- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 18 May 2018 19:49
- Hits: 15733
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selectionsn >> AMATA, KTC, THG
Stock S R Comment
AMATA 22.50 23.50 สมคิดดึง เกาหลีลงทุน EEC
KTC 355.00 375.00 ชงแตกพาร์ ก.ค.นี้ ตั้งสำรองลด-คุม NPL อยู่
THG 34.50 35.75 ลุ้นเข้า MSCI
SET50/SET100 predictions update
SET50/SET100 : เราได้ทำการ Update การคำนวณหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะถูกนำเข้า/ตัดออกจากดัชนี SET50/SET100 ประจำรอบครึ่งปีหลังของปี 2018 โดยใช้ข้อมูลเบื้องต้นถึงวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา (ข้อมูลจริงจะใช้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 กรกฎาคม) มีผลดังนี้
1) หุ้นที่มีแนวโน้มถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไปได้แก่ KTC, TOA, RATCH, BGRIM, ESSO
2) หุ้นที่มีแนวโน้มถูกตัดออกจากดัชนี SET50 ในรอบถัดไปได้แก่ WHA, TPIPP, BCP, PSH, KCE
3) หุ้นที่มีแนวโน้มถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET100 ในรอบถัดไปได้แก่ TOA, RATCH, BGRIM, VGI, RS, PRM, ERW, THANI, PTL
4) หุ้นที่มีแนวโน้มถูกตัดออกจากดัชนี SET100 ในรอบถัดไปได้แก่ BA, TTA, MONO, ANAN, THCOM, MC, BIG, JMART, JWD
มุมมองของเรา : จากผลการศึกษาของเราในอดีตนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมาพบว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ถูกนำเข้า/ตัดออกจากดัชนีนั้นจะมีนัยสำคัญเฉพาะในส่วนของดัชนี SET50 เท่านั้น โดยหากเจาะจงไปยังหุ้นที่ถูกนำเข้าดัชนี SET50 จะพบว่ามักมีการปรับตัว Outperform ตลาดราว 5% ในช่วง 2 เดือนก่อนหน้าวันบังคับใช้จริง (Effective date) ด้วยเหตุนี้เราแนะนำนักลงทุนที่ต้องการลงทุนตามธีมดังกล่าว "ซื้อเก็งกำไร" หุ้นที่เกี่ยวข้องได้แก่ KTC, TOA, RATCH, BGRIM, ESSO ในทางกลับกัน หุ้นที่ถูกตัดออกจากดัชนีมักมีการปรับตัว Underperform ตลาดราว 5% ในช่วงเวลาเดียวกัน จึงแนะนำนักลงทุนระยะสั้นชะลอการลงทุนในหุ้น WHA, TPIPP, BCP, PSH, KCE ออกไปก่อน
EM : ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (EM) กำลังได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากการไหลออกของ Fund flow ภายหลังจาก Bond yield สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดีเราประเมินว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศลำดับท้ายๆใน EM ที่น่ากังวล เนื่องจากระดับทุนสำรองของเรายังคงอยู่ในระดับสูง และดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุลอย่างมาก จึงไม่น่าจะสร้างแรงกดดันให้กับธปท.ในการที่จะต้องเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินแต่อย่างใด เรายังคงคาดการณ์ว่าธปท.จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% ไปตลอดจนถึงสิ้นปีนี้
กลยุทธ์การลงทุน : คาด SET Index ยังคงได้รับการประคับประคองจากกลุ่มพลังงานที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง (ล่าสุด Brent แตะระดับ 80 เหรียญฯ/บาร์เรล เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014) อย่างไรก็ดี Upside ของดัชนีในระยะสั้นยังคงถูกจำกัดด้วยแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งปรากฏขึ้นภายหลังจาก Bond yield สหรัฐฯปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลกดดันต่อ Earning yield gap ของ SET Index อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนะนำถือหุ้นสำหรับผู้ที่สะสมไปช่วงดัชนีปรับฐานก่อนหน้านี้ และแนะนำสะสมหุ้นสำหรับผู้ที่ยังคง Underweight หุ้นหรือที่ไม่ได้เข้าซื้อไปในช่วงที่ผ่านมา โดยกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจในความเห็นของเรายังคงได้แก่
1) กลุ่ม Cyclical ได้แก่ PTT, PTTGC, BANPU, IVL
2) กลุ่มโรงแรม ได้แก่ MINT, ERW
3) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ AMATA
4) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ QH, AP
5) กลุ่มสื่อสาร ได้แก่ ADVANC, TRUE
6) สำหรับนักลงทุนระยะสั้นประเภทเก็งกำไร แนะนำกลุ่มหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้าสู่ MSCI Global Standard Index และ Small Cap Index ที่มี Market cap ขนาดใหญ่ เช่น LH, TPIPL, THG รวมถึงหุ้นที่มีโอกาสถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไป ได้แก่ KTC, TOA, RATCH, BGRIM, ESSO
แนวรับ 1,740 แนวต้าน 1,764
บทวิเคราะห์วันนี้ :
HANA (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 44 บาท) ผลประกอบการ 1Q61 ย่อลงตามคาด จากอุตสาหกรรม Telecom โลกที่เป็นขาลงเร็วกว่าคาด และค่าเงินบาทที่แข็งใน 1Q61มีผลต่อต้นทุนมากกว่าที่คาดไว้
ROBINS (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 78.60 บาท) SSSG พลิกเป็นบวก ตั้งเป้าเพิ่ม Private Brand หนุน GPM
Today's Event :
RS ลูกหุ้นเข้า 1,800 หุ้น
RP ลูกหุ้นเข้า 21,249,751 หุ้น
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
OO8961