- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 June 2018 17:58
- Hits: 1239
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Laggard Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวในแดนบวกได้ในช่วงครึ่งเช้า แต่ยังไม่สามารถผ่านระดับ 1,740-1,745 จุดตามที่เราประเมิน โดยในช่วงบ่ายเริ่มมีแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวและทำให้ดัชนีย้อนลงมาปิดลบ 5.65 จุด ณ สิ้นวัน แรงซื้อส่วนใหญ่ยังคงมาจากฝั่งสถาบันในประเทศราว 2.1 พันลบ. ขณะนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเร่งขึ้นเป็น 2.4 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways เพื่อรอดูการเจรจาการค้าในการประชุม G7 เริ่มต้นคืนนี้ ขณะที่สัปดาห์มีหลายปัจจัยที่ต้องติดตามเช่นกัน ทั้งการพบปะของผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ การประชุม FED และ ECB โดยเฉพาะเรื่องแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการยุติ QE อย่างไรก็ตามปัจจัยในประเทศในส่วนร่างงบประมาณปี 2019 ที่เน้นกระตุ้นรากหญ้าคาดว่าสร้างแรงหนุนหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ให้ Outperform ตลาดได้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้น Domestic และ Laggard//Accumulate on Dip
หุ้นเด่นเดือนมิ.ย. : BGRIM, GLOBAL, MTC, PCSGH, TVO
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$345ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$252ล้าน ขณะที่ไหลออกไทย US$76ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคแต่อาจเบาบางลงเพื่อติดตามผลการประชุม G7
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BEM <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 10 บาท
การเลื่อนปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน 3 เดือน เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐ ไม่กระทบประมาณการ เราคาดกำไรปีนี้ +18% Y-Y เป็น 3.7 พันลบ. จากต้นทุนที่ลดลงตามการขยายสัมปทานรถไฟฟ้า และการเชื่อมต่อสถานีเตาปูน-บางซื่อเต็มปี
ขณะที่ 2Q18 จะมีปัจจัยบวกจากการบันทึกกำไรขายหุ้น XPCL ให้ CKP ราว 240 ลบ. ส่วนตัวเปิด Upside ระยะยาว ทั้งการเปิดประมูลทางด่วน 2 สาย และรถไฟฟ้าสีม่วงใต้ คาดว่าจะมีความชัดเจนใน 2H18 จากการเร่งอนุมัติงบก่อนเลือกตั้ง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) งบประมาณปี 62 เน้นกระตุ้นฐานราก รัฐบาลตั้งงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ใกล้เคียงปีก่อนที่ 4.5 แสนลบ. โดยตั้งงบรายจ่ายเพิ่มขึ้น 3% Y-Y แตะ 3 ล้านลบ. จากการเพิ่มรายจ่ายประจำ 5% Y-Y เป็น 2.26 ล้านลบ. ส่วนงบลงทุนยังใกล้เคียงเดิมที่ 6.6 แสนลบ. แต่ถ้าพิจารณาการจัดสรรตามยุทธศาสตร์ 6 ด้านพบว่า มีการเพิ่มงบแก้ปัญหายากจนถึง 20% Y-Y เป็น 3.98 แสนลบ. และเพิ่มงบปรับสมดุล 7% Y-Y เป็น 8.38 แสนลบ. รวมถึงเพิ่มงบสำรองไว้ใช้จ่ายฉุกเฉิน 6% Y-Y เป็น 3.5 แสนลบ. ซึ่งสะท้อนชัดเจนว่าเน้นกระตุ้นไปที่ฐานรากของประเทศ เป็นบวกกับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงลิซสิ่งและเงินสดทันใจ เช่น CPALL GLOBAL EPG RS IT และ MTC (ทั้งหมดคือหุ้นที่คาดกำไร 2Q18 จะออกมาโดดเด่นด้วย)
(0) กลุ่มธนาคาร ข่าวธปท.กำหนดให้ธนาคารใช้ IFRS 9 (นโยบายบัญชีเกี่ยวกับการตั้งสำรองฯ) ตามกำหนดเดิมคือ ม.ค. 19 จากก่อนหน้านี้ที่เคยมีข่าวว่ายังไม่มีข้อสรุปว่าจะเลือนหรือไม่ โดยต้องรอดูผลการประชุมคณะกรรมการวิชาชีพบัญชีในวันที่ 20 มิ.ย. ข่าวนี้ไม่ได้สร้างประหลาดใจให้กับเรา และมุมมองของแบงก์ก็อยากให้ใช้ตามกำหนดเดิม เพราะได้เตรียมการล่วงหน้าทั้งบุคลากร ระบบบัญชี และการตั้งสำรองฯที่เกินเกณฑ์ ผลกระทบจึงไม่มากนัก คำแนะนำสำหรับกลุ่มแบงก์ ระยะสั้นยังขาด catalyst บวกกับผลประกอบการ 2Q18 ยังมีแรงกดดันจากรายได้ค่าธรรมเนียมการโอนที่ลดลง และสินเชื่อที่เติบโตได้ช้า เรายังไม่เลือกแบงก์ใหญ่ โดย Top Pick ยังคงเป็น TISCO (TP 98 บาท)
(+) IT เราคาดว่าผู้ขายสินค้าไอทีในไทยจะได้อานิสงส์ตามการปรับขึ้นอย่างโดดเด่นของราคาหุ้นกลุ่มไอทีทั่วโลก ด้วยเหตุผลที่สินค้าระยะหลังสามารถตอบสนองต่อธุรกรรมการค้าและการเงินได้ดีขึ้น ซึ่งเมื่อผนวกกับการจัดงาน Commart ช่วงปลายเดือนนี้ ทำให้คาดว่ายอดขาย 2Q18 ของทั้งกลุ่มจะโตโดดเด่นทั้ง Q-Q และ Y-Y เรายังคงชอบ IT มากที่สุด เพราะ (1) กำไรอยู่ในช่วง Turnaround จึงขยายตัวแรงกว่ากลุ่ม (2) ยอดขาย เม.ย.-พ.ค. เติบโตดีเฉลี่ย 8-10% Y-Y โดยเฉพาะทีวีที่ได้แรงหนุนจากบอลโลก (3) เพิ่งได้รับสิทธิเข้าบริหารพื้นที่ในโลตัส โดยคาดว่าจะเปิดได้ 10 สาขา รวมเป็น 116 สาขาภายในเดือนนี้ (4) PE2018 ต่ำเพียง 16 เท่า เทียบกับ COM7 ที่ 25 เท่า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.90 บาท
(0) SORKON วานนี้มีประชุมนักวิเคราะห์ที่จัดครั้งแรกในรอบหลายปี ซึ่งหลังจากผ่านช่วงปรับปรุงโรงงานและโครงสร้างองค์กรในปี 2016 ทั้งประสิทธิภาพการผลิตและผลประกอบการดูดีขึ้น โดยในปีนี้จะพัฒนาสินค้าใหม่และเน้นเจาะลูกค้ากลุ่มตลาดสด เมื่อผนวกกับการอ่อนตัวลงของราคาหมูที่เป็นต้นทุนหลักในกลุ่ม Processed Meat (55% ของรายได้รวม) และปัจจัยฤดูกาลที่เป็น High Season ทำให้กำไรสุทธิ 2Q18 มีแนวโน้มสดใสต่อเนื่อง จาก 1Q18 ที่ทำจุดสูงสุดใหม่ 51 ลบ. +76% Y-Y เราลองประเมินกำไรทั้งปีคร่าวๆ ที่ 183 ลบ. (+34% Y-Y) หากอิง PE เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง 15-17 เท่า (ใกล้เคียงกับกลุ่มอาหาร) จะได้ราคาพื้นฐานในช่วง 85-96 บาท แต่มีสิ่งที่ต้องระวังคือ กำไรปีหน้าอาจอ่อนตัวลง เพราะแนวโน้มราคาหมูน่าจะกลับมาปรับขึ้นปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้าตาม Cycle ของหมู และ SORKON เป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องน้อยมาก มีจำนวนหุ้นทั้งหมดเพียง 32.34 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 10 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8 มิ.ย.- จีน: ดุลการค้า (พ.ค.)
- ออสเตรเลีย: 1Q18 GDP
12 มิ.ย.- ประชุมผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ
13 มิ.ย.- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
14 มิ.ย.- ยูโรโซน: ประชุม ECB
15 มิ.ย.- ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ
20 มิ.ย.- ไทย: ประชุม กนง.
(0) ตลาดสหรัฐปรับตัวผสมผสาน โดยตลาดยังคงรอดูการประชุม G7 รวมไปถึงการประชุมระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือในวันที่ 12 มิ.ย. นี้
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงเพื่อรอดูผลการประชุม G7 และการประชุมของ ECB ในสัปดาห์หน้าว่าจะออกมาในทิศทางไหน
(0) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมผสาน โดยประเด็นที่ต้องติดตามคืออัตราดอกเบี้ยในโลกที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงนโยบายการลด Financial Leverage ของประเทศจีน ส่งผลให้ปีนี้ มีหุ้นกู้ของจีนที่ผิดนัดชำระหนี้ไปแล้ว 12 บริษัท เทียบกับปีก่อนทั้งปีที่ 18 บริษัท
() ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินบาทยังคงทรงตัวอยู่บริเวณ 32.00 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 65.95 ดอลลาร์/บาเรลล์ หลังตัวเลขการส่งออกน้ำมันดิบจากเวเนฯยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจากปัญหาการเมืองในประเทศ
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,303.00 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO9834