- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 September 2014 16:19
- Hits: 1862
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ใกล้จบรอบขึ้นแต่ยังลุ้นดีดหาเป้าหมายได้ จึงเน้นขายช่วงบวก!
กลยุทธ์ : หลังจาก SET ขยับเข้าใกล้ 1600 จุด(+/-) แล้วก็เริ่มมีแรงขายกดดัน ทำให้ดัชนีมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนมากขึ้น อย่างไรก็ตามเรายังคาดหมายว่าดัชนียังมีสิทธิดีดกลับขึ้นไปแถวระดับดัชนีเป้าหมายให้ได้หาจังหวะขายทำกำไรได้อยู่ ดังนั้นจึงยังสามารถถือหุ้นไว้รอทยอยขายทำกำไรในช่วงบวกได้เช่นเดิม ซึ่งที่บริเวณ 1600 จุด(+/-) เรายังแนะนำให้เน้นขายทำกำไรลดพอร์ตมากกว่าซื้อเพิ่มเติม เพราะหลังจากนี้ต้องเริ่มระวังการกลับไปปรับตัวลงในระดับ 100-200 จุดไว้ด้วย
หุ้นเด่นทางเทคนิค : GEL, DRT, GFPT(buy back)
แนวโน้ม : ความวิตกกังวลที่ว่าหากสก็อตแลนด์แยกตัวออกจากสหราชอาณาจักร ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอังกฤษ และมีสิทธิลุกลามไปถึงเศรษฐกิจในประเทศอื่นๆ ของยุโรป รวมทั้งแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาค่อนข้างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ปิดเป็นลบพอควร และยังกดดันให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดด้วยการปรับตัวลงก่อนด้วย ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ก็มีแรงขายทำกำไรออกมากดดันให้ SET ปรับย้อนลงไปเคลื่อนไหวเป็นลบ หลังวันก่อนดัชนีเริ่มขยับเข้าใกล้ระดับดัชนีเป้าหมายที่ FSS คาดไว้แถว 1600 จุด(+/-) ด้วย ทำให้เราคาดว่าในช่วงนี้ SET ยังมีโอกาสที่จะแกว่งผันผวนต่อเนื่องได้ อย่างไรก็ตามเราคาดว่าแรงซื้อเก็งกำไรเกี่ยวกับการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ของไทยในช่วงท้ายสัปดาห์นี้ ยังมีโอกาสช่วยพยุงตลาดและหนุนให้ดัชนีดีดกลับขึ้นไปหาระดับดัชนีเป้าหมาย เพื่อเป็นจังหวะให้ขายทำกำไรต่อได้อยู่
แนวรับ 1582-1580 , 1576-1574 จุด แนวต้าน 1586-1592 , 1595-1600 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบาง นักลงทุนต่างชาติซื้อตลาดหุ้นไต้หวัน US$321.9 ล้าน ไทย US$33.2 ล้าน และเวียดนาม US$5.6 ล้าน แต่ขายฟิลิปปินส์ US$15.4 ล้าน และอินโดนีเซีย US$10.4 ล้าน ขณะที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการเนื่องในวันไหว้พระจันทร์ ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะยังไหลเข้าต่อแต่เบาบาง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) การขึ้นราคา NGV จะทำให้ PTT ขาดทุนลดลง การที่คสช.อนุมัติปรับขึ้นราคา LPG ภาคขนส่ง 0.62 บาท/กก. เป็น 22.00 บาท/กก. กระทบเฉพาะผู้ใช้รถยนต์ที่เติม LPG แต่บริษัทที่ขายหรือปั๊มแก๊ส LPG ไม่กระทบ ส่วนภาคอุตสาหกรรมก็ไม่กระทบ เพราะเป็นราคากึ่งลอยตัวตามตลาดโลก ส่วนการที่คสช.เห็นชอบกับการขึ้นราคาก๊าซ NGV 1 บาท/กก. เป็น 11.50 บาท/กก. จะทำให้ธุรกิจนี้ของ PTT ที่ขาดทุนปีละ 2 หมื่นล้านบาท ขาดทุนลดลง 4 พันล้านบาท/ปี หรือ 4% ของกำไรปี 2014 แต่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาแล้ว 7% MTD จนเหลือ upside เพียง 5% จากราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 360 บาท จึงแนะนำถือ ทั้งนี้ การรปรับราคาดังกล่าวจะมีผลเมื่อผ่านรัฐบาลหรือกบง.ก่อน
(-) ราคาถ่านหินมีแนวโน้มลงต่อ ปัจจุบันอยู่ที่ US$68.15/ตัน ต่ำสุดใน 5 ปีจากการนำเข้าถ่านหินของจีนที่ลดลงมาก การใช้ถ่านหินลดลงในสหรัฐ และเศรษฐกิจยุโรปที่แย่ลง รวมถึงการที่ทั่วโลกผลักดันพลังงานทดแทนที่สะอาดยิ่งกดดันราคาถ่านหินในระยะยาว ที่ผ่านมาจีนตั้งเป้าลดการใช้ถ่านหินให้ต่ำกว่า 65% ของการใช้พลังงานทั้งหมดภายในปี 2017 เพื่อลดปัญหามลภาวะทางอากาศ และห้ามตั้งโรงงานถ่านหินใหม่ แต่กลับไม่ได้เข้มงวดกับเหมืองถ่านหินในปัจจุบันมากนัก ทำให้การผลิตถ่านหินในจีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนสถานการณ์ยูเครน-รัสเซียทำให้ราคาถ่านหินพุ่งขึ้นชั่วคราว แต่เศรษฐกิจที่แย่ลงของยุโรปจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันราคาถ่านหินในระยะต่อไป
(-) BANPU วานนี้ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาของศาลแพ่ง ให้ BANPU ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายคดีหงสาให้กลุ่มงานทวี แต่คดียังไม่ถึงที่สุด กลุ่มงานทวีสามารถอุทธรณ์ไปยังศาลฏีกาได้ใน 1 เดือน คำตัดสินดังกล่าวไม่กระทบพื้นฐานของบริษัทที่เรายังแนะนำขาย แนวโน้มผลประกอบการ 2H14 อ่อนแอตามราคาถ่านหินในตลาดโลก ใน 3Q14 เหมืองออสเตรเลียจะหยุดย้ายเครื่องจักร และ 4Q14 โรงไฟฟ้า BLCP หยุดซ่อมบำรุง ปัจจุบันมี PE 18 เท่า สูงกว่าภูมิภาคที่ 15 เท่า และสูงกว่าเป้าหมายปี 2015 ที่ 29.50 บาท
(-) JAS ศาลฯสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราว ทำให้ราคาหุ้นวานนี้บวกสูงสุดถึง 13% ซึ่งเรามองเป็นโอกาสในการขาย เพราะการพิจารณาคดียังดำเนินต่อไปซึ่งอาจกินเวลาหลายปี ทั้งนี้ TT&T ฟ้อง Acumen (ซึ่งเป็นบ.ลูกของ JAS) ให้ขายหุ้นใน TTTBB ที่ถืออยู่ 70% คืนให้ คดีที่ยังไม่สิ้นสุดจะเป็นตัวจำกัด upside ของราคาหุ้นในระยะกลาง-ยาว และเชื่อว่าจะกระทบการจัดตั้ง Infrastructure Fund ของบริษัท ขณะที่ธุรกิจบรอดแบนด์ของ JAS แม้ตลาดจะโตได้อีก แต่บริษัทผ่านยุคเติบโตสูงไปแล้วในปี 2012-13 ยังคงแนะนำขาย ให้เป้า 5.80 บาทซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของกรณีดีสุดและแย่สุด
(+) TOG ผลการดำเนินงานใน 2H14 มีทิศทางที่ดีจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากการทำการตลาดร่วมกับลูกค้า และได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อน เพราะส่งออกถึง 95% และมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ดีขึ้น ทำให้มาร์จิ้นเพิ่มขึ้น เราปรับกำไรปกติปี 2014 ขึ้น 7% และปี 2015 ขึ้น 5% เป็นเติบโต 80% ในปีนี้และโต 10% ปี 2015 ปรับเป้าหมายปี 2015 ขึ้นเป็น 6.80 บาทจากเดิม 6.10 บาท เพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิมถือ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาร่วงลงต่อเนื่องอีกเกือบ 100 จุดโดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลพุ่งขึ้นรวมถึงแรงกดดันเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบต่อโดยประเด็นกดดันยังเป็นเรื่องของการที่สก็อตแลนด์จะแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบตามตลาดหุ้นสหรัฐฯท่ามกลางคาดการณ์ของตลาดที่ว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกทางข้าง ล่าสุดปรับตัวในกรอบ 32.00-32.15 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ขยับขึ้น 0.09 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 92.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีคาดการณ์ว่าสต๊อกน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลง
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงต่ออีก 5.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,248.50 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่ยังแข็งค่าต่อ รวมถึงประเด็นเรื่องการปรับขึ้นอัตราบอกเบี้ยของ FED ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8-10 ก.ย. - เกาหลีใต้: ตลาดการเงินปิดทำการ วัน Harvest Moon Day
10 ก.ย. - จีน: ยอดสินเชื่อใหม่ (ส.ค.)
11 ก.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.), CCN เริ่มเทรด (ราคาIPO 1.25 บาท)
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม
- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลางประชุม
12 ก.ย. - ไทย: รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสนช.
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ส.ค.)
13 ก.ย. - จีน: Industrial Production, ยอดค้าปลีก (ส.ค.)
15 ก.ย. - สหรัฐ: Industrial Production (ส.ค.)
17-18 ก.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
17 ก.ย. - ไทย: กนง.ประชุม, ยอดขายรถ (ส.ค.)
18 ก.ย. - ไทย: RWI เริ่มเทรด (ราคา IPO 1.60 บาท)
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (ส.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852