- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 May 2018 17:49
- Hits: 1703
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Laggard and Defensive Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรงกว่าคาดสำหรับวานนี้ โดยหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานยังคงเผชิญแรงขายอย่างหนัก ขณะที่กลุ่มโรงพยาบาล Outperform ตลาด อย่างไรก็ตามการปรับลงของดัชนีลงมาทดสอบบริเวณ 1,730 จุดบวกลบถือว่าเป็นไปตามที่เราประเมิน นักลงทุนต่างชาติที่ยังขายสุทธิในตลาดหุ้นหนักต่อเนื่องอีก 4.7 พันลบ. (และ Short ใน Index Futures 1.5 หมื่นสัญญา) ขณะที่รายย่อยเป็นฝ่ายซื้อหนักติดต่อกัน 2 วันรวมกว่า 9 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways Down จากบรรยากาศการลงทุนที่ค่อนข้างเป็นลบหลังล่าสุดสหรัฐฯยกเลิกการพบเกาหลีเหนือกลางเดือนหน้า ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับลงซึ่งทำให้กลุ่มพลังงานยังคงถูกกดดันนอกเหนือจากปัจจัยในประเทศเรื่องการตรึงราคาดีเซลและแก๊ส ขณะที่สัปดาห์หน้ามีปัจจัยสำคัญต้องติดตามการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 30 พ.ค. การฟื้นตัวของ SET ในระยะนี้จึงยังดูจำกัด เราประเมินกรอบล่างของตลาดบริเวณ 1,720 จุดหรือแย่ที่สุดคือ 1,700 จุด
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้น Laggard และ Defensive // สะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงพักตัว
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BEM, CHG, EA, SC, THANI
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$24 เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$140ล้าน ขณะที่ไหลออกไทย US$146ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังผู้นำสหรัฐยกเลิกการเข้าพบผู้นำเกาหลีเหนือ และแนวโน้ม FED น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไปทำให้ตลาดกลับมากังวลต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีก
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> EA <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 47 บาท
แนวโน้มกำไร 2Q-3Q18 จะทรงตัวต่อเนื่องก่อนไปพุ่งขึ้นอีกครั้งใน 4Q18 จากการ COD โรงไฟฟ้าลมเพิ่มอีก 260MW คาดกำไรทั้งปีที่ 4,805 ลบ. +28% Y-Y และปีหน้า +29% Y-Y
จากการวิเคราะห์ Volume by Price ซึ่งเป็นหนึ่งใน Indicator ของ Finansia Hero ที่ได้รับความนิยม เราคาดว่า Downside เริ่มจำกัด และ Upside จะกลับมาเปิดกว้าง เพราะราคาหุ้นสามารถยืนเหนือแนวต้านสำคัญแถว 37 บาท ซึ่งมีวอลุ่มกระจุกตัวมากถึง 1 พันล้านหุ้นขึ้นมาได้แล้ว
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) PTT แม้ราคาหุ้นปรับลงจน upside เปิดกว้างเมื่อเทียบกับเป้าของ consensus แถว 58-60 บาท แต่ยังไม่น่ารีบเข้าซื้อ ทั้งแนวโน้มกำไร 2Q18 ที่ชะลอเพราะธุรกิจโรงกลั่นฉุด บวกกับความกังวลของตลาดว่าการใช้กองทุนน้ำมันตรึงราคาดีเซลและก๊าซที่จะตรึงได้ระยะเวลาหนึ่ง แต่หากราคาน้ำมันดิบในตลาดยังปรับขึ้นต่อ อาจเป็นไปได้ว่าต้องหันมาให้ ปตท. อุดหนุน เราแนะนำชะลอการลงทุน ระดับราคาก่อนขึ้นรับข่าวแตกพาร์แถว 48-49 บาท น่าจะเป็นจุดซื้อที่ปลอดภัยกว่า
(0) BGRIM ราคาหุ้นวานนี้ปรับลง 7% จากความกังวล 2 โรงไฟฟ้า (BGPR1+BGPR2) รวม 240 MW (14% ของกำลังผลิตที่มี PPA 1,700 MW) จะล่าช้าหรือเลิก หลังบริษัทขอย้ายที่ตั้งจากนิคมอุตฯ ราชบุรี ไปที่นิคมเอเชีย ซึ่งอยู่ใกล้พื้นที่ EEC และอยู่ระหว่างประสานงานกับกฟผ. เพื่อพิจารณาความพร้อมของจุดเชื่อมโยงและสายส่งไฟฟ้า และรอคำวินิจฉัยจากกกพ. ภายในสิ่นปีนี้ บริษัทยืนยันว่าไม่น่าเป็นปัญหา เนื่องจากเป็นไปตามระเบียบการรับซื้อไฟฟ้า SPP จึงไม่น่าจะมี Delay จากแผน COD ใน กลางปี 2021 มากนัก แต่กรณี Worst case หากยกเลิกจริงๆ คาดกระทบราว 4.50 บาท (เกือบเท่าราคาหุ้นที่ปรับลงอาทิตย์นี้) จากเป้าหมาย 32 บาท เป็น 27.50 บาท (ยังไม่รวมโซลาร์ฟาร์มในเวียดนาม 420 MW คาดถือหุ้น 50% สรุป 2Q18) แนะนำ ทยอยซื้อ
(-) TU แจ้งข่าวที่ US ว่าได้ไกล่เกลี่ยยอมความกับ Walmart แล้ว รวมถึงจะทยอยเจรจากับลูกค้าอื่นๆอีก 64 ราย จากคดีที่ทั้ง 65 รายได้ฟ้องร้องผู้ผลิตทูน่ากระป๋อง 3 รายใหญ่คือ Starkist Bubble bee และ TU กรณีฮั้ว ไม่ยอมลดราคาขายตอนราคาวัตถุดิบปรับลง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ TU จะต้องตั้งสำรองค่าใช้จ่ายยอมความกับลูกค้าทั้ง 65 ราย ใน 2Q18 หรือ 3Q18 ซึ่งเรายังไม่ทราบค่าใช้จ่ายที่แน่นอน แต่อาจใกล้เคียงกับดีล Bubble Bee ที่ยอมจ่ายค่าปรับให้ DOJ US$25 ล้าน หรือ 800 ลบ. แม้จะกระทบครั้งเดียว แต่เป็นลบต่อ EPS และกระแสเงินสดของทั้งปี 2018 ซึ่งอาจกระทบต่อการจ่ายปันผลต่อไป เราจึงแนะนำ ชะลอการลงทุน
(+) PCSGH เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 13 บาท (DCF, WACC 8%) ปัจจัยหนุนระยะสั้นคือการเติบโตของยอดผลิตรถยนต์ จากทั้งกำลังซื้อในประเทศที่ฟื้นตัว และการส่งออกที่กลับมาขยายตัวดี และคาดจะดีขึ้นอีกใน 2H18 จากเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่า ขณะที่ การรวมผลประกอบการจากโรงงานในยุโรป จะเริ่มตั้งแต่ 2Q18 นี้ ซึ่งผู้บริหารยังเชื่อว่าจะไม่เป็นตัวฉุดธุรกิจในไทย และการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ EV จะเริ่มใน 4Q19 ซึ่งเร็วกว่าคาดการณ์เดิม เรายังคาดกำไรสุทธิทั้งปีนี้ที่ 790 ลบ. +23% Y-Y ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PE2018 เพียง 15 เท่า ใกล้เคียงกลุ่มยานยนต์ ซึ่งเรามองว่า PCSGH ควรซื้อขายที่ PE สูงกว่า เพราะมีความสามารถในการทำกำไรดีกว่า และความเสี่ยงทางการเงินต่ำกว่า
(0) ASAP แม้เราคงมีมุมมองการเติบโตที่สดใสสำหรับธุรกิจรถเช่า และเชื่อมั่นต่อศักยภาพการเติบโตของ ASAP แต่เราปรับประมาณการลง 17% เป็น 204 ลบ. +35%Y-Y เนื่องจากการเปิดตัว ASAP Auto Park ที่ช้ากว่าประมาณการเดิม และปรับลดจำนวนการขายรถยนต์หมดสัญญาเช่าลง ปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นน่าจะเริ่มใน 2H18 ซึ่งโครงการ Auto Park จะเริ่มเปิดดำเนินงาน และการขยายกองรถเช่าที่เพิ่มขึ้น ประเมินราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 8 บาท (เดิม 8.20 บาท) คงคำแนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
25 พ.ค.- ถ้อยแถลงของประธานเฟด
24-27 พ.ค.- ไทย: Thailand Mobile Expo 2018
29 พ.ค.- สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ค.)
30 พ.ค.- ไทย: ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา กม. ลูก ส.ส.
- สหรัฐฯ: 1Q18 GDP ครั้งที่ 2
31 พ.ค.- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงาน (พ.ค.)
- MSCI Rebalance effective
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงหลังจากปธ.ทรัมป์ยกเลิกการเจรจากับเกาหลีเหนือ รวมไปถึงประเด็นการเจรจาทางการค้ากับจีนที่ดูเหมือนจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ตลาดคิด
(-) นอกเหนือจากประเด็นทางการเมืองจากสหรัฐ ตลาดหุ้นยุโรปได้ปรับฐานลงจากความกังวลเรื่องผู้นำประเทศคนใหม่ของอิตาลีที่อาจนำไปสู่การเดินหน้าออกจากสหภาพ EU
(-) Sentiment เชิงลบจากสหรัฐและยุโรปคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ให้ปรับตัวลงตาม
() ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ บริเวณ 32.00 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ปรับตัวลดลง มาอยู่บริเวณ 70.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของรัสเซียออกมาพูดว่ากลุ่ม OPEC และ พันธมิตรจะร่วมมือกันปรับสมดุล Supply ที่หายไป ในการประชุมในเดือนหน้า
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. พุ่งขึ้น มาอยู่ที่ 1,304.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากประเด็นทางการเมืองระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือกลับมามีบทบาทอีกครั้ง
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO9275