- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 23 May 2018 18:50
- Hits: 813
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections >> CK, GLOBAL, GOLD
Stock S R Comment
CK 25.00 26.00 Backlog ในมือ 7.8 หมื่นล้านบาท ยังมีลุ้นประมูลงานเพิ่มอีก 3 โครงการ
GLOBAL 26.50 17.10 คาด 2Q61 มี SSSG บวก 3% บุกตลาด CLMV เพิ่มยอดขาย
GOLD 10.20 11.00 ลุยเปิด 34 โครงการหนุน Presales แถมยอด Backlog รอโอนอีก 5.0 พันล้านบาท
Judgement day
Politics : ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ต้องติดตามในวันนี้ได้แก่การชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญว่าร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.มีความขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งเราประเมินว่า
1) ในกรณีฐาน หากศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า "ไม่ขัดแย้ง" คาดจะเป็นเพียง Sentiment เชิงบวกต่อ SET Index ในระยะสั้น และจะไม่มีผลกระทบต่อ Fund flow มากนัก เนื่องจากเป็นสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์อยู่แล้ว แต่การปลดล็อคเบื้องต้นดังกล่าว คาดว่าจะเป็นผลบวกต่อหุ้นบางกลุ่มโดยเปรียบเทียบ โดยเฉพาะกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมซึ่งเป็นกลุ่มที่เราแนะนำ Overweight อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เราเคยทำการศึกษาพบว่า กลุ่มนิคมฯเป็นกลุ่มที่ปรับตัว Outperform ตลาดอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 1 ปีก่อนหน้าการเลือกตั้งปี 2007 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นภายหลังจากรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหารเหมือนกัน (ดูรูป) ทั้งนี้ ภาวะการเมืองในประเทศที่มีความชัดเจนมากขึ้นนี้ คาดว่าจะทำให้การลงทุนโดยตรงจากนักลงทุนต่างชาติ (FDI) ปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ซึ่งเพิ่งมีการบังคับใช้พ.ร.บ.เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา มองบริษัทที่ได้ประโยชน์โดยตรงได้แก่ AMATA และ WHA แต่เนื่องด้วย WHA มีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะถูกถอดออกจากดัชนี SET50 ในรอบถัดไป เราจึงแนะนำเพียง AMATA ในช่วงนี้ โดยมีราคาเป้าหมาย Consensus อยู่ที่ 26 บาท
2) ในทางกลับกัน หากการตีความบ่งชี้ว่ามีเนื้อหาที่ "ขัดแย้ง" รัฐธรรมนูญ อาจทำให้ Roadmap การเลือกตั้งมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งก็จะต้องดูว่าจะสามารถแก้ไขเฉพาะมาตราที่มีปัญหา หรือต้องกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ หากเป็นในกรณีหลัง คาดว่าจะส่งผลกดดันต่อดัชนีได้อย่างสำคัญ
Digital TV : ติดตามความเคลื่อนไหวในกลุ่มทีวีดิจิตัล ภายหลังจากที่เมื่อวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดเผยว่ารัฐบาลเตรียมออกคำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่ใกล้จะครบเวลาจ่ายค่าสัมปทานงวดที่ 5 ในวันนี้ หากมีคำสั่งตามมาตรา 44 หรือมีมาตรการผ่อนปรนบางอย่างจากกสทช.ภายในวันนี้จริง คาดว่าจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มได้ (อาทิ BEC) และอาจจะเป็นกรณีศึกษาเทียบเคียงไปยังกลุ่ม Telecom ที่มีโอกาสได้รับการยืดหนี้ค่าใบอนุญาตด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเป็น Upside risk ต่อ ADVANC และ TRUE ในช่วงถัดไป เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" ADVANC และ TRUE ที่ราคาเป้าหมาย 217 บาทและ 8.30 บาทตามลำดับ
THB Yield : ในวันนี้ติดตามการประมูลพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุ 10 ปีวงเงิน 15,000 ล้านบาท ว่าจะมีระดับอัตราผลตอบแทนตอบรับอยู่ที่ระดับเท่าไหร่ เราคาดว่าการประมูลครั้งนี้จะมีระดับ Bid coverage ratio ที่ต่ำต่อไป ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ประเมินจะทำให้ Bond yield ของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไป ล่าสุดรุ่นอายุ 10 ปีในตลาดรองอยู่ที่ 2.74%
กลยุทธ์การลงทุน : วานนี้ SET Index ปรับตัวลงจากแรงขายในหุ้น PTT และบรรยากาศการเมืองในประเทศที่ตึงเครียดเล็กน้อย คาดวันนี้ดัชนีมีโอกาสปรับตัวรีบาวด์ได้บ้าง หากผลการชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญไม่มี Surprise และเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ แนะนำถือหุ้นต่อไปสำหรับผู้ที่เข้าสะสมไปช่วงดัชนีปรับฐานก่อนหน้านี้ โดยกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาวในความเห็นของเรายังคงได้แก่
1) กลุ่ม Cyclical ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ได้แก่ PTT, PTTGC, BANPU, IVL
2) กลุ่มโรงแรม ที่ได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการท่องเที่ยวเมืองรอง ได้แก่ MINT, ERW
3) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ที่ได้แก่ประโยชน์จากการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ AMATA
4) กลุ่มที่อยู่อาศัยที่มี Valuation ถูกและมี Dividend yield ในระดับสูง ได้แก่ QH, AP
5) กลุ่ม ICT ที่ราคาปรับตัวลงมาแรง และมี Upside risk จากมาตรการเยียวยาของภาครัฐ รวมถึงการประมูลใบอนุญาตคลื่น 1800 MHz ที่ไม่น่าจะมีการแข่งขันสูงมากนัก ได้แก่ ADVANC, TRUE
และสำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้าสู่ดัชนี MSCI เช่น LH, TPIPL, THG และหุ้นที่เราประเมินว่าจะถูกคัดเลือกเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไปได้แก่ KTC, TOA, RATCH, BGRIM, ESSO
แนวรับ 1,753 แนวต้าน 1,778
บทวิเคราะห์วันนี้
RATCH (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 61 บาท) สรุป Analyst Meeting
Today's Event :
BOFFICE XD 0.1315 บาท
TPRIME XD 0.1146 บาท
TSC XD 0.40 บาท
DIF หน่วยลงทุนเพิ่มทุนเข้า 3,829,943,054 หน่วย
DCC-W1 เข้าซื้อขายเป็นวันแรก (2,611.1mn sh 1:1 @ Bt1.15)
Today Selections >> CK, GLOBAL, GOLD
Stock S R Comment
CK 25.00 26.00 Backlog ในมือ 7.8 หมื่นล้านบาท ยังมีลุ้นประมูลงานเพิ่มอีก 3 โครงการ
GLOBAL 26.50 17.10 คาด 2Q61 มี SSSG บวก 3% บุกตลาด CLMV เพิ่มยอดขาย
GOLD 10.20 11.00 ลุยเปิด 34 โครงการหนุน Presales แถมยอด Backlog รอโอนอีก 5.0 พันล้านบาท
Judgement day
Politics : ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ต้องติดตามในวันนี้ได้แก่การชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญว่าร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.มีความขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งเราประเมินว่า
1) ในกรณีฐาน หากศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า "ไม่ขัดแย้ง" คาดจะเป็นเพียง Sentiment เชิงบวกต่อ SET Index ในระยะสั้น และจะไม่มีผลกระทบต่อ Fund flow มากนัก เนื่องจากเป็นสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์อยู่แล้ว แต่การปลดล็อคเบื้องต้นดังกล่าว คาดว่าจะเป็นผลบวกต่อหุ้นบางกลุ่มโดยเปรียบเทียบ โดยเฉพาะกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมซึ่งเป็นกลุ่มที่เราแนะนำ Overweight อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เราเคยทำการศึกษาพบว่า กลุ่มนิคมฯเป็นกลุ่มที่ปรับตัว Outperform ตลาดอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 1 ปีก่อนหน้าการเลือกตั้งปี 2007 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นภายหลังจากรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหารเหมือนกัน (ดูรูป) ทั้งนี้ ภาวะการเมืองในประเทศที่มีความชัดเจนมากขึ้นนี้ คาดว่าจะทำให้การลงทุนโดยตรงจากนักลงทุนต่างชาติ (FDI) ปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ซึ่งเพิ่งมีการบังคับใช้พ.ร.บ.เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา มองบริษัทที่ได้ประโยชน์โดยตรงได้แก่ AMATA และ WHA แต่เนื่องด้วย WHA มีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะถูกถอดออกจากดัชนี SET50 ในรอบถัดไป เราจึงแนะนำเพียง AMATA ในช่วงนี้ โดยมีราคาเป้าหมาย Consensus อยู่ที่ 26 บาท
2) ในทางกลับกัน หากการตีความบ่งชี้ว่ามีเนื้อหาที่ "ขัดแย้ง" รัฐธรรมนูญ อาจทำให้ Roadmap การเลือกตั้งมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งก็จะต้องดูว่าจะสามารถแก้ไขเฉพาะมาตราที่มีปัญหา หรือต้องกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ หากเป็นในกรณีหลัง คาดว่าจะส่งผลกดดันต่อดัชนีได้อย่างสำคัญ
Digital TV : ติดตามความเคลื่อนไหวในกลุ่มทีวีดิจิตัล ภายหลังจากที่เมื่อวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดเผยว่ารัฐบาลเตรียมออกคำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่ใกล้จะครบเวลาจ่ายค่าสัมปทานงวดที่ 5 ในวันนี้ หากมีคำสั่งตามมาตรา 44 หรือมีมาตรการผ่อนปรนบางอย่างจากกสทช.ภายในวันนี้จริง คาดว่าจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มได้ (อาทิ BEC) และอาจจะเป็นกรณีศึกษาเทียบเคียงไปยังกลุ่ม Telecom ที่มีโอกาสได้รับการยืดหนี้ค่าใบอนุญาตด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเป็น Upside risk ต่อ ADVANC และ TRUE ในช่วงถัดไป เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" ADVANC และ TRUE ที่ราคาเป้าหมาย 217 บาทและ 8.30 บาทตามลำดับ
THB Yield : ในวันนี้ติดตามการประมูลพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุ 10 ปีวงเงิน 15,000 ล้านบาท ว่าจะมีระดับอัตราผลตอบแทนตอบรับอยู่ที่ระดับเท่าไหร่ เราคาดว่าการประมูลครั้งนี้จะมีระดับ Bid coverage ratio ที่ต่ำต่อไป ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ประเมินจะทำให้ Bond yield ของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไป ล่าสุดรุ่นอายุ 10 ปีในตลาดรองอยู่ที่ 2.74%
กลยุทธ์การลงทุน : วานนี้ SET Index ปรับตัวลงจากแรงขายในหุ้น PTT และบรรยากาศการเมืองในประเทศที่ตึงเครียดเล็กน้อย คาดวันนี้ดัชนีมีโอกาสปรับตัวรีบาวด์ได้บ้าง หากผลการชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญไม่มี Surprise และเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ แนะนำถือหุ้นต่อไปสำหรับผู้ที่เข้าสะสมไปช่วงดัชนีปรับฐานก่อนหน้านี้ โดยกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาวในความเห็นของเรายังคงได้แก่
1) กลุ่ม Cyclical ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ได้แก่ PTT, PTTGC, BANPU, IVL
2) กลุ่มโรงแรม ที่ได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการท่องเที่ยวเมืองรอง ได้แก่ MINT, ERW
3) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ที่ได้แก่ประโยชน์จากการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ AMATA
4) กลุ่มที่อยู่อาศัยที่มี Valuation ถูกและมี Dividend yield ในระดับสูง ได้แก่ QH, AP
5) กลุ่ม ICT ที่ราคาปรับตัวลงมาแรง และมี Upside risk จากมาตรการเยียวยาของภาครัฐ รวมถึงการประมูลใบอนุญาตคลื่น 1800 MHz ที่ไม่น่าจะมีการแข่งขันสูงมากนัก ได้แก่ ADVANC, TRUE
และสำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้าสู่ดัชนี MSCI เช่น LH, TPIPL, THG และหุ้นที่เราประเมินว่าจะถูกคัดเลือกเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไปได้แก่ KTC, TOA, RATCH, BGRIM, ESSO
แนวรับ 1,753 แนวต้าน 1,778
บทวิเคราะห์วันนี้
RATCH (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 61 บาท) สรุป Analyst Meeting
Today's Event :
BOFFICE XD 0.1315 บาท
TPRIME XD 0.1146 บาท
TSC XD 0.40 บาท
DIF หน่วยลงทุนเพิ่มทุนเข้า 3,829,943,054 หน่วย
DCC-W1 เข้าซื้อขายเป็นวันแรก (2,611.1mn sh 1:1 @ Bt1.15)