- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 May 2018 16:53
- Hits: 1577
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“บวก-เจรจาการค้าคืบหน้า Bond Yield ลด”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ---
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index ปรับตัวขึ้น 2.97 จุด ปิดที่ 1754.17 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านแกว่งตัวในกรอบแคบๆเช่นกันมูลค่าซื้อขายปานกลางที่ 60.2 พันล้านบาท ดัชนีฯไปได้ไม่ไกลเพราะปัจจัยลบมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่เกินกว่า 3.1% กังวลเงินไหลออก แม้ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แต่กลับมีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานที่ขึ้นมาล่วงหน้า มีการเก็งกำไรหุ้นเฉพาะตัว เช่น กลุ่มสื่อสารหลัง TRUE ยันไม่ประมูล นักลงทุนต่างประเทศขายหนักมือ 5.8 พันลบ. ที่เหลือเป็นผู้ซื้อสุทธิ
แนวโน้มและกลยุทธ์– ปัจจัยต่างประเทศกลับมาเป็นบวก หลังสหรัฐฯแจ้งเจรจาการค้าคืบหน้า ยุติสงครามการค้าสหรัฐและจีน เมื่อจีนยอมซื้อสินค้าสหัฐมากขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทยอยปรับลดลง ราคาน้ำมันปรับลด หลังเผชิญแรงขายทำกำไรบ้าง สถานการณ์ในประเทศระยะนี้ ได้รับปัจจัยลบจาก MSCI ถ่วงน้ำหนักไทยลดลงมีผล 31 พ.ค.61 คาดว่าดัชนีฯมีโอกาสปรับขึ้นได้จากปัจจัยต่างประเทศที่คลี่คลายลงบ้าง ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้รีบาวด์เล็กๆ ส่วนระยะกลาง-ยาวเรื่องการกีดกันทางการค้าที่ไม่แน่นอน จีนยังไม่เปิดเผยท่าทีมากนัก อีกทั้งค่าเงินบาทมีความผันผวนเทียบกับดอลลาร์มาก ส่วนการเมืองไทยหากเลือกตั้งได้ ก.พ.62 ตามโรดแม็ปจะเป็นบวก กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดีและมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ มีแรงกระตุ้น (Catalyst) เฉพาะตัว ตามบทวิเคราะห์ DBS ได้ นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้น ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย เพือล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบที่เป็น 1740-1775 จุด
Update หุ้นเด่น : LH– ได้รับคัดเลือกจาก MSCI ให้เข้ามาใน MSCI Global Standard มีผล 31 พ.ค.61 แนวโน้มการทำยอดขาย (presales) จะเป็นไปด้วยดี เพราะมีแผนเปิดขายคอนโด 4 โครงการในช่วงที่เหลือของปี หลังจากไม่ได้ขายคอนโดมาเป็นเวลา 2 ปี เพื่อกระตุ้นยอดขายปีนี้ อีกทังมีแผนขายอพาร์ทเม้นต์ที่สหรัฐฯ คือ Domain ซึ่งมีมูลค่าทางบัญชีที่ 104 ล้านดอลลาร์ ใน 2Q61 และอาจได้รับประโยชน์การลดภาษีที่สหรัฐฯด้วย คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐาน 12.80 บาท ซึ่งประเมินด้วย RNAV ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 14% สำหรับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ในเกณฑ์ดีปีนี้และปีหน้าเท่ากันเป็น 6.2%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เหมือนเป็นบวกเล็กๆ แต่ความน่าจะเป็นของตลาดฯแกว่งแบบลง อาจมีรีบาวด์สั้นๆ เพราะระยะกลางมีสภาวะ ตต ยังคอยกดดัน ซื้อใหม่เน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1760-1770, 1775 โดยมีแนวรับ 1740-1730
สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น TOA,BPP,BTS,TAPAC,IVL ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ PTT,EGCO,VGI,SAT หุ้นที่หลุด-ไม่มี-และที่ให้หาจังหวะTake profit เป็น PTG,AP,D,AMATA,JMART,BDMS,AH
Key Drivers TODAY
+/• สหรัฐประกาศเจรจาการค้ากับจีนคืบหน้า จะไม่ทำสงครามการค้า
# การเปิดเผยของนายมนูชินรัฐมนตรีคลังสหรัฐมีขึ้นหลังจากที่จีนและสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันเกี่ยวกับผลการเจรจาหารือด้านเศรษฐกิจและการค้าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทำสงครามการค้าระหว่างวัน และยังได้ตกลงที่จะบังคับใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดยอดขาดดุลการค้าที่สหรัฐมีต่อจีน แต่ยังไม่มีความเห็นที่ชัดเจนจากจีน
+/- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทยอยปรับลง แต่ดอลลาร์ยังแข็งค่าและบาทผันผวน
# อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีศุกร์ที่ผ่านมาลดลงสู่ระดับ 3.0587% หลังไปทำยอดสูงสุดใหม่เมื่อวันพุธเกิน 3.1% ที่ 3.1048% เมื่อวันอังคาร 16 พ.ค.61
#ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (18 พ.ค.) ขณะที่นักลงทุนยังคงขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐศุกร์สูงขึ้นเป็น 93.664 จุด และเงินบาทผันผวนแกว่งขึ้นลงในกรอบแคบๆ
• ติดตามตัวเลข PPI ประกาศวันพุธ
# นักลงทุนจับตาดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตประจำเดือนพ.ค.ของสหรัฐ เยอรมนี และกลุ่มยูโรโซน ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพุธนี้
-/• ภาวะตลาดน้ำมัน : น้ำมันปรับลง มีแรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้นมาสูง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 71.28 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 79 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 78.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
# น้ำมันลดลงจากแรงขายทำกำไร หลังจากราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
+/- ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์สหรัฐปรับเพิ่มเล็กน้อย รอดูการเจรจากาค้า แต่ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับขึ้นดี
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,715.09 จุด เพิ่มขึ้น 1.11 จุด หรือ +0.00% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,712.97 จุด ลดลง 7.16 จุด หรือ -0.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,354.34 จุด ลดลง 28.13 จุด หรือ -0.38%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (18 พ.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งทราบผลวันเสาร์ จึงไม่ได้สะท้อนนัก
# แต่ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับขึ้นดี เวลาไทย 8:02 น. +198 จุด สะท้อนข่าวบวกเรื่องการเจรจากการค้าสหรัฐ-จีน
• ภาวะตลาดทองคำ : ปิดเพิ่ม หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลด
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.9 ดอลลาร์ หรือ 0.15% ปิดที่ 1,291.3 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อวันศุกร์ (18 พ.ค.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลดลง
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นหลักทรัพย์
+/• KCE: จะแตกพาร์วันนี้
# จากพาร์ 1.00 บาท ลดลงเป็น 0.50 บาท หากใช้ราคาปิดวานนี้ KCE ราคาหุ้นจะลดลงเป็นจากราคาปิดวันศุกร์ที่ 69.50 บาท จะมีราคาลดลงเป็น 34.75 บาท ทำให้สภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นดีขึ้น แต่ปัจจัยพื้นฐานไปไม่เปลี่ยนแปลง
# ทางด้านปัจจัยพื้นฐานแนะนำ ซื้อ KCE พ้นช่วงแย่สุด 1Q61 ไปแล้ว ผลกำไรมีแนวโน้มกำลังจะดีขึ้น ปลาย 1Q61 บริษัทมีคำสั่งซื้อที่ทำไม่ทันค้างอยู่ 8 ล้านดอลลาร์ และได้เพิ่มเครื่องจักร 8 ตัวในปลายไตรมาส 1 ที่ผ่านมา แล้วจะเพิ่มอีก 20 ตัว ใน 2Q61 ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพื่อรองรับ High Season ของธุรกิจในไตรมาส 3 ความต้องการซื้อสินค้ายังคงแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ขณะเดียวกัน KCE น่าจะได้ประโยชน์จากการที่โรงงานคู่แข่งขันเกิดเพลิงไหม้ และบริษัทเพิ่งได้ 2 ออร์เดอร์ใหญ่จากลูกค้าในธุรกิจยานยนต์ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ปี 62 และหนุนผลประกอบการใน 5 ปี ข้างหน้า คงคำแนะนำซื้อ ที่ราคาพื้นฐาน 42.50 บาท
# สำหรับในเรื่อง MSCI แม้ KCE จะถูกปรับออกจาก MSCI Global Standard แต่ก็ได้รับการเพิ่มเข้าไปใน MSCI Small Cap Indexed แทน มีผล 31 พ.ค.61
• หุ้นกลุ่มสื่อสาร: ศุกร์ที่ผ่านมาคึกคักขึ้น หลัง TRUE ให้แนวทางไม่ประมูลคลื่น
# กสทช.ยันเดินหน้าจัดประมูลคลื่น 1800 MHz แม้อาจเหลือผู้เข้าร่วมเพียงรายเดียวหลัง TRUE ถอยรายแรก-ADVANC รอเคาะปลายเดือน (Aspen) ราคาหุ้น TRUE และ DTAC ปรับขึ้นสูงมาก ส่วน ADVANC ปรับขึ้นแต่ไม่มาก
# ความเห็น: จริงๆไม่น่าแปลกใจที่ TRUE (Not Rated) ประกาศถอย เพราะมีคลื่นเพียงพอแล้ว การได้มาอีก จะมีภาระในการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ DTAC จำเป็นต้องได้ แม้เช่าทีโอทีสำเร็จแล้ว ส่วน ADVANC โดยเบื้องต้นก็คาดว่าต้องการอีก 1 ใบ เพื่อคุณภาพโครงข่าย และสร้างบริการใหม่ๆที่มีคุณค่า อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องติดตามคือ ที่ DTAC เคยแย้งไปว่าราคาเปิดประมูลสูงเกินไป และระบบ N-1 ไม่จูงใจให้คนเข้าประมูล ในที่สุดทาง กสทช.จะมีการแก้ไขหรือไม่ หรืออาจเกิดกรณีล้มประมูลไปก่อน แล้ว กสทช.มีเกณฑ์การประมูลใหม่ที่ทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนต่ำลง
#คำแนะนำด้านพื้นฐาน คือ ADVANC แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 218.00 บาท มีส่วนเพิ่มได้ 14% และ DTAC แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 56.00 บาท ส่วนเพิ่มได้ 19%
-/+ สัปดาห์นี้ครบกำหนดจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทีวีดิจิตัล แต่ภาครัฐยังไม่ประกาศมาตรการช่วยเหลือ
# จากก่อนหน้าที่หลักทรัพย์กลุ่มนี้ ได้แก่ BEC, RS, WORK, MCOT, MONO รับข่าวดีไปส่วนหนึ่งแล้ว ในเรื่องมาตรการช่วยเหลือ ทั้งพักค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 3 ปี และช่วยเหลือค่าใช้จ่ายโครงข่ายไปอีก 2 ปี จึงยังต้องติดตาม ว่าในที่สุดจะมีมาตรา 44 ออกมาหรือไม่ หากกลายเป็นว่าไม่มีหรือล่าช้า ก็อาจส่งผลลบต่อหลักทรัพย์หมวดนี้ได้ แต่ในทางกลับกันถ้ามีก็จะเป็นบวกได้ ด้านหลักทรัพย์ที่มีส่วนได้เสียมาก คือ BEC มีมากที่สุด 3 ช่อง และ MCOT 2 ช่อง
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO9046