- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 22 May 2018 16:57
- Hits: 686
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับขึ้นเด่น ภายหลังการรายงาน GDP ประเทศไทยออกมาดีกว่าคาดมาก โดยมีแรงซื้อในกลุ่มธนาคารนำโดย KBANK, BBL, SCB และ KTB อีกทั้งมีแรงซื้อต่อเนื่องในกลุ่มพลังงานต้นน้ำอย่าง PTTEP และเกิด Technical rebound ในกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPALL, BJC, BEAUTY และมีแรงซื้อต่อเนื่องในกลุ่มก่อสร้างนำโดย STEC, CK, UNIQ และ ITD อย่างไรก็ตามพบแรงขายทำกำไร กลุ่มโรงพยาบาลภายหลัง Outperform มานานอย่าง BH, BDMS ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,768 จุด (+14.1 จุด ) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.6 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวานก่อนที่ 5.9 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 2,199 ล้านบาท แต่ยังคงเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 3,140 สัญญา
Investment theme
สภาพัฒน์รายงานเศรษฐกิจฟื้นตัว แต่ยังไม่แข็งแกร่งทุกเครื่องยนต์: เมื่อวานที่ผ่านมาสภาพัฒน์รายงาน GDP ไตรมาสหนึ่งขยายตัวสูงถึง 4.8% สูงที่สุดในรอบ 20 ไตรมาส (ตลาดคาด 4.0%) ประเด็นหลักมุ่งไปที่ภาคเกษตร พบว่าการผลิตภาคเกษตร พลิกกลับมาขยายตัวสูงกว่า 6.5% (จากติดลบ 1.3%) เช่นเดียวกับดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรปรับขึ้นเด่นกว่า 8.5% แต่ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดอย่างยางพาราและปาล์มยังถูกกดดัน (ซึ่งในเดือน เม.ย. รายได้ภาคเกษตรกลับมา +0.9% ครั้งแรกในรอบ 9 เดือน) อย่างไรก็ตามภาพรวมการบริโภคยังเติบโตดีที่ 3.6% โดยในไตรมาสนี้เราเห็นสัญญาณฟื้นตัวทั้ง 3 ประเภทสินค้าได้แก่ สินค้าคงทน (+9.4%) , ไม่คงทน (+2.0%) และกึ่งคงทน (+2.4%) สะท้อนการฟื้นตัวของการบริโภคครัวเรือนของคนส่วนใหญ่ ถือเป็นบวกต่อการลงทุนในกลุ่มค้าปลีก ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมยังเด่นต่อเนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ปรับขึ้นสูงถึง 72.4% ส่งผลให้ภาคผลิตอุตสาหกรรมอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 3.7% สนับสนุนจากรถยนต์ และ ปิโตรเลียม สำหรับใน 2Q18 เราแนะนักลงทุนติดตามการลงทุนโดยเฉพาะจากภาครัฐ เพราะใน1Q18 ถึงการลงทุนภาครัฐเติบโต 4% แต่เกิดจากรัฐวิสาหกิจ ในขณะที่การลงทุนภาครัฐยังติดลบ 0.3% ฉะนั้นรัฐต้องเร่งผลักดันโครงการรถไฟฟ้าและก่อสร้าง EEC ต่างๆให้ตามแผน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและจะนำมาซึ่งการลงทุนจากฝั่งเอกชน (I) และนั่นอาจทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยื่น
Investment Theme: สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,750-1,770 จุด แนะลงทุนกลุ่มพลังงานปิโตร PTTEP, IVL, BANPU ในขณะที่เราแนะเก็งกำไรในหุ้นที่คาดจะเข้า SET50/100 และมีพื้นฐานดี นำโดย BGRIM, VGI และทยอยสะสม PRM
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา -Goldman เตือนภาวะขาดดุลการคลังสหรัฐเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ / TH-10yr bond yield ปรับขึ้นที่ 2.72% (spread US-TH ลดลงเหลือ 33bps)
Stock pick : BJC
BJC : ทยอยสะสม 68.0 บาท/หุ้น
การรายงานตัวเลขการบริโภคในเกณฑ์ดี 3.6% , ค้าปลีกที่เติบโตทั้ง 3 สินค้า (Durable, Semi, Non-durable) และเดือนเม.ย. Farm income พลิกกลับเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ในขณะที่เริ่มเห็นผลของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.4 ล้านคน ที่สนค.ระบุสามารถช่วยลดค่าครองชีพได้ประมาณ 7.2% และมองว่ากลุ่มค้าปลีกจะได้ประโยชน์โดยตรงจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจาก Policy risk ที่เริ่มเห็นได้ชัดใน 1 เดือนที่ผ่านมา
เรามองว่า BJC จะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากฟุตบอลโลก (ทั้งธุรกิจขวดแก้วและ สินค้า BIGC) ที่จะเริ่มแข่งในช่วงกลางเดือนมิถุนายน และครั้งนี้ถือเป็นเวลาการถ่ายทอดที่คนไทยสามารถดูได้ (เวลาประมาณ 1-5 ทุ่ม) ส่งผลให้เรามองว่ากำไร 2Q18 อาจจะไม่อ่อนตัวแรงตาม seasonal เหมือนในอดีต
คาดกำไรปีนี้ เติบโต 29% ที่ 6.7 พันล้านบาท จากธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค, บรรจุภัณฑ์ ในขณะที่ BIGC ฟื้นตัวอ่อนๆ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 68.0 บาท/หุ้น
Trading idea - ทยอยสะสม BTS โดยใช้กลยุทธ์ Cut loss เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน เป้าหมายพื้นฐาน 10.50 บาท / ชะลอการลงทุน SCC
Technical View
Rebound ในกรอบขาลง ทยอยขายกำไรตามแนวต้าน: แรงซื้อจากหุ้นกลุ่มพลังงาน สื่อสารและก่อสร้าง ทำให้ดัชนี Rebound ขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับสัญญาณบวกใน Modified Stochastic ที่ดีดตัวขึ้นจากเขต Oversold แต่เนื่องจากแนวโน้มหลักยังเป็นขาลง จึงมองเป็นเพียงการ Rebound สั้นๆ และแนะนำพิจารณาขายทำกำไรตามแนวต้าน เพื่อลดพอร์ตการลงทุน
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: เล่น Rebound และทยอยขายตามแนวต้านเพื่อลดพอร์ตการลงทุน 2) ไม่มีหุ้น: พิจารณากรอบการเทรด 1760-1790 เน้นรอซื้อที่แนวรับและขายทำกำไรที่แนว
แนวรับ : 1760, 1745 แนวต้าน : 1775, 1790
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ : Trump เดินทางเยือนเกาหลีใต้ 22 พ.ค. / Merkel เยือนจีน 24-25 พ.ค.
ปัจจัยในประเทศ : 22 พ.ค. รายงานตัวเลขส่งออก-นำเข้า
หุ้นเทคนิค :
PTTGC (B 94.00-95.00, Tp 98.00//100.00 Cut 93.00)
PTTEP (B 147.00, Tp 153.00, Cut 145.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับขึ้นเด่น ภายหลังการรายงาน GDP ประเทศไทยออกมาดีกว่าคาดมาก โดยมีแรงซื้อในกลุ่มธนาคารนำโดย KBANK, BBL, SCB และ KTB อีกทั้งมีแรงซื้อต่อเนื่องในกลุ่มพลังงานต้นน้ำอย่าง PTTEP และเกิด Technical rebound ในกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPALL, BJC, BEAUTY และมีแรงซื้อต่อเนื่องในกลุ่มก่อสร้างนำโดย STEC, CK, UNIQ และ ITD อย่างไรก็ตามพบแรงขายทำกำไร กลุ่มโรงพยาบาลภายหลัง Outperform มานานอย่าง BH, BDMS ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,768 จุด (+14.1 จุด ) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.6 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวานก่อนที่ 5.9 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 2,199 ล้านบาท แต่ยังคงเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 3,140 สัญญา
Investment theme
สภาพัฒน์รายงานเศรษฐกิจฟื้นตัว แต่ยังไม่แข็งแกร่งทุกเครื่องยนต์: เมื่อวานที่ผ่านมาสภาพัฒน์รายงาน GDP ไตรมาสหนึ่งขยายตัวสูงถึง 4.8% สูงที่สุดในรอบ 20 ไตรมาส (ตลาดคาด 4.0%) ประเด็นหลักมุ่งไปที่ภาคเกษตร พบว่าการผลิตภาคเกษตร พลิกกลับมาขยายตัวสูงกว่า 6.5% (จากติดลบ 1.3%) เช่นเดียวกับดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรปรับขึ้นเด่นกว่า 8.5% แต่ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดอย่างยางพาราและปาล์มยังถูกกดดัน (ซึ่งในเดือน เม.ย. รายได้ภาคเกษตรกลับมา +0.9% ครั้งแรกในรอบ 9 เดือน) อย่างไรก็ตามภาพรวมการบริโภคยังเติบโตดีที่ 3.6% โดยในไตรมาสนี้เราเห็นสัญญาณฟื้นตัวทั้ง 3 ประเภทสินค้าได้แก่ สินค้าคงทน (+9.4%) , ไม่คงทน (+2.0%) และกึ่งคงทน (+2.4%) สะท้อนการฟื้นตัวของการบริโภคครัวเรือนของคนส่วนใหญ่ ถือเป็นบวกต่อการลงทุนในกลุ่มค้าปลีก ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมยังเด่นต่อเนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ปรับขึ้นสูงถึง 72.4% ส่งผลให้ภาคผลิตอุตสาหกรรมอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 3.7% สนับสนุนจากรถยนต์ และ ปิโตรเลียม สำหรับใน 2Q18 เราแนะนักลงทุนติดตามการลงทุนโดยเฉพาะจากภาครัฐ เพราะใน1Q18 ถึงการลงทุนภาครัฐเติบโต 4% แต่เกิดจากรัฐวิสาหกิจ ในขณะที่การลงทุนภาครัฐยังติดลบ 0.3% ฉะนั้นรัฐต้องเร่งผลักดันโครงการรถไฟฟ้าและก่อสร้าง EEC ต่างๆให้ตามแผน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและจะนำมาซึ่งการลงทุนจากฝั่งเอกชน (I) และนั่นอาจทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยื่น
Investment Theme: สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,750-1,770 จุด แนะลงทุนกลุ่มพลังงานปิโตร PTTEP, IVL, BANPU ในขณะที่เราแนะเก็งกำไรในหุ้นที่คาดจะเข้า SET50/100 และมีพื้นฐานดี นำโดย BGRIM, VGI และทยอยสะสม PRM
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา -Goldman เตือนภาวะขาดดุลการคลังสหรัฐเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ / TH-10yr bond yield ปรับขึ้นที่ 2.72% (spread US-TH ลดลงเหลือ 33bps)
Stock pick : BJC
BJC : ทยอยสะสม 68.0 บาท/หุ้น
การรายงานตัวเลขการบริโภคในเกณฑ์ดี 3.6% , ค้าปลีกที่เติบโตทั้ง 3 สินค้า (Durable, Semi, Non-durable) และเดือนเม.ย. Farm income พลิกกลับเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ในขณะที่เริ่มเห็นผลของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.4 ล้านคน ที่สนค.ระบุสามารถช่วยลดค่าครองชีพได้ประมาณ 7.2% และมองว่ากลุ่มค้าปลีกจะได้ประโยชน์โดยตรงจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจาก Policy risk ที่เริ่มเห็นได้ชัดใน 1 เดือนที่ผ่านมา
เรามองว่า BJC จะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากฟุตบอลโลก (ทั้งธุรกิจขวดแก้วและ สินค้า BIGC) ที่จะเริ่มแข่งในช่วงกลางเดือนมิถุนายน และครั้งนี้ถือเป็นเวลาการถ่ายทอดที่คนไทยสามารถดูได้ (เวลาประมาณ 1-5 ทุ่ม) ส่งผลให้เรามองว่ากำไร 2Q18 อาจจะไม่อ่อนตัวแรงตาม seasonal เหมือนในอดีต
คาดกำไรปีนี้ เติบโต 29% ที่ 6.7 พันล้านบาท จากธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค, บรรจุภัณฑ์ ในขณะที่ BIGC ฟื้นตัวอ่อนๆ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 68.0 บาท/หุ้น
Trading idea - ทยอยสะสม BTS โดยใช้กลยุทธ์ Cut loss เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน เป้าหมายพื้นฐาน 10.50 บาท / ชะลอการลงทุน SCC
Technical View
Rebound ในกรอบขาลง ทยอยขายกำไรตามแนวต้าน: แรงซื้อจากหุ้นกลุ่มพลังงาน สื่อสารและก่อสร้าง ทำให้ดัชนี Rebound ขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับสัญญาณบวกใน Modified Stochastic ที่ดีดตัวขึ้นจากเขต Oversold แต่เนื่องจากแนวโน้มหลักยังเป็นขาลง จึงมองเป็นเพียงการ Rebound สั้นๆ และแนะนำพิจารณาขายทำกำไรตามแนวต้าน เพื่อลดพอร์ตการลงทุน
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: เล่น Rebound และทยอยขายตามแนวต้านเพื่อลดพอร์ตการลงทุน 2) ไม่มีหุ้น: พิจารณากรอบการเทรด 1760-1790 เน้นรอซื้อที่แนวรับและขายทำกำไรที่แนว
แนวรับ : 1760, 1745 แนวต้าน : 1775, 1790
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ : Trump เดินทางเยือนเกาหลีใต้ 22 พ.ค. / Merkel เยือนจีน 24-25 พ.ค.
ปัจจัยในประเทศ : 22 พ.ค. รายงานตัวเลขส่งออก-นำเข้า
หุ้นเทคนิค :
PTTGC (B 94.00-95.00, Tp 98.00//100.00 Cut 93.00)
PTTEP (B 147.00, Tp 153.00, Cut 145.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO9092