- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 24 May 2018 17:33
- Hits: 5332
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Summary 23/05/2018
Market Summary 23/05/2018
Close 1,753.60 Volume Bt64210M
Change -7.11 P/E 17.92
%Change -0.40% P/BV 2.00
Change -7.11 P/E 17.92
%Change -0.40% P/BV 2.00
หุ้นแนะนำพิเศษ
VGI Analyst Meeting (ราคาปิด 8.40 บาท Bloomberg Consensus 7.76)
รายงานกำไรปี 18 (สิ้นสุด 31/3/61) ที่ 964 ล้านบาท +28%YoY มีรายได้อยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท +29%YoY โดยมีรายได้หลักจากสื่อรถไฟฟ้า นอกบ้าน อาคารสำนักงาน และดิจิตอล ในสัดส่วน 57% 24% 9% และ 10% ตามลำดับ) ขณะที่ GP เพิ่มขึ้นจาก 58% สู่ 61% ในปี 18 เนื่องจากการปรับเพิ่มส่วนแบ่งรายได้ค่าโฆษณากับ BTS ด้านค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มสูงขึ้นจากการซื้อหุ้น MACO ในสัดส่วน 30.38% จึงทำให้กำไรสุทธิเติบช้ากว่ารายได้
บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 21 อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท หลังจากซื้อหุ้น Kerry express ประเทศไทยสัดส่วน 23% มูลค่า 5.9 พันล้านบนาท คาดว่าจะช่วยหนุนรายได้จากการทำธุรกรรม Offline to Online (O2O) เพิ่มขึ้น และมีแผนให้ MACO ขยายธุรกิจไปต่างประเทศเพิ่มเติม จากที่ปัจจุบัน VGI ได้ขยายธุรกิจไปยังมาเลเซียและอินโดนีเซียแล้ว
ความเห็น บริษัทมีกลยุทธ์กาขยายธุรกิจเชิงรุก แต่ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ PE สูงถึง 71 เท่าซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีที่ 64 เท่า อีกทั้งคาดว่าจะได้รับผลจากการ Dilution effect จากการใช้สิทธิ์ของ Warrant 1 อีก 23.5% ส่งผลให้แม้ผลประกอบการจะเติบแต่คาดว่า PE ของ VGI จะทรงตัวในระดับสูงจึงแนะนำเพียง “เก็งกำไร”
Market View : Selective buy
หุ้นแนะนำพิเศษ : VGI
หุ้นมีข่าว : ASIAN CPN ORI
Technical Insight : GLAND IVL
Set Index วานนี้ อ่อนตัวผันผวนในแดนลบก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมาช่วงท้าย ตลาดฯ ภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ผ่านกฎหมายลูก ส.ว. แต่ยังคงอยู่ในแดนลบจากการรอติดตามมติกฎหมาย ส.ส. ในวันพุธที่ 31 พ.ค. 61 โดยกลุ่ม ENERG ยังคงกดดันตลาดหลักหลังราคาน้ำมันอ่อนตัว ส่วน PROP มาชดชเยเล็กน้อย ทำให้ SET Index ปิดที่ 1,753.60 จุด (-7.11 จุด) Volume 6.42 หมื่นลบ. ทั้งนี้เป็น Foreign Net -4,944.17 ลบ. TFEX Net -12,425 สัญญา ตราสารหนี้ +5,922.32 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นหลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมเดือนก่อน โดยนักลงทุนมองว่ารายงานดังกล่าวไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วกว่าคาด
+รายงานประชุมชี้กรรมการเฟดเห็นพ้องควรปรับขึ้นดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจขยายตัวสอดคล้องคาดการณ์
+ศาล รธน.ลงมติวินิจฉัยร่าง กม.ที่มา ส.ว.ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ-นัดลงมติกม.ลูกส.ส. 30 พ.ค.
+ดัชนีภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 55.7 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
-น้ำมันปรับตัวลงหลังสต๊อกน้ำมันสหรัฐปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่คาดไว้
-ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐลดลง 1.5% ในเดือนเม.ย.
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 1.09 แสนล้านบาท เงินบาทอยู่ที่ 32.06 บาท/USD
ภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้นหลังเฟดเผยรายงานการประชุมระบุซึ่งนักลงทุนมองว่าเฟดจะปรับข้นอัตราดอกเบี้ยตามแผนเดิม และดัชนีได้รับแรงหนุนจากศาลรัฐธรรมนูยผ่านร่างกม.สว.ทำให้การเลือกตั้งเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น อย่างไรก็ตามเงินบาทที่อ่อนค่าและนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะขายอย่างต่อเนื่องคอยกดดันดัชนี คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,745-1,763 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
-NYT ยอดส่งออกรถยนต์โต 5.29% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6
- เดือนก.ค.รัฐปรับเพิ่ม B7 เป็น B20 GGC EA BCP PTG
- หุ้นที่ Laggard ดัชนี CPF CK STEC UNIQ BJC
- JUBILE ATP30 AGE XO SSP TPCH หุ้น MAI ที่คาดว่ากำไรปี 61 เติบโต
- BANPU ราคาถ่านหินทรงตัวในระดับสูง 104$/Ton
- หุ้น EEC Play ได้แก่ WHA AMATA EASTW ATP30 ORI
- ภาครัฐฯใช้ม.44 บรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลบวกต่อ BEC WORK MONO RS
หุ้นมีข่าว
ASIAN (ราคาปิด 6.00 บาท Bloomberg Consensus 10 บาท)
จาก Analyst Meeting ผู้บริหารชี้แจงสาเหตุกำไร 1Q61 หดตัวกว่า 75%QoQ เกิดจาก ธุรกิจ Frozen และ Tuna ได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบผันผวน อาทิ ปลาหมึก กุ้งและปลา Sillago และปลาทูน่า แต่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ยังเติบโตต่อเนื่องหลังยังสามารถเพิ่มยอดขายในกลุ่ม Premium ใหม่ๆได้ แต่เป็นธุรกิจเดียวที่ได้รับผลกระทบจาก FX สู่กำไรขั้นต้น ส่งผลต่อ GPM รวมราว 1 – 2% เมื่อบวกกับราคาวัตถุดิบที่ผันผวน ทำให้ GPM ลดลงจาก 13% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มาที่ 6%
Outlook 2Q61 น่าจะยังเผชิญแรงกดดันจากราคาวัตถุดิบผันผวนสำหรับ ปลาหมึก กุ้ง และทูน่า แม้ได้รับการชดเชยบางส่วนจากเงินบาทที่อ่อน แต่ช่วงครึ่งปีหลังน่าจะได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัยทั้ง 1) มีแผนการควบคุมต้นทุน (Cost Rationalization) สำหรับโรงงงานที่ยังไม่ได้ใช้อัตรากำลังการผลิตอย่างเต็มที่ 2) เปิดตัวอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกระดับ Premium เป็น Own Brand ตัวแรก คือ“Maria” ภายใต้บริษัท JV ชื่อ “Interpetrina”(ถือหุ้น 40%) และ 3) การเข้าสู่ช่วง High Season ของอาหารแช่แข็ง ทูน่า และอาหารสัตว์
ความเห็น คาดกำไรงวด 2Q61 ยังตกต่ำ YoY เนื่องจากราคาปลาหมึกยังทรงตัวสูง ขณะที่บริษัทยังอยู่ระหว่างการหา Supplier รายอื่นจากปัจจุบันที่พึ่งพาน้อยราย ส่วน 3Q61 เป็นต้นไปมีโอกาสพลิกฟื้นจากทั้ง อาหารสัตว์เลี้ยงใหม่ High Season และลดต้นทุน อาจทำให้ผลประกอบการตามเป้าหมาย คือ รายได้ปี 61 เติบโต 8 – 9%YoY (1Q61 อ่อนตัว 5.9%YoY) และ GPM ที่ 10 – 10.5% (1Q61 ที่ 6%) โดยรวมแม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะมี Current PER ที่ 9.5 เท่า แต่แนะนำรอผ่านช่วงกำไรตกต่ำ และราคาวัตถุดิบเอื้อบริษัทมากกว่านี้ก่อนถึงเข้าลงทุน
CPN (ราคาปิด 77.5 Bloomberg Consensus 89.17) ตั้งงบลงทุน 5 ปี 1 แสนล้านบาทสร้าง New Landscape 5 โครงการทั้งใน-ตปท.ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ โฉมใหม่ เซ็นทรัล ภูเก็ต เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ มาเลเซีย เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา และเซ็นทรัล วิลเลจ บริษัทตั้งเป้ารายได้ไนช่วง 5 ปี (ปี 61-65) เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 13% ต่อปี ส่วนปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จากปีก่อน ตั้งเป้าพัฒนาโครงการใหม่ปีละ 2 โครงการในรูปแบบมิกซ์ยูสซึ่งมีทั้งศูนย์การค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน และที่อยู่อาศัย เพื่อให้โครงการเป็นมากกว่า Shopping Center ตั้งเป้าภายในปี 65 มีพื้นที่เช่า 2.2 ล้านตร.ม.จากปัจจุบัน 1.6 ล้านตร.ม. ศึกษาลงทุนพัฒนาศูนย์การค้าในเวียดนามตั้งงบ 3-6 พันลบ.คาดบรรจุในแผน 5 ปี และสนใจร่วมประมูลพัฒนาพื้นที่ 32 ไร่ในสถานีกลางบางซื่อแปลง A มูลค่าลงทุนกว่า 1 หมื่นลบ.รอความชัดเจน TOR
ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของรายได้และผลการดำเนินงานในอนาคต Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ราว 1.24 หมื่นลบ. +26% จากกำไรปกติ ในปี 60 ที่ 9,893 ลบ. ซึ่งไม่รวมรายการพิเศษ และคาดการณ์กำไร 2Q61 ที่ 3,006 ลบ. +20 %YoY จากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นกว่า30% จากการเปิดตัวIKEA บางใหญ่ที่เซ็นทรัลเวสต์เกต ช่วงมี.ค. การเปิดบริการของเซ็นทรัลพระราม 3 หลังปิดปรับปรุง ทำให้อัตราเช่าพื้นที่เพิ่มเป็น 88% จาก 82% ในปี 60 ประกอบกับจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมราว 1,000 ลบ.
ORI (ราคาปิด 19.9 Bloomberg Consensus 23.6) จับมือกับบจ.ฟัลครัม โกลบอล(Fulcrum Global) สัญชาติฮ่องกงบริหารงานขายโครงการของออริจิ้นในตลาดต่างประเทศแต่เพียงผู้เดียว ตั้งเป้ายอดขายในตลาดต่างประเทศ 4 พันล้านบาทในปี 61 หรือมีสัดส่วน 20-25% ของยอดขายรวมภายในปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วน 15% ของยอดขายรวม อนาคตมีแผนเปิดสำนักงานออริจิ้นสาขาฮ่องกงมีห้องตัวอย่างให้ลูกค้าได้ชม
+BCPG (ราคาปิด 20.1 บาท Bloomberg Consensus19.5 ) ขายโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น 2 แห่ง กำลังผลิต 27.6 MW ให้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน คาดมูลค่า 3.2 พันลบ.
+PTTGC (ราคาปิด 95.50 บาท Bloomberg Consensus 108.98)เดินเครื่องกำลังการผลิตเต็มสูญ ดันรายได้ปีนี้ดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 4.48 แสนล้านบาท หลังราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นที่ระดับ 60-65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล พร้อมทุ่มงบลงทุน 1.3 แสนล้านบาท ขยายปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ 3 โครงการ ในพื้นที่ EEC ซุ่มเจรจาพันธมิตรญี่ปุ่นร่วมทุน คาดได้ข้อสรุปปลายปี 2562 (ที่มาทันหุ้น)
+PTTEP (ราคาปิด 144.5 บาท Bloomberg Consensus 135.47) เดินเกมกินรวบถือหุ้นในแหล่งก๊าซบงกชเพิ่ม 22% หวังดันปริมาณการขายเพิ่มเป็น 1.7 หมื่นบาร์เรลต่อวัน เล็งซื้อกิจการในประเทศบราซิล-เม็กซิโก ตั้งเป้าปริมาณการขายปีนี้แตะ 3 แสนบาร์เรลต่อวัน คาด EBITDA Margin ปี 2561 ที่ 70-75% (ที่มาทันหุ้น)
- BGRIM (ราคาปิด 27 บาท Bloomberg Consensus 31.43) แผนก่อสร้างโรงไฟฟ้า 2 โครงการ “BGPR1-BGPR2” กำลังการผลิตรวม 240 MW สะดุด พัฒนาต่อไม่ได้ ต้องยื่นขอย้ายที่ตั้งไปยังนิคมฯ ที่สมุทรปราการ แทนที่เดิมนิคมฯ วี.อาร์.เอ็ม. จ.ราชบุรี หลัง กนอ.ประกาศยุบเมื่อต้นปี 59 หากย้ายที่ตั้งใหม่ไม่ได้ ส่งผลลบกระทบกำลังการผลิตปี 64 จะหายไป 240 MW (ที่มาข่าวหุ้น)
ตลท.อนุมัติย้าย NVD จากตลาด mai เข้าซื้อขายใน SET เริ่ม 24 พ.ค.61 เป็นต้นไป การคำนวณ Ceiling & Floor ของหลักทรัพย์ NVD ให้ใช้ราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นฐานในการคำนวณ Ceiling & Floor ตามปกติ ทั้งนี้ NVD ดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจรับก่อสร้างบ้าน และ ธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ รั้วสำเร็จรูป และอลูมิเนียมสำเร็จรูป
VGI Analyst Meeting (ราคาปิด 8.40 บาท Bloomberg Consensus 7.76)
รายงานกำไรปี 18 (สิ้นสุด 31/3/61) ที่ 964 ล้านบาท +28%YoY มีรายได้อยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท +29%YoY โดยมีรายได้หลักจากสื่อรถไฟฟ้า นอกบ้าน อาคารสำนักงาน และดิจิตอล ในสัดส่วน 57% 24% 9% และ 10% ตามลำดับ) ขณะที่ GP เพิ่มขึ้นจาก 58% สู่ 61% ในปี 18 เนื่องจากการปรับเพิ่มส่วนแบ่งรายได้ค่าโฆษณากับ BTS ด้านค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มสูงขึ้นจากการซื้อหุ้น MACO ในสัดส่วน 30.38% จึงทำให้กำไรสุทธิเติบช้ากว่ารายได้
บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 21 อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท หลังจากซื้อหุ้น Kerry express ประเทศไทยสัดส่วน 23% มูลค่า 5.9 พันล้านบนาท คาดว่าจะช่วยหนุนรายได้จากการทำธุรกรรม Offline to Online (O2O) เพิ่มขึ้น และมีแผนให้ MACO ขยายธุรกิจไปต่างประเทศเพิ่มเติม จากที่ปัจจุบัน VGI ได้ขยายธุรกิจไปยังมาเลเซียและอินโดนีเซียแล้ว
ความเห็น บริษัทมีกลยุทธ์กาขยายธุรกิจเชิงรุก แต่ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ PE สูงถึง 71 เท่าซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีที่ 64 เท่า อีกทั้งคาดว่าจะได้รับผลจากการ Dilution effect จากการใช้สิทธิ์ของ Warrant 1 อีก 23.5% ส่งผลให้แม้ผลประกอบการจะเติบแต่คาดว่า PE ของ VGI จะทรงตัวในระดับสูงจึงแนะนำเพียง “เก็งกำไร”
Market View : Selective buy
หุ้นแนะนำพิเศษ : VGI
หุ้นมีข่าว : ASIAN CPN ORI
Technical Insight : GLAND IVL
Set Index วานนี้ อ่อนตัวผันผวนในแดนลบก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมาช่วงท้าย ตลาดฯ ภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ผ่านกฎหมายลูก ส.ว. แต่ยังคงอยู่ในแดนลบจากการรอติดตามมติกฎหมาย ส.ส. ในวันพุธที่ 31 พ.ค. 61 โดยกลุ่ม ENERG ยังคงกดดันตลาดหลักหลังราคาน้ำมันอ่อนตัว ส่วน PROP มาชดชเยเล็กน้อย ทำให้ SET Index ปิดที่ 1,753.60 จุด (-7.11 จุด) Volume 6.42 หมื่นลบ. ทั้งนี้เป็น Foreign Net -4,944.17 ลบ. TFEX Net -12,425 สัญญา ตราสารหนี้ +5,922.32 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นหลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมเดือนก่อน โดยนักลงทุนมองว่ารายงานดังกล่าวไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วกว่าคาด
+รายงานประชุมชี้กรรมการเฟดเห็นพ้องควรปรับขึ้นดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจขยายตัวสอดคล้องคาดการณ์
+ศาล รธน.ลงมติวินิจฉัยร่าง กม.ที่มา ส.ว.ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ-นัดลงมติกม.ลูกส.ส. 30 พ.ค.
+ดัชนีภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 55.7 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
-น้ำมันปรับตัวลงหลังสต๊อกน้ำมันสหรัฐปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่คาดไว้
-ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐลดลง 1.5% ในเดือนเม.ย.
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 1.09 แสนล้านบาท เงินบาทอยู่ที่ 32.06 บาท/USD
ภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้นหลังเฟดเผยรายงานการประชุมระบุซึ่งนักลงทุนมองว่าเฟดจะปรับข้นอัตราดอกเบี้ยตามแผนเดิม และดัชนีได้รับแรงหนุนจากศาลรัฐธรรมนูยผ่านร่างกม.สว.ทำให้การเลือกตั้งเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น อย่างไรก็ตามเงินบาทที่อ่อนค่าและนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะขายอย่างต่อเนื่องคอยกดดันดัชนี คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,745-1,763 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
-NYT ยอดส่งออกรถยนต์โต 5.29% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6
- เดือนก.ค.รัฐปรับเพิ่ม B7 เป็น B20 GGC EA BCP PTG
- หุ้นที่ Laggard ดัชนี CPF CK STEC UNIQ BJC
- JUBILE ATP30 AGE XO SSP TPCH หุ้น MAI ที่คาดว่ากำไรปี 61 เติบโต
- BANPU ราคาถ่านหินทรงตัวในระดับสูง 104$/Ton
- หุ้น EEC Play ได้แก่ WHA AMATA EASTW ATP30 ORI
- ภาครัฐฯใช้ม.44 บรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลบวกต่อ BEC WORK MONO RS
หุ้นมีข่าว
ASIAN (ราคาปิด 6.00 บาท Bloomberg Consensus 10 บาท)
จาก Analyst Meeting ผู้บริหารชี้แจงสาเหตุกำไร 1Q61 หดตัวกว่า 75%QoQ เกิดจาก ธุรกิจ Frozen และ Tuna ได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบผันผวน อาทิ ปลาหมึก กุ้งและปลา Sillago และปลาทูน่า แต่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ยังเติบโตต่อเนื่องหลังยังสามารถเพิ่มยอดขายในกลุ่ม Premium ใหม่ๆได้ แต่เป็นธุรกิจเดียวที่ได้รับผลกระทบจาก FX สู่กำไรขั้นต้น ส่งผลต่อ GPM รวมราว 1 – 2% เมื่อบวกกับราคาวัตถุดิบที่ผันผวน ทำให้ GPM ลดลงจาก 13% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มาที่ 6%
Outlook 2Q61 น่าจะยังเผชิญแรงกดดันจากราคาวัตถุดิบผันผวนสำหรับ ปลาหมึก กุ้ง และทูน่า แม้ได้รับการชดเชยบางส่วนจากเงินบาทที่อ่อน แต่ช่วงครึ่งปีหลังน่าจะได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัยทั้ง 1) มีแผนการควบคุมต้นทุน (Cost Rationalization) สำหรับโรงงงานที่ยังไม่ได้ใช้อัตรากำลังการผลิตอย่างเต็มที่ 2) เปิดตัวอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกระดับ Premium เป็น Own Brand ตัวแรก คือ“Maria” ภายใต้บริษัท JV ชื่อ “Interpetrina”(ถือหุ้น 40%) และ 3) การเข้าสู่ช่วง High Season ของอาหารแช่แข็ง ทูน่า และอาหารสัตว์
ความเห็น คาดกำไรงวด 2Q61 ยังตกต่ำ YoY เนื่องจากราคาปลาหมึกยังทรงตัวสูง ขณะที่บริษัทยังอยู่ระหว่างการหา Supplier รายอื่นจากปัจจุบันที่พึ่งพาน้อยราย ส่วน 3Q61 เป็นต้นไปมีโอกาสพลิกฟื้นจากทั้ง อาหารสัตว์เลี้ยงใหม่ High Season และลดต้นทุน อาจทำให้ผลประกอบการตามเป้าหมาย คือ รายได้ปี 61 เติบโต 8 – 9%YoY (1Q61 อ่อนตัว 5.9%YoY) และ GPM ที่ 10 – 10.5% (1Q61 ที่ 6%) โดยรวมแม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะมี Current PER ที่ 9.5 เท่า แต่แนะนำรอผ่านช่วงกำไรตกต่ำ และราคาวัตถุดิบเอื้อบริษัทมากกว่านี้ก่อนถึงเข้าลงทุน
CPN (ราคาปิด 77.5 Bloomberg Consensus 89.17) ตั้งงบลงทุน 5 ปี 1 แสนล้านบาทสร้าง New Landscape 5 โครงการทั้งใน-ตปท.ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ โฉมใหม่ เซ็นทรัล ภูเก็ต เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ มาเลเซีย เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา และเซ็นทรัล วิลเลจ บริษัทตั้งเป้ารายได้ไนช่วง 5 ปี (ปี 61-65) เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 13% ต่อปี ส่วนปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จากปีก่อน ตั้งเป้าพัฒนาโครงการใหม่ปีละ 2 โครงการในรูปแบบมิกซ์ยูสซึ่งมีทั้งศูนย์การค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน และที่อยู่อาศัย เพื่อให้โครงการเป็นมากกว่า Shopping Center ตั้งเป้าภายในปี 65 มีพื้นที่เช่า 2.2 ล้านตร.ม.จากปัจจุบัน 1.6 ล้านตร.ม. ศึกษาลงทุนพัฒนาศูนย์การค้าในเวียดนามตั้งงบ 3-6 พันลบ.คาดบรรจุในแผน 5 ปี และสนใจร่วมประมูลพัฒนาพื้นที่ 32 ไร่ในสถานีกลางบางซื่อแปลง A มูลค่าลงทุนกว่า 1 หมื่นลบ.รอความชัดเจน TOR
ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของรายได้และผลการดำเนินงานในอนาคต Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ราว 1.24 หมื่นลบ. +26% จากกำไรปกติ ในปี 60 ที่ 9,893 ลบ. ซึ่งไม่รวมรายการพิเศษ และคาดการณ์กำไร 2Q61 ที่ 3,006 ลบ. +20 %YoY จากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นกว่า30% จากการเปิดตัวIKEA บางใหญ่ที่เซ็นทรัลเวสต์เกต ช่วงมี.ค. การเปิดบริการของเซ็นทรัลพระราม 3 หลังปิดปรับปรุง ทำให้อัตราเช่าพื้นที่เพิ่มเป็น 88% จาก 82% ในปี 60 ประกอบกับจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมราว 1,000 ลบ.
ORI (ราคาปิด 19.9 Bloomberg Consensus 23.6) จับมือกับบจ.ฟัลครัม โกลบอล(Fulcrum Global) สัญชาติฮ่องกงบริหารงานขายโครงการของออริจิ้นในตลาดต่างประเทศแต่เพียงผู้เดียว ตั้งเป้ายอดขายในตลาดต่างประเทศ 4 พันล้านบาทในปี 61 หรือมีสัดส่วน 20-25% ของยอดขายรวมภายในปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วน 15% ของยอดขายรวม อนาคตมีแผนเปิดสำนักงานออริจิ้นสาขาฮ่องกงมีห้องตัวอย่างให้ลูกค้าได้ชม
+BCPG (ราคาปิด 20.1 บาท Bloomberg Consensus19.5 ) ขายโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น 2 แห่ง กำลังผลิต 27.6 MW ให้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน คาดมูลค่า 3.2 พันลบ.
+PTTGC (ราคาปิด 95.50 บาท Bloomberg Consensus 108.98)เดินเครื่องกำลังการผลิตเต็มสูญ ดันรายได้ปีนี้ดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 4.48 แสนล้านบาท หลังราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นที่ระดับ 60-65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล พร้อมทุ่มงบลงทุน 1.3 แสนล้านบาท ขยายปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ 3 โครงการ ในพื้นที่ EEC ซุ่มเจรจาพันธมิตรญี่ปุ่นร่วมทุน คาดได้ข้อสรุปปลายปี 2562 (ที่มาทันหุ้น)
+PTTEP (ราคาปิด 144.5 บาท Bloomberg Consensus 135.47) เดินเกมกินรวบถือหุ้นในแหล่งก๊าซบงกชเพิ่ม 22% หวังดันปริมาณการขายเพิ่มเป็น 1.7 หมื่นบาร์เรลต่อวัน เล็งซื้อกิจการในประเทศบราซิล-เม็กซิโก ตั้งเป้าปริมาณการขายปีนี้แตะ 3 แสนบาร์เรลต่อวัน คาด EBITDA Margin ปี 2561 ที่ 70-75% (ที่มาทันหุ้น)
- BGRIM (ราคาปิด 27 บาท Bloomberg Consensus 31.43) แผนก่อสร้างโรงไฟฟ้า 2 โครงการ “BGPR1-BGPR2” กำลังการผลิตรวม 240 MW สะดุด พัฒนาต่อไม่ได้ ต้องยื่นขอย้ายที่ตั้งไปยังนิคมฯ ที่สมุทรปราการ แทนที่เดิมนิคมฯ วี.อาร์.เอ็ม. จ.ราชบุรี หลัง กนอ.ประกาศยุบเมื่อต้นปี 59 หากย้ายที่ตั้งใหม่ไม่ได้ ส่งผลลบกระทบกำลังการผลิตปี 64 จะหายไป 240 MW (ที่มาข่าวหุ้น)
ตลท.อนุมัติย้าย NVD จากตลาด mai เข้าซื้อขายใน SET เริ่ม 24 พ.ค.61 เป็นต้นไป การคำนวณ Ceiling & Floor ของหลักทรัพย์ NVD ให้ใช้ราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นฐานในการคำนวณ Ceiling & Floor ตามปกติ ทั้งนี้ NVD ดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจรับก่อสร้างบ้าน และ ธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ รั้วสำเร็จรูป และอลูมิเนียมสำเร็จรูป
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO9231
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO9231