- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 31 May 2018 18:24
- Hits: 2338
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Summary 30/05/2018
Close 1,725.14 Volume Bt77485M
Change -9.40 P/E 17.64
%Change -0.54% P/BV 1.97
หุ้นแนะนำพิเศษ
PTTGC Site Visit (ราคาปิด Bloomberg Consensus )
บริษัทพาไปชมโรงงานผลิตโฟม (Polyol) ซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณสมบัติหลากหลายโดยเน้นการผลิตและจำหน่ายสินค้าที่มีกำไรสูง อาทิ โฟมทางการแพทย์ โฟมสำหรับเช็ดทำความสะอาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยในปัจจุบันต้องทำการสั่งซ้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ แต่ในอนาคตบริษัทมีแผนตั้งโรงงานผลิตสาร Polyol กำลังการผลิต 130 KTA ที่นิคมเหมราชจังหวัดระยอง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ใน 3Q20 เพื่อลดต้นทุนวัตถุดิบ
ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อกรขยายธุรกิจของ PTTGC ในระยะยาวเนื่องจากมีการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจที่มีกำไรที่สูงและมีความเฉพาะทำให้คู่แข่งเลียนแบบได้ยาก อย่างไรก็ตามเราคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/61 จะอ่อนตัวลงตามค่าการกลั่นที่ปรับตัวลงอีกทั้งมีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบหลังราคาน้ำมันปรับตัวลง แม้ว่าส่วนต่างผลิตภัณฑ์โอเลฟินจะทรงตัวในระดับสูงช่วยหนุนผลประกอบการก็ตาม
Market View : คลายกังวลการเมืองอิตาลี
หุ้นแนะนำพิเศษ : PTTGC
หุ้นมีข่าว : BGRIM HARN
Technical Insight : TKN SAPPE
Set Index วานนี้ผันผวนในแดนลบท่ามกลางความกังวลในแถบยุโรปจากทั้ง Bond Yield อิตาลีที่ปรับตัวขึ้นหลังภาครัฐฯมีความเสี่ยงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ อย่างไรก็ตามดัชนีรีบาวด์หลังศาลรัฐธรรมนูญลงมติว่าคุณสมบัติ ส.ส.ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญช่วยหนุนให้ SET Index ปิดที่ 1,725.14 จุด (-9.40 จุด) Volume 7.75 หมื่นลบ. ทั้งนี้เป็น Foreign Net -4,384.08 ลบ. TFEX Net -5,473 สัญญา ตราสารหนี้ +1,791.07 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอิตาลี หลังจากพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีกำลังร่วมมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่
+น้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้นขานรับรายงานที่ว่า ซาอุดิอาระเบีย ประเทศโอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก จะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้
+ จีนรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการขยายตัวในเดือนพ.ค.
+ศาล รธน.มีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัย ร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.ไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ
+ มูดี้ส์ฯพอใจกับฐานะการคลังในปัจจุบัน ให้อันดับเครดิตของไทยที่ BBB+ และคงสถานะแนวโน้มที่ระดับ มีเสถียรภาพ หรือ Stable Outlook
+รายงาน กนง.ระบุ ภาพรวมแนวโน้มศก.ไทยโตต่อเนื่อง-ชัดเจนขึ้น อุปสงค์ในประเทศทยอยดีขึ้นแต่ฟื้นยังไม่กระจายตัว
+สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เม.ย.61 โต 4.0% เป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 และสศค.คาด GDP ช่วง Q2/61 โตมากกว่า 4%
-GDPสหรัฐประจำไตรมาส 1 อยู่ที่ระดับ 2.2% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.3%
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 1.24 แสนล้านบาท เงินบาทอยู่ที่ 32.03 บาท/USD
ภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายกังวลการเมืองของประเทศอิตาลี ราคาน้ำมันปรับขึ้นหลังกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันใน-นอกกลุ่มโอเปกยืนยันไม่เพิ่มกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปี ตัวเลขศก.จีนออกมาดีบ่งชี้ถึงการขยายตัว รวมทั้งแนวโน้มศก.ประเทศไทยที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีกดดันจากนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะขายต่อเนื่อง คาดดัชนีจะรีบาวด์ในกรอบ 1,720-1,741 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- GGC EA เดือนก.ค.รัฐปรับเพิ่มสัดส่วนการใช้ไบโอดีเซลจาก B7 เป็น B20
- หุ้นที่ Laggard ดัชนี CPF CK STEC UNIQ BJC
- JUBILE ATP30 AGE XO SSP TPCH หุ้น MAI ที่คาดว่ากำไรปี 61 เติบโต
- BANPU ราคาถ่านหินทรงตัวในระดับสูง 108.65$/Ton
- หุ้น EEC Play ได้แก่ WHA AMATA EASTW ATP30 ORI
หุ้นมีข่าว
ประเด็นบวกกลุ่มรับเหมา รฟท.ขาย TOR รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ระบุต้องมีบริษัทไทยร่วมเกิน 25% ยื่นซอง 12 พ.ย. เปิดซอง 13 พ.ย.รู้ผู้ชนะ
-BGRIM “กฟผ.” หรือ EGAT ฟันธง BGRIM ไม่สามารถย้ายโรงไฟฟ้า BGPR1-BGPR2 ไปสร้างที่นิคมฯ เอเซียได้ เหตุระบบไฟฟ้าไม่รองรับ พร้อมแนะให้ BGRIM พิจารณาพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ตั้งเดิม เช่น จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม จ.ราชบุรี หรือ จ.นครปฐม จะมีความเหมาะสมกว่า (ที่มา ข่าวหุ้น)
+ HARN (ราคาปิด 2.7 ซื้อ ราคาเหมาะสม 4.20) คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 129.68 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยบวกจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ราคานำเข้าสินค้าปรับลดลง ประกอบกับคาดว่ารายได้จะเติบโตได้ 10-12% จากปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ รวมถึงทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 400 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนการขายไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิปีนี้มีทิศทางที่เติบโตมากกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น
ความเห็น ประมาณการกำไรปี 61 อยู่ที่ราว 143 ล้านบาท เติบโต 10%YoY ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อภาพระยะกลางของบริษัท สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ปลอดหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ทั้งนี้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานราวปีละ 100 ล้านบาท คาดสามารถรองรับการจ่ายเงินปันผลที่ให้ Yield ในระดับ 4 – 5%
+ AMATA(ราคาปิด 22.60 Bloomberg Consensus 26.26) คาดยอดขายทั้งปีคาดว่าจะดีกว่าปีก่อน โดยยอดขายครึ่งปีหลังของปี 61 จะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากการเข้าสู่ high season ปกติของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ประกอบกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่ทำให้มีสัญญาณจากต่างชาติเข้าลงทุนมากขึ้น บริษัทยังคงตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ 925 ไร่ ปัจจุบันนิคมฯในประเทศขายได้แล้ว 120 ไร่ และนิคมฯในเวียดนาม 100 ไร่ ทั้งนี้ บริษัทอาจมีการปรับราคาขายที่ดินเพิ่มขึ้นด้วย แต่ยังต้องรอการประชุมคณะกรรมการบริหารเพื่ออนุมัติก่อน
+ THAI เปิดบริการ LIVE TV on Board ให้บริการชมรายการโทรทัศน์สดบนเครื่องบิน โดยมีรายการโทรทัศน์ทั้งหมด 4 ช่อง ได้แก่ CNN BBC NHK และ Sport 24 เริ่ม 14 มิ.ย.คาดช่วยเพิ่มยอดผู้โดยสาร 5-10%
+ CHAYO เตรียมเสนอที่ประชุมบอร์ดในเดือน มิ.ย.ปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้และพอร์ตบริหารหนี้ของปีนี้ จากเดิมที่คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% และมีพอร์ตบริหารหนี้ราว 3.3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้เข้าซื้อหนี้มาบริหารเพิ่มเติมมูลค่า 7,951 ล้านบาท ส่งผลทำให้พอร์ตเพิ่มขึ้นเป็น 3.6 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท (ที่มา อินโฟเควสท์)
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO9464