- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 01 June 2018 17:15
- Hits: 724
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
สะสมหุ้นหลักคืนต่อเนื่อง
Smart Pick
สะสม CPF
ราคาปิด 25.00 บาท
ราคาเหมาะสม 30.50 บาท
เราคาดราคาเนื้อสุกร และไก่ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เริ่มเห็นการฟื้นตัวใน 2Q61 และคาดเพิ่มขึ้นชัดเจนใน 2H61 อีกทั้งเงินบาทที่อ่อนค่าใน 2H61 หนุนการเติบโตของกำไรด้วยเช่นกัน
Downside Risk จำกัด เพราะ ณ ราคาตลาด CPALL ปัจจุบันที่ 80.75 บาท เทียบเท่ามูลค่าเงินลงทุนต่อหุ้น CPF ที่ 27.65 บาท และคาดกำไรปกติปี 2561 เติบโต +21% YoY เป็น 8,458 ล้านบาท
สะสม ADVANC
ราคาปิด 190.50 บาท
ราคาเหมาะสม 250.00 บาท
เราประเมินว่าราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัว หลังผ่านพ้นการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI วานนี้ อีกทั้งราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวกหากบริษัทไม่เข้าร่วมประมูลคลื่น 1800MHz ซึ่งกำหนดยื่นซองประมูลไม่เกินวันที่ 15 มิ.ย.
เราคาดแนวโน้มกำไรปกติ 2Q61 เติบโต YoY และต่อเนื่องในทุกไตรมาสที่เหลือของปีนี้ กำไรปี 2561 คาดเติบโต +17% YoY เป็น 35,020 ล้านบาท และผลตอบแทนเงินปันผล 4.5% ต่อปี
เก็งกำไร KTC
ราคาปิด 349.00 บาท
ราคาเหมาะสม 410.00 บาท
เราคาดว่าราคาหุ้นจะฟื้นตัววันนี้ หลังปิดลบ 4.6% วานนี้ จากการถูกถอดออกจากดัชนี MSCI Global Small Cap และราคาช่วง Pre-Close ปรับตัวลงถึง 19 บาท จาก 368.00 บาท ปิดที่ 349.00 บาท
KTC ยังมีปัจจัยบวกรออยู่ คือการแตกพาร์ โดยจะมีการประชุม EGM วันที่ 6 ก.ค. เพื่อขออนุมัติแตกพาร์จาก 10.00 บาท เป็น 1.00 บาท และ KTC มีโอกาสถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี SET50 ซึ่งจะประกาศในช่วงกลางเดือน มิ.ย.
เก็งกำไร WHAUP
ราคาปิด 6.40 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 6.70-6.80 บาท
ทางเทคนิคราคาหุ้นมีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบ 6.70-6.80 บาท แนวรับ 6.30 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 6.20 บาท
เราคาดกำไรปกติปี 2561 เติบโต +27.7% YoY เป็น 1,796 ล้านบาท และธุรกิจมีความมั่นคงสูง รวมทั้งให้เงินปันผลสม่ำเสมอราวปีละ 3.1%
Profit-Taking : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
การปรับพอร์ตดัชนี MSCI เสร็จสิ้นไปแล้ววานนี้ พร้อมกับความผันผวนของราคาหุ้นหลายบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง KTC/ SCC รวมถึงหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร เราประเมินว่าภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยโดยรวมกลับเข้าสู่ภาวะปกติวันนี้ ราคาหุ้นจะกลับมาเคลื่อนไหวไปตามปัจจัยพื้นฐานมากขึ้น โดยเราคาดทิศทาง SET INDEX ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปขึ้นทดสอบแนว 1730-1735 จุด
ขณะที่ความเสี่ยงด้านสงครามการค้าส่อเค้าปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังสหรัฐฯเริ่มใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าเหล็ก 25% และอะลูมิเนียม 10% ต่อคู่ค้าอย่างแคนาดา, เม็กซิโก และสหภาพยุโรป เรามองว่า ความกังวลดังกล่าวทำให้เงินทุนโยกย้ายจากตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว (DM) มาสู่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (EM) ซึ่งมีความปลอดภัยกว่า และ Underperform ในช่วงก่อนหน้า
เชิงกลยุทธ์ เราแนะนำให้กลับมาทยอยสะสมหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) ต่อเนื่องจากวานนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคาปรับตัวลงแรงจากการปรับลดน้ำหนักจาก MSCI แต่พื้นฐานแข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งในกลุ่มพลังงาน/ ปิโตรเคมี (PTT/ PTTGC), สื่อสาร (ADVANC/ TRUE), ค้าปลีก (BJC/ CPALL), ธนาคาร (KBANK), โรงพยาบาล (BDMS)
ปัจจัยสำคัญในเดือนนี้ ได้แก่ การประชุมเฟด วันที่ 12-13 มิ.ย./ การประกาศรายชื่อหุ้นเข้า-ออกดัชนี SET50-SET100 (กลางเดือน มิ.ย.)/ ความคืบหน้าของการประชุมระหว่างผู้นำสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ
HOT Topic
1. ฟ้าหลังฝน…เข้าสู่เดือน มิ.ย. เรามีกลยุทธ์การลงทุนอย่างไร และมีตัวเลขทางสถิติอะไรที่น่าสนใจ?
2. Trade War ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง หลังสหรัฐฯเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจาก EU และ NAFTA เรามองอย่างไร
3. วันนี้เรามี Initiate หุ้นใหม่ อย่าลืมติดตามว่าเป็นหุ้นอะไร?
4. สัปดาห์หน้าติดตามตัวเลขนำเข้า-ส่งออก เดือน พ.ค.ของจีนในวันที่ 8 มิ.ย.
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ขึ้นทำจุดสูงสุดระหว่างวันที่บริเวณ 1734 จุด ก่อนเจอแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ปรับพอร์ต MSCI ลงมาปิดที่ 1726.97 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.83 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นถึง 9.99 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 10 ติดต่อกันอีกราว 7.9 พันล้านบาท รวม 10 วันทำการขายสุทธิสะสมไปกว่า 3.9 หมื่นล้านบาท สวนทางกับสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิสะสมเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันอีกราว 5.4 พันล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิสะสมราว 9.1 พันล้านบาท ด้านตลาด SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการราว 1.2 หมื่นสัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Short สุทธิเล็กน้อยราว 972 สัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิคงเหลือเพียง 1.3 พันสัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Long สุทธิเล็กน้อย 2.3 พันสัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันอีกราว 2.7 พันล้านบาท รวม 6 วันทำการซื้อสุทธิสะสมกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
สหรัฐฯเตรียมประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และอลูมิเนียม 10% จากสหภาพยุโรป (EU), เม็กซิโก และแคนาดา โดยมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนตามเวลาสหรัฐฯ ของวันที่ 31 พ.ค. ขณะที่ EU, เม็กซิโก และแคนาดา เตรียมมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ
EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลง 4.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 5.3 แสนบาร์เรล และรายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นอีก 2.15 แสนบาร์เรล/วัน เป็น 10.47 ล้านบาร์เรล/วัน
สหรัฐฯรายงานเงินเฟ้อ PCE เดือน เม.ย. ขยายตัว 1.8% YoY เท่ากับที่ตลาดคาด
EU รายงานเงินเฟ้อเดือน เม.ย. ขยายตัว 1.1% YoY มากกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.0% YoY
กระทรวงพลังงานเผยเตรียมลดปริมาณการสำรองน้ำมันจาก 6% เหลือ 2-3% เพื่อลดภาระผู้ประกอบการ และลดราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงลง
TPIPP ประกาศจ่ายปันผล 0.10 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 13 มิ.ย.
ติตตามการรายงานเงินเฟ้อไทย และการรายงานภาวะตลาดแรงงานของสหรัฐฯ วันนี้
ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า
ติดตามการรายงานค่า PMI เดือนพ.ค. ของประเทศ จีน , อียู และสหรัฐฯ ในวันที่ 5 มิ.ย.
ติดตามการรายงาน GDP 1Q61 ของ EU ตลาดคาดขยายตัว 2.5% YoY วันที่ 7 พ.ค.
ติดตามการรายงานนำเข้า-ส่งออกจีน เดือนพ.ค. และการรายงาน GDP ญี่ปุ่น 1Q61 ในวันที่ 8 พ.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist , 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol , Strategist 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist , 662-009-8059
OO9522