทาง PLANB ประกาศเข้าซื้อหุ้น บริษัท บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ จำกัด หรือ BNK48 สัดส่วน 35% มูลค่า 182.25 ล้านบาท ก็แสดงว่า PLANB มีการร่วมมือทางธุรกิจกับ WORK ทางอ้อม ผ่าน BNK48
-/+ ทริสเรทติ้ง ปรับเครดิตพินิจ MINT เป็นแนวโน้ม Negative
# ทริสเรทติ้งประกาศ "เครดิตพินิจ" แนวโน้ม "Negative" หรือ "ลบ" สำหรับอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ "A+" ของ บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่บริษัทจะซื้อหุ้นใน NH Hotel Group SA (NHH) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 6 ในทวีปยุโรป
# ด้วยขนาดธุรกิจของ NHH การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทในการขยายธุรกิจโรงแรมในตลาดยุโรป และจะเสริมสร้างการเติบโตในระยะยาวของบริษัท อย่างไรก็ดี ภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นจากการกู้ยืมเพื่อซื้อหุ้นดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทมีสถานะความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
# ผลกระทบ & คำแนะนำ: แม้จะต้องมีการทำ Tender Offer หุ้น NH Hotel แต่เราคาดว่า MINT ยังไม่จำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน เพราะจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ณ สิ้นปี 60 ที่ 1 เท่า จะเพิ่มเป็น 1.5 เท่าในปี 61 ซึ่งยังไม่เกินข้อกำหนด (debt covenant) ที่ระดับ 1.75 เท่า สำหรับเป้าหมายการถือหุ้นหลังทำ Tender Offer คาดว่าจะเป็น 51-55% อีกทั้งหากนำ NH มาทำงบรวม อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะเป็น 1.2 เท่า ในปี 62 เพราะฐานทุนจะยิ่งใหญ่ขึ้น คงคำแนะนำ ซื้อ หากกำหนดถือหุ้นในสัดส่วน 34.7% ไว้ก่อน คาดว่ากำไรของ MINT จะเพิ่มขึ้นได้อีกในปี 60-61 ในอัตรา 2%-4% ตามลำดับ หากพิจารณาในแง่เทียบ y-o-y อัตราการเติบโตของกำไรหลักสดใสเป็น 12%-20% ตามลำดับ ด้านราคาพื้นฐานเป็น 50.00 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF
+ AH: กับธุรกิจรถยนต์วินฟาสท์
# AH เผยจะเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์จับยึดและแม่พิมพ์ทั้งหมดสำหรับรถยนต์ของวินฟาสท์ คาดมีมูลค่ารวมราว 2.5 พันลบ. และเซ็น MOU กับ"วินฟาสท์ฯ"ตั้งรง.ผลิตตัวถังรถยนต์ในเวียดนาม มูลค่าราว 1.8 พันลบ. คาดเริ่มผลิต Q3/62
# ฝ่ายวิจัยฯไม่ได้ทำการวิเคราะห์ AH (not rated) แต่จาก IAA Consensus มีการสำรวจ 9 โบรกเกอร์ แนะนำ ซื้อ 8 โบรกเกอร์ แต่ Nuetral 1 โบรกเกอร์ ราคาพื้นฐานเฉลี่ยเป็น 43.96 บาท
- ตลาดฯให้ DCORP ติด Trading Alert
# มีการใช้ Cash Balance ระดับที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย.61-02 ก.ค.61
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO9962