- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 September 2014 16:10
- Hits: 2181
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดลบเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1.59 จุด มาอยู่ที่ 1,583.18 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 56,254 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 7 อีก 1,064 ล้านบาท กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures 1,284 สัญญา แต่กลับมาซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้อีกครั้ง เพียง 81 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าเงินทุนระลอกใหม่นี้ มุ่งเน้นการลงทุนในตลาดหุ้นไทยทางตรงมากกว่า ทางเลือกอื่นๆ ของการลงทุน สะท้อนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้และแนวโน้มในปีหน้า
MBKET ประเมิน SET INDEX วันนี้จะไต่ระดับขึ้นลักษณะ Sideways-to-Sideways-Up เพื่อทดสอบแนว 1,590 จุด +/- หลังกองทุน Trigger Funds ที่แตะระดับเป้าหมายได้ขายหุ้นปิดกองทุนไปแล้ว อีกทั้งการขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร BBL / KBANK / KKP ในวานนี้ ย่อมทำให้แรงกดดันต่อภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยคลายตัวลง แต่กลับมีแนวโน้มที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ) เตรียมเปิดขายกองทุน Trigger Funds ใหม่ในสัปดาห์หน้าหลายกองทุน สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อทิศทาง SET INDEX ในระยะสั้น ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติเป็นบวกต่อตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย จากภาพเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวเด่นใน 2H57 และต่อเนื่องถึงปี 2558 หลังงบประมาณปี 2558 จะสามารถใช้ได้ทันเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป
สำหรับ นโยบายด้านเศรษฐกิจภายในประเทศ แนะนำให้นักลงทุนติดตามการแถลงนโยบายของนายกฯ พล.เอก ประยุทธ์ ต่อ สนช. วันศุกร์ที่ 12 ก.ย. คาดว่าจะเป็นแนวทางพัฒนาด้านเศรษฐกิจที่ยั่งยืน พร้อมกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ผ่านการทำงานของครม.
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนเด่นเฉพาะตัว เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุดหรือสูงกว่า
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” TTA/ CK
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Speculative buy: TTA/ CK
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,590 จุด
SET INDEX วันนี้ คาดขยับขึ้นทดสอบด่าน 1,590 จุด +/-
จับตา บลจ. หลายแห่ง เตรียมออกขายกองทุน Trigger funds รอบใหม่ เร็วๆ นี้
ดังนั้นกลยุทธ์ เก็งกำไรรายตัว ที่ Valuation ยังคงต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่ม เป็นทางเลือกของการลงทุนรอบสั้น
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ แกว่งตัวออกด้านข้างทุกตลาด และเป็นที่น่าสังเกตุว่า ตลาดหุ้นในกลุ่ม TIPs ปิดลบทั้ง 3 ตลาด อาจเป็นแรงขายทำกำไรช่วงสั้น
สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX ยังมีความพยายามไต่ระดับขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,590 จุด เกิดแรงขายทำกำไรมากขึ้น บวกกับการขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร BBL / KBANK อีกทั้งตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ปรับฐานลง ทำให้บรรยากาศการลงทุนขาดปัจจัยบวก ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,583.18 จุด ลบเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1.59 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 56,254 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกมากที่สุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่มเหล็ก +2.47%, กลุ่มพลังงาน +1.40% และกลุ่ม ICT +0.66% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร -1.08% กลุ่มอสังหาฯ -0.34% และ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -1.03%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.39 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดลบ ตามทิศทาง DJIA คืนวานนี้ ขณะที่ตลาดหุ้น Kospi ปิดทำการอีกหนึ่งวัน
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนที่ “บวก” วันที่ 4 แม้ว่า SET INDEX วานนี้จะยังไม่ผ่านแนว 1,590 จุด และเกิดแรงขายทำกำไรหุ้นหลัก พร้อมกับการขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร อย่าง BBL / KBANK / KKP ก็ตาม แต่หากประเมินจากกระแสเงินทุนต่างชาติ และ แนวโน้มที่จะเห็นเม็ดเงินทุนใหม่จากการขายกองทุน Trigger Funds ในเร็วๆ นี้ เชื่อว่า SET INDEX จะขยับขึ้นทดสอบกรอบสำคัญ 1,590-1,600 จุด ตามที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ และยังให้น้ำหนักต่อโอกาสที่ SET INDEX จะทะลุแนวดังกล่าวในรอบนี้ได้เช่นกัน เนื่องจาก
•เงินทุนจากต่างประเทศ คาดว่าเกิดจาก Euro carry trade ยิ่งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ยิ่งเป็นการส่งสัญญาณโอกาสทำ Euro carry trade มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งมาในจังหวะที่เม็ดเงินจากโครงการ QE ของเฟดจะทยอยลดลงและจะสิ้นสุดโครงการในการประชุมเดือนต.ค.นี้ ทำให้สภาพคล่องทางการเงินในระบบการเงินโลกจะยังล้นมากยิ่งขึ้น
MBKET เชื่อว่า เงินทุนดังกล่าว จะเลือกลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ นำโดยตลาดหุ้นจีน เพราะ ณ ปัจจุบัน Valuation ของตลาดหุ้นจีน ต่ำเป็นอันดับที่ 2 รองจาก Kospi แต่สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวด้านการส่งออก ราคาอสังหาฯ เริ่มทรงตัว รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา Shadow bank หากเศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ เศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ในเอเชีย รวมถึงไทย ย่อมได้อานิสงค์เชิงบวกเช่นกัน
•คาด บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุนรวม (บลจ.) หลายแห่ง เตรียมออกขาย IPO กองทุน Trigger Funds หลัง กองทุนที่ได้บริหารนั้นแตะระดับเป้าหมาย และขายหุ้นในกองทุนปิดกองทุน เพื่อส่งมอบแก่ผู้ถือหน่วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
MBKET ประเมินวงเงินจากการขายกองทุน Trigger Funds รอบนี้ราว 1.0-2.0 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับยอด NAV ที่กองทุนทยอยปิดไปในช่วง 1-2 วันทำการที่ผ่านมา
ดังนั้น MBKET แนะนำให้ นักลงทุน คงเข้าเก็งกำไรต่อหุ้นในกลุ่มหลักที่ได้ประโยชน์จากพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ เป็นสำคัญ ทั้งนี้นักลงทุน ควรกำหนดแนว Stop Loss เพื่อปิดความเสี่ยงของการลงทุนเสมอ เพราะความผันผวนของ SET INDEX อยู่ในระดับสูงขึ้น เมื่อเข้าสู่แนวต้านใหญ่ 1,600 จุด ขณะที่กลุ่มธนาคาร / ICT / PTT Family น่าจะเป็นกลุ่มหลักเป้าหมายที่เงินทุนต่างชาติ และกองทุน Trigger funds ในรอบใหม่นี้
ประเด็นการเมืองภายในประเทศที่สำคัญจากนี้ไป ได้แก่
oติดตามการแถลงนโยบายการบริหารประเทศของนายกฯ พล.เอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อ สนช. วันที่ 12 ก.ย.นี้ คาดว่าจะเห็นนโยบายด้านเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาว รวมถึงแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นจากนี้ของ ครม.
oร่างงบประมาณปี 2558 ได้ผ่านวาระที่ 1 วานนี้ ขั้นตอนถัดไปตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณา และนำเสนอต่อสนช. เพื่อพิจารณาวาระที่ 2-3 ตามลำดับ วันที่ 17-18 ก.ย. คาดว่าจะสามารถนำงบประมาณปี 2558 ใช้ได้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้
oแนวทางการปฎิรูปการเมือง ผ่านสภาปฎิรูปที่อยู่ระหว่างการสรรหา
oแผน Roadmap ที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ
แผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท
แผนปฎิรูปพลังงาน
แผนกระตุ้นการท่องเที่ยว
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ติดตามการแถลงนโยบายของนายกฯ วันศุกร์ที่ 12 ก.ย.นี้ : ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ ได้แก่
•แนวทางการบริหารประเทศภายใต้ การนำของนายกฯ พล.เอก ประยุทธ์
•แนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาว ต่อจากนี้ไป จะมุ่งเน้นในด้านใด MBKET เชื่อว่า แผนการลงทุนด้านคมนาคม เพื่อพัฒนาด้านโลจิสติกส์ จะเป็นเป้าหมายสำคัญ เพื่อไปเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้าน และการก้าวเข้าสู่ AEC ในปลายปี 2558
2.คาดแนวทางกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวจะเกิดขึ้นหลังวันศุกร์นี้: ล่าสุด นายวิษณุ เครืองาม ได้ให้ความเห็นต่อแนวทางการยกเลิกกฎอัยการศึก เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว มีความเป็นไปได้ที่จะพิจารณาหลัง นายกฯ แถลงนโยบายการบริหารประเทศต่อสนช.ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย. นี้ MBKET คาดแนวทางการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวที่อาจมีการพิจารณาและอนุมัติ ได้แก่
•การพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่
•ข้อเสนอการลดหย่อนภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ในปี 2557 มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
•การจัดตั้งกองทุนประกันภัยการท่องเที่ยว วงเงิน 200 ล้านบาท เพราะประเทศที่ใช้กฎอัยการศึก บริษัทประกันภัยจะไม่รับประกันการท่องเที่ยว หากมีการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว จะเป็นบวกต่อภาคการท่องเที่ยว
3.วันนี้ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ยังคงปิดทำการ
4.ตลาดหุ้นทั่วโลกแกว่งแคบ รอการประชุมเฟดสัปดาห์หน้า: ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของสัปดาห์นี้ ขาดปัจจัยใหม่ที่โดดเด่นทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินของ ECB ในสัปดาห์ก่อน ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าอย่างรวดเร็ว กลายเป็นจุดที่ทำให้นักค้าเงิน และนักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูท่าทีและผลการประชุมเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย. ต่อมุมมองด้านเศรษฐกิจ และ โอกาสของการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้าอย่างไร
5.ติดตาม IPO กองทุน Trigger Funds รอบใหม่: หลัง บลจ. หลายแห่งปิดกองทุน Trigger Funds ไปหลายกองทุนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังมี โมเมนตัมเชิงบวกต่อการลงทุน ทำให้ บลจ. เตรียมออกขายกองทุน Trigger funds รอบใหม่ คาดว่าจะเป็นในสัปดาห์หน้า จะกลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งต่อการผลักดันภาพรวม SET INDEX
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.15 13.88 16.09 13.82
PSE 20.53 17.73 20.69 17.88
JSE 16.83 14.34 17.01 14.49
KOSPI Closed Closed Closed Closed
TAIEX 15.05 14.08 Closed Closed
Straits Time 14.77 13.62 14.73 13.57
SHCOMP 9.22 8.16 Closed Closed
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.TTA : ราคาปิด 23.70 บาท ราคาเหมาะสม 31.00 บาท
a)ราคาหุ้นมี Sentiment เชิงบวกจากการปรับตัวขึ้นของดัชนีค่าระวางเรือ BDI เป็นวันที่ 4 ติดต่อกันอีก 31 จุด เป็น 1,197 จุด และคาดว่า BDI จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากเข้าสู่ High Season ของธุรกิจตั้งแต่ปลาย 3Q ถึง 4Q
b)คาดผลประกอบการ 4Q56/57 (ก.ค. – ก.ย. 57) จะเร่งตัวขึ้น qoq จาก 3Q56/57 ที่มีกำไรสุทธิ 255 ล้านบาท จากการปรับตัวขึ้นของรายได้ทั้ง 3 ธุรกิจ ได้แก่ เรือเทกอง, เรือขุดเจาะ และปุ๋ย โดย PMTA
c)และส่งผลให้ผลประกอบการปี 56/57 พลิกเป็นกำไรสุทธิ 988 ล้านบาท จากปี 55/56 ที่ขาดทุนสุทธิ 5,080 ล้านบาท และคาดว่ากำไรสุทธิปี 57/58 จะเพิ่มขึ้น +120.4% yoy เป็น 2,178 ล้านบาท จาก Demand – Supply ของธุรกิจเรือเทกองที่มีความสมดุลมากขึ้นในปีหน้า และส่งผลให้ค่าระวางเรือเฉลี่ยปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องในปีหน้า
d)มี Catalyst รออยู่ คือการนำ PMTA เข้าจดทะเบียนในตลท. โดยคาดว่ากลต.จะอนุมัติได้ภายในเดือน ต.ค. และ TTA มีแผนจะให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทมีสิทธิ์ในการจองซื้อหุ้น IPO ของ PMTA ในลักษณะ Preemptive Right
e)Valuation ยังถูกกว่า PSL โดย TTA ซื้อขายที่ระดับ PBV 2558 เพียง 0.95 เท่า ต่ำกว่า PSL ที่ 1.6 เท่า
2.CK : ราคาปิด 28.00 บาท ราคาเหมาะสม 31.00 บาท
a)MBKET คาดว่าราคาหุ้น CK จะตอบรับเชิงบวก หลังบริษัทลูกคือ BMCL ปรับตัวขึ้น +7.5% วานนี้
b)และส่งผลให้ NAV ต่อหุ้นของมูลค่าเงินลงทุนใน 4 บริษัทลูก ได้แก่ BECL, BMCL, TTW, CKP เพิ่มขึ้นเป็น 18.14 บาท หรือเทียบเท่าว่าตลาดให้มูลค่าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของ CK ณ ปัจจุบันเพียง 10.00 บาทต่อหุ้น
c)สะท้อนให้เห็นว่า CK ยังถูกกว่า STEC มาก เนื่องจาก CK ซื้อขายระดับ PBV 2558 เพียง 2.5 เท่า ต่ำกว่า STEC ที่ 4.5 เท่า
d)ขณะที่กำไรสุทธิ 3Q57 คาดว่าจะเติบโตสูงทั้ง yoy และ qoq เนื่องจากจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้น BMCL ราว 800 ล้านบาท
e)รวมทั้งมี Catalyst รออยู่ ได้แก่ การยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียวมูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 19 หรือ 30 ก.ย. และรัฐบาลจะแถลงนโยบายเศรษฐกิจในวันศุกร์นี้ โดยคาดว่าจะมีรายละเอียดที่ชัดเจนมากขึ้นต่อแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ และเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
What will DJIA move tonight? คืนนี้ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิอีก US$335 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$121 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 321.9 Closed 13,906.0 9,188.0
KOSPI Closed Closed 9,074.6 4,875.1
JSE -10.4 47.7 4,950.9 -1,806.4
PSE -15.4 26.8 1,306.7 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 5.6 1.7 271.5 263.2
SET INDEX 33.2 45.1 -453.7 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +1,064 +1,442
SET50 Index Futures (สัญญา) -1,284 +198
SSF (สัญญา) -528 +160
Metal Futures (สัญญา) -263 +11
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +81 -196
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 อีก 1,065 ล้านบาท รวม 7 วันทำการซื้อสุทธิ 9,331 ล้านบาท และกดดันให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเหลือ 16,391 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง คาดว่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เพียง 2.27 จุด แม้ว่าจะ Discount กว้างขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 1.70 จุดก็ตาม แต่ราคา S50U14 ณ ปัจจุบัน สูงกว่าราคาทางทฤษฎีแล้ว ทำให้นักลงทุนต่างชาติเลือกที่จะทยอยปิดสถานะ Long และหันไปลงทุนในตลาดหุ้นทางตรงแทน
Metal Futures ยังคงไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ วานนี้ นักลงทุนกลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เพียง 263 สัญญา เทียบกับ 3 วันก่อนหน้า Long สุทธิ 165 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ทั้งหมด และกลับมามีสถานะ Short สุทธิบางส่วน เมื่อราคาทองคำในตลาดโลกปิดหลุดแนว US$1,280/ounce ในคืนวันก่อนหน้า ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อราคาทองคำในตลาดโลก
แม้คงการ Long สุทธิวันที่ 3 แต่ก็เพียง 11 สัญญาเท่านั้น รวม 3 วันทำการ Long สุทธิเพียง 165 สัญญา เทียบกับช่วงก่อนหน้าที่ Short สุทธิ 1,962 สัญญา สะท้อนภาพทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกขาดความชัดเจน
และ ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง แต่ก็เพียง 81 ล้านบาทเท่านั้น เมื่อราคาพันธบัตรระยะยาวปรับตัวลงแรง อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมากถึง 2.13bps ปิดที่ 3.578%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 1,066 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 417 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
JAS 328.69 5.51% 7.35
TRUE 156.91 3.33% 11.27
PTT 133.73 3.61% 342.89
BANPU 87.16 5.33% 32.64
SCC 61.08 7.88% 456.15
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 11 ทั้งนี้เป็นซื้อในกลุ่ม Defensive / Cheap valuation อย่างเห็นได้ชัด
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 1,047 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 1,935 ล้านบาท รวม 11 วันทำการซื้อสุทธิ 14,754 ล้านบาท สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิสูงสุด 330 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 169 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 238 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 213 ล้านบาท กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 196 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 665 ล้านบาท และกลุ่มอาหารซื้อสุทธิ 145 ล้านบาท
2.กลุ่มรับเหมาก่อสร้างถูกขายสุทธิสูงสุด 82 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
JAS 312.09 4.44 KBANK -195.08 29.03
SCB 156.51 17.69 TRUE -98.57 3.78
PTTEP 144.65 14.47 STPI -87.82 11.68
KTB 144.60 15.76 DTAC -63.75 23.38
SCC 130.39 27.27 BTS -57.32 11.14
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong