- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 23 May 2018 18:49
- Hits: 591
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Laggard Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : แรงขายของ PTT วานนี้ประกอบกับความกังวลในการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ กดดัน SET Index ให้ปรับลง 7.6 จุด นักลงทุนต่างชาติขายทั้ง 3 ตลาด ทั้งตลาดหุ้น 2.56 พันลบ. ตลาดฟิวเจอร์ส 5.74 พันสัญญา และตลาดตราสารหนี้ 1.64 พันลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.21 พันลบ. และตลาดฟิวเจอร์ส 6.7 พันสัญญา
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ความสนใจของตลาดในวันนี้จะอยู่ที่การลงมติของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว. และอภิปรายกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ว่าจะกระทบโรดแมพเลือกตั้งหรือไม่ แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรจะกระทบตลาดเพียงระยะสั้นและชั่วคราว กระแสเงินทุนต่างชาติที่มีทิศทางไหลออกยังคงกดดันในระยะนี้ ราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยไม่น่ามีผลต่อกลุ่มพลังงานมากนัก เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways down มีโอกาสทดสอบแนวรับวานนี้
กลยุทธ์ : แนะซื้อเมื่ออ่อนตัวเท่านั้นสำหรับหุ้นที่ Laggard การปรับขึ้นแรงจะเป็นโอกาสลดพอร์ตเพื่อหาจังหวะลงทุนรอบใหม่
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BEM, CHG, EA, SC, THANI
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$195ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไทย US$80ล้าน ไม่มีประเทศใดมีเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังการเจรจ้าทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังไม่บรรลุข้อตกลงใดๆ และประธานาธิบดีสหรัฐระบุว่าการประชุมกับผู้นำเกาหลีเหนืออาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CK <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 40 บาท
มีปัจจัยบวกจากการเร่งประมูลงานภาครัฐฯ ภายใน มิ.ย. นี้ ทั้งทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง, มอเตอร์เวย์ 2 สาย และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รวมมูลค่ากว่า 2.8 แสนลบ.
ราคาหุ้นยัง Discount NAV ของบริษัทลูกอยู่มาก โดยเมื่อรวม BEM CKP และ TTW จะคิดเป็นส่วนของ CK ที่ 32 บาท/หุ้น สูงกว่าราคาปิดเมื่อวานถึง 27% โดยยังไม่รวมธุรกิจก่อสร้างซึ่งเป็น Core Business ที่กำลังฟื้นตัว
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 12% Y-Y ในเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 จากการขยายตัวของประเทศคู่ค้า แต่ยอดนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 20% Y-Y ทำให้ดุลการค้าพลิกเป็นขาดดุลเป็นครั้งแรกในปีนี้ การนำเข้าที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้น และการบริโภคในประเทศที่ดีขึ้นทำให้มีการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าทุนเข้ามาเพื่อการผลิต ทิศทางการส่งออกในช่วงที่เหลือของปียังอยู่ในเกณฑ์ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และยังหนุนการเติบโตของ GDP ในปีนี้ในอยู่ในระดับ 4.5%+/- ได้
(+) ยอดนำเข้าสินค้าไอทีเพิ่มขึ้นแรง งวด เม.ย. 18 เพิ่มขึ้นถึง 23% Y-Y อยู่ที่ 2.3 หมื่นลบ. เป็นอัตราการเติบโตที่สูงสุดในรอบ 5 ปี สะท้อนความต้องการด้านไอทีในประเทศที่สูงขึ้น เป็นบวกต่อผู้ประกอบการทั้งค้าส่งและค้าปลีก ซึ่งปกติไตรมาส 2 ของทุกปีจะเป็น Low Season แต่เราคาดว่ายังเห็นรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% Y-Y หนุนกำไร 2Q18 โตแรง Y-Y ต่อเนื่องจาก 1Q18 ยังแนะนำซื้อ SYNEX ราคาเป้าหมาย 20 บาท และ IT ราคาเป้าหมาย 6.90 บาท โดยระยะสั้น จะมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากงาน TME2018 ระหว่าง 24-27 พ.ค. นี้ด้วย
(0) กลุ่มธนาคาร รายงานสินเชื่อเดือนเม.ย. +0.58% M-M ที่โตดีคือ BAY +1.2% M-M และ KKP +1.1% M-M ส่วนใหญ่เกิดจากการกู้ยืมของภาคธุรกิจ และสินเชื่อรายย่อยที่เติบโตทุกด้าน ส่วนสินเชื่อ SME ยังเห็นการชะลอตัว รวม 4M18 สินเชื่อ +0.89% YTD โดย KKP มีการเติบโตสูงสุด 7% YTD แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q18 ของกลุ่มธนาคารจะชะลอ Q-Q จากผลกระทบการปรับลดค่าธรรมเนียมโอนเงินผ่านธนาคาร น้ำหนักการลงทุนยังเป็น Neutral และยังให้ TISCO เป็น Top Pick ราคาเป้าหมาย 98 บาท เนื่องจากไม่พึ่งพารายได้จากการโอนเงิน และกำไรเติบโตต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้พอร์ต SCBT เต็มปี
(0) EPG แนวโน้มกำไร 4Q18 (ม.ค.-มี.ค. 2018) ฟื้นจากจุดต่ำสุดในไตรมาสก่อน ตามการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของทั้ง 3 ธุรกิจทั้งชิ้นส่วนยานยนต์ ฉนวนยาง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ฉุดผลประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมาเพราะกำลังซื้อที่ชะลอและถูกตัดราคาขาย แต่เงินบาทที่แข็งค่าและค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่หลงเหลือมาจากไตรมาสก่อนทำให้กำไรยังฟื้นไม่เต็มที่ เราคาดกำไรสุทธิ +23% Q-Q, -18% Y-Y เป็น 225 ลบ. รวมกำไรทั้งปี 2018 (สิ้นสุด มี.ค. 2018) น่าจะจบที่ 983 ล้านบาท -29% Y-Y แย่กว่าที่เคยคาด แต่ด้วยการจับจ่ายในประเทศที่เริ่มฟื้นชัดเจนและการควบคุมรายจ่ายอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นปัญหาหลักในปีที่ผ่านมา คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวตั้งแต่ 1Q19 เราคาดกำไรสุทธิปี 2019 (สิ้นสุด มี.ค. 2019) +27% Y-Y เป็น 1,250 ล้านบาท แต่ปรับลดราคาเป้าหมายลงเล็กน้อยเป็น 12 บาทจาก 14 บาท (ปรับ EV/EBITDA ลงเป็น 18 เท่า) ยังแนะนำซื้อ
(0) DOD เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม รายได้ส่วนใหญ่เป็นการรับจ้างผลิตของลูกค้าในประเทศ เช่น บริษัทซื้อมาขายไป, บริษัทขายตรง และเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์สินค้า เช่น ดารา นักแสดง แต่ล่าสุดมีจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตนเองแล้ว โรงงานได้รับรองมาตรฐานอย่างถูกต้อง และผลลัพธ์ที่ดีของสินค้าทำให้ได้รับความพึงพอใจและการยอมรับจากลูกค้า ปี 2018 บริษัทฯได้ลูกค้ารายใหญ่เพิ่ม 1 และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ 1Q18 จึงคาดกำไรสุทธิปี 2018 จะทำจุดสูงสุดใหม่ เติบโตสูง 73.2% Y-Y และด้วยแผนการขยายโรงสกัดแห่งที่ 2, ห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากล และแผนออกสินค้าใหม่แบรนด์ตนเองอีก 2 กลุ่ม น่าจะช่วยหนุนการเติบโตของกำไรสุทธิในช่วงปี 2019 - 2020 ให้โตเฉลี่ยปีละ 13% เราประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 12 บาท (อิง PE 20 เท่า) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) อาจเข้าร่วมเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ DOD
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
23 พ.ค.- ไทย: ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติ กม. ลูก เลือกตั้ง ส.ว. และ ส.ส.
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่, FOMC Meeting Minutes
- ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (พ.ค.)
24 พ.ค.- ไทย: ยอดผลิตรถยนต์ (เม.ย.)
- เยอรมัน: 1Q18 GDP
24-27 พ.ค.- ไทย: Thailand Mobile Expo 2018
29 พ.ค.- สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ค.)
(-) ตลาดสหรัฐปรับตัวลงหลังจากปธ.ทรัมป์ออกมาพูดว่ายังไม่ค่อยพอใจกับผลการเจรจากับจีน รวมไปถึงมีความเป็นไปได้อีกว่าการเจรจากับเกาหลีเหนือจะไม่ประสบความสำเร็จ
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มยานยนต์ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่ารัฐบาลจีนจะปรับลดภาษีรถยนต์นำเข้าลง
(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสมผสาน โดยตลาดยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆเพื่อรอดูรายงาน FED Minutes รวมถึงประเด็นข่าวจากประเทศจีนที่จะเริ่มผ่อนคลายมาตราการคุมกำเนิด
() ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดรอดูรายงาน FED Minutes ทำให้ล่าสุด ค่าเงินเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.00-32.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 0.11 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 72.13 ดอลลาร์/บาเรลล์ จากแรงขายทำกำไรหลังราคาขึ้นมาทำจุดสูงสุดในรอบสามปีครึ่ง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,292.00 ดอลลาร์/ออนซ์
กลยุทธ์วันนี้ >> Laggard Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : แรงขายของ PTT วานนี้ประกอบกับความกังวลในการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ กดดัน SET Index ให้ปรับลง 7.6 จุด นักลงทุนต่างชาติขายทั้ง 3 ตลาด ทั้งตลาดหุ้น 2.56 พันลบ. ตลาดฟิวเจอร์ส 5.74 พันสัญญา และตลาดตราสารหนี้ 1.64 พันลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.21 พันลบ. และตลาดฟิวเจอร์ส 6.7 พันสัญญา
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ความสนใจของตลาดในวันนี้จะอยู่ที่การลงมติของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว. และอภิปรายกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ว่าจะกระทบโรดแมพเลือกตั้งหรือไม่ แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรจะกระทบตลาดเพียงระยะสั้นและชั่วคราว กระแสเงินทุนต่างชาติที่มีทิศทางไหลออกยังคงกดดันในระยะนี้ ราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยไม่น่ามีผลต่อกลุ่มพลังงานมากนัก เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways down มีโอกาสทดสอบแนวรับวานนี้
กลยุทธ์ : แนะซื้อเมื่ออ่อนตัวเท่านั้นสำหรับหุ้นที่ Laggard การปรับขึ้นแรงจะเป็นโอกาสลดพอร์ตเพื่อหาจังหวะลงทุนรอบใหม่
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BEM, CHG, EA, SC, THANI
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$195ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไทย US$80ล้าน ไม่มีประเทศใดมีเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังการเจรจ้าทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังไม่บรรลุข้อตกลงใดๆ และประธานาธิบดีสหรัฐระบุว่าการประชุมกับผู้นำเกาหลีเหนืออาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CK <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 40 บาท
มีปัจจัยบวกจากการเร่งประมูลงานภาครัฐฯ ภายใน มิ.ย. นี้ ทั้งทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง, มอเตอร์เวย์ 2 สาย และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รวมมูลค่ากว่า 2.8 แสนลบ.
ราคาหุ้นยัง Discount NAV ของบริษัทลูกอยู่มาก โดยเมื่อรวม BEM CKP และ TTW จะคิดเป็นส่วนของ CK ที่ 32 บาท/หุ้น สูงกว่าราคาปิดเมื่อวานถึง 27% โดยยังไม่รวมธุรกิจก่อสร้างซึ่งเป็น Core Business ที่กำลังฟื้นตัว
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 12% Y-Y ในเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 จากการขยายตัวของประเทศคู่ค้า แต่ยอดนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 20% Y-Y ทำให้ดุลการค้าพลิกเป็นขาดดุลเป็นครั้งแรกในปีนี้ การนำเข้าที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้น และการบริโภคในประเทศที่ดีขึ้นทำให้มีการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าทุนเข้ามาเพื่อการผลิต ทิศทางการส่งออกในช่วงที่เหลือของปียังอยู่ในเกณฑ์ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และยังหนุนการเติบโตของ GDP ในปีนี้ในอยู่ในระดับ 4.5%+/- ได้
(+) ยอดนำเข้าสินค้าไอทีเพิ่มขึ้นแรง งวด เม.ย. 18 เพิ่มขึ้นถึง 23% Y-Y อยู่ที่ 2.3 หมื่นลบ. เป็นอัตราการเติบโตที่สูงสุดในรอบ 5 ปี สะท้อนความต้องการด้านไอทีในประเทศที่สูงขึ้น เป็นบวกต่อผู้ประกอบการทั้งค้าส่งและค้าปลีก ซึ่งปกติไตรมาส 2 ของทุกปีจะเป็น Low Season แต่เราคาดว่ายังเห็นรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% Y-Y หนุนกำไร 2Q18 โตแรง Y-Y ต่อเนื่องจาก 1Q18 ยังแนะนำซื้อ SYNEX ราคาเป้าหมาย 20 บาท และ IT ราคาเป้าหมาย 6.90 บาท โดยระยะสั้น จะมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากงาน TME2018 ระหว่าง 24-27 พ.ค. นี้ด้วย
(0) กลุ่มธนาคาร รายงานสินเชื่อเดือนเม.ย. +0.58% M-M ที่โตดีคือ BAY +1.2% M-M และ KKP +1.1% M-M ส่วนใหญ่เกิดจากการกู้ยืมของภาคธุรกิจ และสินเชื่อรายย่อยที่เติบโตทุกด้าน ส่วนสินเชื่อ SME ยังเห็นการชะลอตัว รวม 4M18 สินเชื่อ +0.89% YTD โดย KKP มีการเติบโตสูงสุด 7% YTD แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q18 ของกลุ่มธนาคารจะชะลอ Q-Q จากผลกระทบการปรับลดค่าธรรมเนียมโอนเงินผ่านธนาคาร น้ำหนักการลงทุนยังเป็น Neutral และยังให้ TISCO เป็น Top Pick ราคาเป้าหมาย 98 บาท เนื่องจากไม่พึ่งพารายได้จากการโอนเงิน และกำไรเติบโตต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้พอร์ต SCBT เต็มปี
(0) EPG แนวโน้มกำไร 4Q18 (ม.ค.-มี.ค. 2018) ฟื้นจากจุดต่ำสุดในไตรมาสก่อน ตามการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของทั้ง 3 ธุรกิจทั้งชิ้นส่วนยานยนต์ ฉนวนยาง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ฉุดผลประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมาเพราะกำลังซื้อที่ชะลอและถูกตัดราคาขาย แต่เงินบาทที่แข็งค่าและค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่หลงเหลือมาจากไตรมาสก่อนทำให้กำไรยังฟื้นไม่เต็มที่ เราคาดกำไรสุทธิ +23% Q-Q, -18% Y-Y เป็น 225 ลบ. รวมกำไรทั้งปี 2018 (สิ้นสุด มี.ค. 2018) น่าจะจบที่ 983 ล้านบาท -29% Y-Y แย่กว่าที่เคยคาด แต่ด้วยการจับจ่ายในประเทศที่เริ่มฟื้นชัดเจนและการควบคุมรายจ่ายอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นปัญหาหลักในปีที่ผ่านมา คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวตั้งแต่ 1Q19 เราคาดกำไรสุทธิปี 2019 (สิ้นสุด มี.ค. 2019) +27% Y-Y เป็น 1,250 ล้านบาท แต่ปรับลดราคาเป้าหมายลงเล็กน้อยเป็น 12 บาทจาก 14 บาท (ปรับ EV/EBITDA ลงเป็น 18 เท่า) ยังแนะนำซื้อ
(0) DOD เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม รายได้ส่วนใหญ่เป็นการรับจ้างผลิตของลูกค้าในประเทศ เช่น บริษัทซื้อมาขายไป, บริษัทขายตรง และเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์สินค้า เช่น ดารา นักแสดง แต่ล่าสุดมีจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตนเองแล้ว โรงงานได้รับรองมาตรฐานอย่างถูกต้อง และผลลัพธ์ที่ดีของสินค้าทำให้ได้รับความพึงพอใจและการยอมรับจากลูกค้า ปี 2018 บริษัทฯได้ลูกค้ารายใหญ่เพิ่ม 1 และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ 1Q18 จึงคาดกำไรสุทธิปี 2018 จะทำจุดสูงสุดใหม่ เติบโตสูง 73.2% Y-Y และด้วยแผนการขยายโรงสกัดแห่งที่ 2, ห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากล และแผนออกสินค้าใหม่แบรนด์ตนเองอีก 2 กลุ่ม น่าจะช่วยหนุนการเติบโตของกำไรสุทธิในช่วงปี 2019 - 2020 ให้โตเฉลี่ยปีละ 13% เราประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 12 บาท (อิง PE 20 เท่า) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) อาจเข้าร่วมเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ DOD
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
23 พ.ค.- ไทย: ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติ กม. ลูก เลือกตั้ง ส.ว. และ ส.ส.
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่, FOMC Meeting Minutes
- ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (พ.ค.)
24 พ.ค.- ไทย: ยอดผลิตรถยนต์ (เม.ย.)
- เยอรมัน: 1Q18 GDP
24-27 พ.ค.- ไทย: Thailand Mobile Expo 2018
29 พ.ค.- สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ค.)
(-) ตลาดสหรัฐปรับตัวลงหลังจากปธ.ทรัมป์ออกมาพูดว่ายังไม่ค่อยพอใจกับผลการเจรจากับจีน รวมไปถึงมีความเป็นไปได้อีกว่าการเจรจากับเกาหลีเหนือจะไม่ประสบความสำเร็จ
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มยานยนต์ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่ารัฐบาลจีนจะปรับลดภาษีรถยนต์นำเข้าลง
(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสมผสาน โดยตลาดยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆเพื่อรอดูรายงาน FED Minutes รวมถึงประเด็นข่าวจากประเทศจีนที่จะเริ่มผ่อนคลายมาตราการคุมกำเนิด
() ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดรอดูรายงาน FED Minutes ทำให้ล่าสุด ค่าเงินเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.00-32.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 0.11 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 72.13 ดอลลาร์/บาเรลล์ จากแรงขายทำกำไรหลังราคาขึ้นมาทำจุดสูงสุดในรอบสามปีครึ่ง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,292.00 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO9154
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO9154