- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 24 May 2018 17:34
- Hits: 4285
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เฟดจะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย...คาด SET แกว่งแคบ
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไมมี
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index ปรับลงต่อ 7.11 จุด ปิดที่ 1753.60 จุด มูลค่าซื้อขายปานกลางที่ 64.2 พันล้านบาท มีแรงขายทำกำไร จากปัจจัยต่างประเทศคือ สงครามการค้าสหรัฐและจีนยังไม่ราบรื่น หุ้น PTT,PTTEP ปรับลงแรงเป็นตัวถ่วง กลุ่มธนาคารถูกขายทำกำไรแม้ช่วงบ่ายมีข่าวดี ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินที่มา สว.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และ รัฐจะช่วยเหลือกลุ่มทีวีดิจิตัลใช้ม.44 ในช่วงบ่าย ก็ช่วยลดแรงลบไปได้บ้าง ผู้ขายสุทธิคือนักลงทุนต่างประเทศถึง 4.9 พันลบ.และสถาบัน 1.8 พันลบ.ด้านผู้ซื้อสุทธิคือรายย่อย 4.8 พันลบ บัญชีหลักทรัพย์ 1.9 พันลบ.
แนวโน้มและกลยุทธ์–ต่างประเทศยังเป็นลบ หลังทรัมป์กลับลำว่าการเจรจาการค้ากับจีนยังไม่ราบรื่น และอาจไม่มีการประขุมกับเกาหลีเหนือ ส่วนรายละเอียดผลประชุมเฟด 1-2 พ.ค.ที่ผ่านมา ผลกระทบคือ ไม่คิดว่าเฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย คาดว่าเหมือนเดิมคือ มีโอกาสขึ้นอีกครั้ง มิ.ย.นี้ และดอลลาร์แข็งค่า หลัง PMI พ.ค.แกร่ง ข้อดีที่มีคือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทยอยปรับลดลงจนหลุด 3% สถานการณ์ในประเทศระยะนี้ปัจจัยบวกเป็นเรื่องตัวเลขส่งออก-นำเข้า เม.ย.ออกมาโตดี คาดว่าดัชนีฯมีโอกาสแกว่งตัวแคบๆ เป็น sideways down จากปัจจัยต่างประเทศที่กลับมาไม่ดีนัก ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้แกว่งแคบ ส่วนระยะกลาง-ยาวยังต้องติดตามเรื่องการกีดกันทางการค้าที่ไม่แน่นอน ได้รับปัจจัยลบจาก MSCI ถ่วงน้ำหนักไทยลดลงมีผล 31 พ.ค.61 อีกทั้งค่าเงินบาทมีความผันผวนเทียบกับดอลลาร์มาก ส่วนการเมืองไทยหลังศาลฯตีความไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็มีโอกาสเลือกตั้งได้ ก.พ.62 ตามโรดแม็ปจะเป็นบวก กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ มีแรงกระตุ้น (Catalyst) เฉพาะตัว ตามบทวิเคราะห์ DBS ได้ นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้น ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย เพือล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1740-1775 จุด
Update หุ้นเด่น : SEAFCO – คาดกำไรเริ่มเติบโตสูงตั้งแต่ 2Q61 เป็นต้นไป กำไร 1Q61 ยังไม่สูงนักเป็นเพียง 17% เทียบกับประมาณการตลอดปี 61 เนื่องจากอยู่ในช่วงการย้ายเครื่องจักรเข้าไปในโครงการ One Bangkok และรถไฟฟ้าอีกถึง 2 สายคือ สายสีส้ม และ สายสีชมพู พอมาถึง 2Q61 จึงจะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง จึงมีแนวโน้มที่ผลการดำเนินงานจะออกมาดีตั้งแต่ 2Q61 เป็นต้นไป จุดแข็งคือ ยอดขายในมือทำสถิติสูงสุดที่ 3.8 พันล้านบาท ข้อดีคือจะเป็นแหล่งรายได้ที่มากในอนาคต อัตราเติบโตกำไรเด่น ปีนี้และปีหน้าที่ 70%/20% กำหนดราคาพื้นฐาน 9.88 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นลบ แต่ความน่าจะเป็นของตลาดฯอาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนแล้วจึงปรับลงเพราะระยะกลางมีสภาวะ Overbought & Divergence ยังคอยกดดัน ซื้อเน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1760-1770, 1775 แนวตัดขาดทุน 1750 โดยมีแนวรับ 1740-1730
สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น AEONTS, WHA, BCPG, BTS, SYNTEC, SPALI ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ EGCO, SAT, IVL, KCE, GLOBAL, KBANK, BEM, THG, STAR หุ้นที่หลุด SNC, SYNEX, CPT และที่ให้หาจังหวะTake profit เป็น MACO, PYLON, GLOW
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-/• รายงานประชุมเฟด 1-2 พ.ค.61 ไม่คิดเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 1-2 พ.ค.เมื่อวานนี้ โดยนักลงทุนมองว่ารายงานดังกล่าวไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วไปกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้แล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งก็คือ มิ.ย. 61 ซึ่งเป็นการประชุมเฟดครั้งหน้า
- กลับมาดูไม่ดีนักเรื่องสหรัฐฯเจรจาการค้ากับจีน และการประชุมกับเกาหลีเหนืออาจไม่เกิดขึ้น
# เกิดความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอีกครั้ง หลังจากวานนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงใดๆกับรัฐบาลจีนในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบริษัท ZTE ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการสื่อสารของจีน โดยถ้อยแถลงดังกล่าวสวนทางกับที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลสหรัฐบรรลุข้อตกลงชั่วคราวกับรัฐบาลจีนในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบริษัท ZTE
# มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านการเมืองระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยว่า โอกาสสูงมากที่การประชุมสุดยอดระหว่างตัวเขา และนายคิม จะไม่เกิดขึ้นตามแผนการที่วางไว้ในเดือนหน้า
-ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) สหรัฐแกร่ง แต่ยุโรปกลับอ่อน
# รายงานของไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐ ต่างก็ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือน พ.ค.
# ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของกลุ่มยูโรโซน ชะลอตัวลงในเดือน พ.ค.
+/- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทยอยปรับลงต่ำกว่า 3% ดอลลาร์แข็งค่า
# อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลงอีกสู่ระดับ 2.9953% หลังไปทำยอดสูงสุดใหม่เมื่อวันพุธสัปดาห์ที่แล้วเกิน 3.1% ที่ 3.1048%
# ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่า หลังตัวเลข PMI พ.ค. ออกมาแกร่ง
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้
# ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่นักลงทุนให้ความสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์สหรัฐปรับเพิ่ม เฟดไม่น่าขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,886.81 จุด เพิ่มขึ้น 52.40 จุด หรือ +0.21% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,425.96 จุด เพิ่มขึ้น 47.50 จุด หรือ +0.64% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,733.29 จุด เพิ่มขึ้น 8.85 จุด หรือ +0.32%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 1-2 พ.ค.เมื่อวานนี้ โดยนักลงทุนมองว่ารายงานดังกล่าวไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วไปกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้แล้วก่อนหน้านี้
# ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับขึ้นดี เวลาไทย 8:26 น. -57 จุด สะท้อนข่าวลบเรื่องการเจรจากการค้าสหรัฐ-จีน
• น้ำมัน WTI ลดลง แต่ Brent ปรับขึ้น
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 71.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 79.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับลดลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมเดือนหน้า เพื่อชดเชยกับการที่อิหร่านและเวเนซุเอลาอาจลดการผลิตน้ำมัน จากการถูกสหรัฐคว่ำบาตร
• ภาวะตลาดทองคำ : ลดลง หลังดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 2.40 ดอลลาร์ หรือ 0.19% ปิดที่ 1289.60 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐ ขยายตัวสูงกว่าคาดการณ์ในเดือนพ.ค.
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นหลักทรัพย์
+/• ปัจจัยการเมือง: ศาลรัฐธรรมนูญตีความที่มา สว.ไม่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ
# ข้อดีคือจะมีผลทำให้การเลือกตั้งมีโอกาสเป็นไปตามโรดแม็ปคือ ก.พ.62
#ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนุญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ... มาตราต่างๆซึ่งเป็นบทเฉพาะกาลใช้บังคับในวาระเริ่มแรกเท่านั้น ทั้งยังเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 จึงไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 ประกอบมาตรา 269
# พร้อมกันนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ ยังได้นัดวินิจฉัยและแถลงด้วยวาจา และลงมติ ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 85 หรือไม่ ตามที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 27 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ในวันที่ 30 พ.ค.นี้
+/• คสช.ออกคำสั่ง ม.44 เป็นมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลแล้ว
# โดยมาตรการแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 คือ ส่วนของผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล ให้ทีวีดิจิทัล พักชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตได้ โดยไม่ตัดสิทธิจากการเป็นผู้รับใบอนุญาต และให้ กสทช.สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเช่าใช้โครงข่ายโทรทัศน์ประเภทที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล (MUX) เป็นจำนวนเงิน 50 % ของค่าเช่าโครงข่ายเป็นเวลา 24 เดือน
# กสทช.เปิดให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลยื่นใช้สิทธิพักชำระหนี้ค่าไลเซ่นส์วานนี้ โดยหากผู้ประกอบการเคยผ่าฝืนคำสั่งคสช.อาจจะไม่ได้รับการพิจารณา หรือแม้กระทั่งได้รับการขยายเวลาการชำระค่าธรรมเนียมแล้วแต่ฝ่าฝืนคำสั่งคสช.กสทชก็อาจจะเพิกถอนสิทธิในการชำระค่าธรรมเนียม
# วานนี้หลักทรัพย์กลุ่มนี้ ได้แก่ BEC, RS, WORK, MCOT, MONO มีแนวโน้มราคาพื้นตัวดีขึ้น หลังข่าวช่วยเหลือจากภาครัฐมีความชัดเจนมากขึ้น
+ ORI: จับมือ Fulcrum Global จากฮ่องกง เป็นตัวแทนขายลูกค้าตปท. ตั้งเป้า 3 ปี สร้างยอดขาย 1.5 หมื่นลบ.
# จากการมุ่งเดินหน้าสร้างอาณาจักรออริจิ้น (The Empire of Origin) ในปี 61 บริษัทยังมีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง จึงได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์กับบริษัท ฟัลครัม โกลบอล จำกัด (Fulcrum Global) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นานาชาติสัญชาติฮ่องกง ให้เป็นผู้ลงทุน (Investor) และผู้บริหารงานขาย (Distributor) โครงการแฟล็กชิพของออริจิ้นในตลาดต่างประเทศแต่เพียงผู้เดียว
# เป็นบวก คงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาพื้นฐาน 22.90 บาท
-BGRIM เจอตอ'กนอ.' โรงไฟฟ้า 2 แห่งสะดุด! หากย้ายที่ตั้งไม่ได้ ฉุดกำลังผลิตไฟฟ้าวูบ 240 MW
# "BGRIM" งานเข้า! แผนก่อสร้างโรงไฟฟ้า 2 โครงการ "BGPR1-BGPR2" กำลังการผลิตรวม 240 MW สะดุด พัฒนาต่อไม่ได้ ต้องยื่นขอย้ายที่ตั้งไปยังนิคมฯ ที่สมุทรปราการ แทนที่เดิมนิคมฯ วี.อาร์.เอ็ม. จ.ราชบุรี หลัง กนอ.ประกาศยุบเมื่อต้นปี 59 หากย้ายที่ตั้งใหม่ไม่ได้ ส่งผลลบกระทบกำลังการผลิตปี 64 จะหายไป 240 MW (ข่าวหุ้น)
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO9234
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไมมี
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index ปรับลงต่อ 7.11 จุด ปิดที่ 1753.60 จุด มูลค่าซื้อขายปานกลางที่ 64.2 พันล้านบาท มีแรงขายทำกำไร จากปัจจัยต่างประเทศคือ สงครามการค้าสหรัฐและจีนยังไม่ราบรื่น หุ้น PTT,PTTEP ปรับลงแรงเป็นตัวถ่วง กลุ่มธนาคารถูกขายทำกำไรแม้ช่วงบ่ายมีข่าวดี ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินที่มา สว.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และ รัฐจะช่วยเหลือกลุ่มทีวีดิจิตัลใช้ม.44 ในช่วงบ่าย ก็ช่วยลดแรงลบไปได้บ้าง ผู้ขายสุทธิคือนักลงทุนต่างประเทศถึง 4.9 พันลบ.และสถาบัน 1.8 พันลบ.ด้านผู้ซื้อสุทธิคือรายย่อย 4.8 พันลบ บัญชีหลักทรัพย์ 1.9 พันลบ.
แนวโน้มและกลยุทธ์–ต่างประเทศยังเป็นลบ หลังทรัมป์กลับลำว่าการเจรจาการค้ากับจีนยังไม่ราบรื่น และอาจไม่มีการประขุมกับเกาหลีเหนือ ส่วนรายละเอียดผลประชุมเฟด 1-2 พ.ค.ที่ผ่านมา ผลกระทบคือ ไม่คิดว่าเฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย คาดว่าเหมือนเดิมคือ มีโอกาสขึ้นอีกครั้ง มิ.ย.นี้ และดอลลาร์แข็งค่า หลัง PMI พ.ค.แกร่ง ข้อดีที่มีคือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทยอยปรับลดลงจนหลุด 3% สถานการณ์ในประเทศระยะนี้ปัจจัยบวกเป็นเรื่องตัวเลขส่งออก-นำเข้า เม.ย.ออกมาโตดี คาดว่าดัชนีฯมีโอกาสแกว่งตัวแคบๆ เป็น sideways down จากปัจจัยต่างประเทศที่กลับมาไม่ดีนัก ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้แกว่งแคบ ส่วนระยะกลาง-ยาวยังต้องติดตามเรื่องการกีดกันทางการค้าที่ไม่แน่นอน ได้รับปัจจัยลบจาก MSCI ถ่วงน้ำหนักไทยลดลงมีผล 31 พ.ค.61 อีกทั้งค่าเงินบาทมีความผันผวนเทียบกับดอลลาร์มาก ส่วนการเมืองไทยหลังศาลฯตีความไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็มีโอกาสเลือกตั้งได้ ก.พ.62 ตามโรดแม็ปจะเป็นบวก กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ มีแรงกระตุ้น (Catalyst) เฉพาะตัว ตามบทวิเคราะห์ DBS ได้ นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้น ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย เพือล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1740-1775 จุด
Update หุ้นเด่น : SEAFCO – คาดกำไรเริ่มเติบโตสูงตั้งแต่ 2Q61 เป็นต้นไป กำไร 1Q61 ยังไม่สูงนักเป็นเพียง 17% เทียบกับประมาณการตลอดปี 61 เนื่องจากอยู่ในช่วงการย้ายเครื่องจักรเข้าไปในโครงการ One Bangkok และรถไฟฟ้าอีกถึง 2 สายคือ สายสีส้ม และ สายสีชมพู พอมาถึง 2Q61 จึงจะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง จึงมีแนวโน้มที่ผลการดำเนินงานจะออกมาดีตั้งแต่ 2Q61 เป็นต้นไป จุดแข็งคือ ยอดขายในมือทำสถิติสูงสุดที่ 3.8 พันล้านบาท ข้อดีคือจะเป็นแหล่งรายได้ที่มากในอนาคต อัตราเติบโตกำไรเด่น ปีนี้และปีหน้าที่ 70%/20% กำหนดราคาพื้นฐาน 9.88 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นลบ แต่ความน่าจะเป็นของตลาดฯอาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนแล้วจึงปรับลงเพราะระยะกลางมีสภาวะ Overbought & Divergence ยังคอยกดดัน ซื้อเน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1760-1770, 1775 แนวตัดขาดทุน 1750 โดยมีแนวรับ 1740-1730
สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น AEONTS, WHA, BCPG, BTS, SYNTEC, SPALI ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ EGCO, SAT, IVL, KCE, GLOBAL, KBANK, BEM, THG, STAR หุ้นที่หลุด SNC, SYNEX, CPT และที่ให้หาจังหวะTake profit เป็น MACO, PYLON, GLOW
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-/• รายงานประชุมเฟด 1-2 พ.ค.61 ไม่คิดเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 1-2 พ.ค.เมื่อวานนี้ โดยนักลงทุนมองว่ารายงานดังกล่าวไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วไปกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้แล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งก็คือ มิ.ย. 61 ซึ่งเป็นการประชุมเฟดครั้งหน้า
- กลับมาดูไม่ดีนักเรื่องสหรัฐฯเจรจาการค้ากับจีน และการประชุมกับเกาหลีเหนืออาจไม่เกิดขึ้น
# เกิดความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอีกครั้ง หลังจากวานนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงใดๆกับรัฐบาลจีนในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบริษัท ZTE ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการสื่อสารของจีน โดยถ้อยแถลงดังกล่าวสวนทางกับที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลสหรัฐบรรลุข้อตกลงชั่วคราวกับรัฐบาลจีนในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบริษัท ZTE
# มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านการเมืองระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยว่า โอกาสสูงมากที่การประชุมสุดยอดระหว่างตัวเขา และนายคิม จะไม่เกิดขึ้นตามแผนการที่วางไว้ในเดือนหน้า
-ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) สหรัฐแกร่ง แต่ยุโรปกลับอ่อน
# รายงานของไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐ ต่างก็ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือน พ.ค.
# ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของกลุ่มยูโรโซน ชะลอตัวลงในเดือน พ.ค.
+/- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทยอยปรับลงต่ำกว่า 3% ดอลลาร์แข็งค่า
# อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลงอีกสู่ระดับ 2.9953% หลังไปทำยอดสูงสุดใหม่เมื่อวันพุธสัปดาห์ที่แล้วเกิน 3.1% ที่ 3.1048%
# ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่า หลังตัวเลข PMI พ.ค. ออกมาแกร่ง
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้
# ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่นักลงทุนให้ความสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์สหรัฐปรับเพิ่ม เฟดไม่น่าขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,886.81 จุด เพิ่มขึ้น 52.40 จุด หรือ +0.21% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,425.96 จุด เพิ่มขึ้น 47.50 จุด หรือ +0.64% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,733.29 จุด เพิ่มขึ้น 8.85 จุด หรือ +0.32%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 1-2 พ.ค.เมื่อวานนี้ โดยนักลงทุนมองว่ารายงานดังกล่าวไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วไปกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้แล้วก่อนหน้านี้
# ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับขึ้นดี เวลาไทย 8:26 น. -57 จุด สะท้อนข่าวลบเรื่องการเจรจากการค้าสหรัฐ-จีน
• น้ำมัน WTI ลดลง แต่ Brent ปรับขึ้น
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 71.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 79.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับลดลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมเดือนหน้า เพื่อชดเชยกับการที่อิหร่านและเวเนซุเอลาอาจลดการผลิตน้ำมัน จากการถูกสหรัฐคว่ำบาตร
• ภาวะตลาดทองคำ : ลดลง หลังดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 2.40 ดอลลาร์ หรือ 0.19% ปิดที่ 1289.60 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐ ขยายตัวสูงกว่าคาดการณ์ในเดือนพ.ค.
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นหลักทรัพย์
+/• ปัจจัยการเมือง: ศาลรัฐธรรมนูญตีความที่มา สว.ไม่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ
# ข้อดีคือจะมีผลทำให้การเลือกตั้งมีโอกาสเป็นไปตามโรดแม็ปคือ ก.พ.62
#ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนุญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ... มาตราต่างๆซึ่งเป็นบทเฉพาะกาลใช้บังคับในวาระเริ่มแรกเท่านั้น ทั้งยังเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 จึงไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 ประกอบมาตรา 269
# พร้อมกันนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ ยังได้นัดวินิจฉัยและแถลงด้วยวาจา และลงมติ ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 85 หรือไม่ ตามที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 27 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ในวันที่ 30 พ.ค.นี้
+/• คสช.ออกคำสั่ง ม.44 เป็นมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลแล้ว
# โดยมาตรการแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 คือ ส่วนของผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล ให้ทีวีดิจิทัล พักชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตได้ โดยไม่ตัดสิทธิจากการเป็นผู้รับใบอนุญาต และให้ กสทช.สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเช่าใช้โครงข่ายโทรทัศน์ประเภทที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล (MUX) เป็นจำนวนเงิน 50 % ของค่าเช่าโครงข่ายเป็นเวลา 24 เดือน
# กสทช.เปิดให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลยื่นใช้สิทธิพักชำระหนี้ค่าไลเซ่นส์วานนี้ โดยหากผู้ประกอบการเคยผ่าฝืนคำสั่งคสช.อาจจะไม่ได้รับการพิจารณา หรือแม้กระทั่งได้รับการขยายเวลาการชำระค่าธรรมเนียมแล้วแต่ฝ่าฝืนคำสั่งคสช.กสทชก็อาจจะเพิกถอนสิทธิในการชำระค่าธรรมเนียม
# วานนี้หลักทรัพย์กลุ่มนี้ ได้แก่ BEC, RS, WORK, MCOT, MONO มีแนวโน้มราคาพื้นตัวดีขึ้น หลังข่าวช่วยเหลือจากภาครัฐมีความชัดเจนมากขึ้น
+ ORI: จับมือ Fulcrum Global จากฮ่องกง เป็นตัวแทนขายลูกค้าตปท. ตั้งเป้า 3 ปี สร้างยอดขาย 1.5 หมื่นลบ.
# จากการมุ่งเดินหน้าสร้างอาณาจักรออริจิ้น (The Empire of Origin) ในปี 61 บริษัทยังมีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง จึงได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์กับบริษัท ฟัลครัม โกลบอล จำกัด (Fulcrum Global) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นานาชาติสัญชาติฮ่องกง ให้เป็นผู้ลงทุน (Investor) และผู้บริหารงานขาย (Distributor) โครงการแฟล็กชิพของออริจิ้นในตลาดต่างประเทศแต่เพียงผู้เดียว
# เป็นบวก คงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาพื้นฐาน 22.90 บาท
-BGRIM เจอตอ'กนอ.' โรงไฟฟ้า 2 แห่งสะดุด! หากย้ายที่ตั้งไม่ได้ ฉุดกำลังผลิตไฟฟ้าวูบ 240 MW
# "BGRIM" งานเข้า! แผนก่อสร้างโรงไฟฟ้า 2 โครงการ "BGPR1-BGPR2" กำลังการผลิตรวม 240 MW สะดุด พัฒนาต่อไม่ได้ ต้องยื่นขอย้ายที่ตั้งไปยังนิคมฯ ที่สมุทรปราการ แทนที่เดิมนิคมฯ วี.อาร์.เอ็ม. จ.ราชบุรี หลัง กนอ.ประกาศยุบเมื่อต้นปี 59 หากย้ายที่ตั้งใหม่ไม่ได้ ส่งผลลบกระทบกำลังการผลิตปี 64 จะหายไป 240 MW (ข่าวหุ้น)
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO9234