- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 18 May 2018 19:48
- Hits: 4383
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Laggard Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ได้ตามคาดโดยกลุ่มปตท.สามารถช่วยพยุงตลาดได้โดยกระทบ SET กว่า 7 จุดจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ยังปรับขึ้นและจำนวนผู้ยื่นคุณสมบัติประมูลปิโตรเลียมรอบใหม่ที่น้อยกว่าคาด นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.3 พันลบ.และ 645 ลบ. ตามลำดับ
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways และยังคงอยู่ในช่วงของการพักตัวโดยกรอบล่างยังประเมินที่บริเวณ 1,730-1,740 จุด โดยรวมตลาดยังขาดปัจจัยหนุนเพราะ Bond Yield สหรัฐฯที่ยังขยับขึ้น การเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯที่ยังไม่คืบ ส่วนฝั่งบ้านเรายังมีประเด็นสำคัญต้องติดตามในสัปดาห์หน้าคือตัวเลข GDP 1Q18 และศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมายที่มา ส.ว. อย่างไรก็ตามเรามองการพักฐานของตลาดเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีรอบใหม่และคาดว่าจะตอบรับความแข็งแกร่งและการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่จะเร่งตัวขึ้น
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่ Laggard ตลาด//สะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงที่ตลาดพักตัว
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BEM, CHG, EA, SC, THANI
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$439ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$183ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$40ล้าน ไม่มีประเทศใดที่มีเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลัง US Bond Yield เริ่มปรับขึ้นอีกครั้งและเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 7 ปี
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> PCSGH <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 13 บาท
แนวโน้ม 2Q18 ยังโตโดดเด่น แม้จะเป็น Low Season ของกลุ่มยานยนต์ แต่คาดยังทรงตัวได้ Q-Q และโตสูง 20% Y-Y ที่ราว 190 ลบ. เพราะจะได้การผลิตชิ้นส่วนให้กลุ่ม Non-Auto เข้ามาชดเชย ซึ่งมีคำสั่งซื้อเข้ามามากใน 1Q18 และคาดเริ่มส่งมอบตั้งแต่ 2Q18
PE2018-19 อยู่ที่ 13-15 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 19 เท่า ขณะที่ ค่าเบต้าก็ต่ำเพียง 0.11 เท่า เหมาะลงทุนในช่วงตลาดผันผวน
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) กลุ่มเครื่องสำอาง ราคาหุ้นในกลุ่มทั้ง BEAUTY KAMART DDD ปรับตัวลงกว่า 15% ใน 2 สัปดาห์ แม้ว่าผลประกอบการ 1Q18 ออกมาอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นมาก สะท้อนภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่สูงขึ้น และอีกส่วนคือ ตัวเลขการนำเข้าเครื่องสำอาง 1Q18 เพิ่มถึง 29% Y-Y โดยเฉพาะสินค้าจากจีน ซึ่งจะยิ่งทำให้การแข่งขันสูงขึ้นอีกในลำดับถัดไป และด้วย Valuation ที่ตึงตัว PE ราว 35-50 เท่า (ยกเว้น KAMART ซึ่งเป็นเพราะกำไรไม่โต) เราจึงยังคงแนะนำหลีกเลี่ยง แม้ราคาจะปรับตัวลงมามากแล้วก็ตาม
(+) BDMS เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2018-2020 ขึ้น 6-8% สะท้อนรายได้และ Margin ที่ดีกว่าคาด โดยคาดกำไรปกติจะทำ New High ได้อีกครั้งตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นไป และเรายังเห็นผลบวกจากกลุ่มประกันมีบทบาทมากขึ้น และ BDMS เริ่มจับมือกับพันธมิตรในการออกประกันสุขภาพให้ใช้บริการเฉพาะกลุ่ม BDMS เพื่อใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงพยาบาลที่มีทั่วประเทศและ Capacity ที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เราปรับเพิ่มราคาเหมาะสมจาก 26 บาทเป็น 29 บาท คงคำแนะนำซื้อ และเป็น Top Pick ของกลุ่ม
(0) KTC เป็น Non-Bank คุณภาพเยี่ยมทั้งด้านการเติบโตของธุรกิจ และการบริหารคุณภาพสินเชื่อ การคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจะอ่อนตัวใน 2Q18 น่าจะเปิดโอกาสให้ราคาหุ้นมี upside มากกว่าตอนนี้และน่าจะเข้าซื้อสะสมได้ในช่วงราคาอ่อนตัว KTC อยู่ในระหว่างกระบวนการแตกพาร์ ซึ่งน่าจะทำให้สภาพคล่องของหุ้นดีขึ้น (เข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้น 6 ก.ค. นี้และถ้าอนุมัติจะซื้อขายได้ที่พาร์ใหม่อีกราว 1 สัปดาห์) เราคงประมาณการกำไรปี 2018 ที่ 4.6 พันลบ. +40% Y-Y โดยมีสมมติฐาน Credit cost ที่ 7.8% และต้นทุนทางการเงิน 3% และคงราคาเป้าหมายที่ 324 บาท แนะนำขายทำกำไรหรือรอซื้ออ่อนตัว
(-) MAKRO ประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ โทนค่อนไปทางลบ ระยะสั้น 2Q18 ยังไม่ฟื้นจาก 1Q18 เพราะราคาเนื้อสัตว์และน้ำมันปาล์มยังไม่ดี ขณะที่การแข่งขันรุนแรงขึ้น บริษัทได้เน้นการทำโปรโมชั่นมากขึ้น ส่วนกำลังซื้อผ่านร้าน MAKRO ยังไม่ดี เพราะลูกค้าถูกกระทบจากราคาสินค้าเกษตรยังตกต่ำ ถ้า 2H18 ยังไม่ดีขึ้น SSSG ปีนี้อาจพลิกเป็นติดลบ ส่วนแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะทรงถึงลง ทั้งนี้ยั งมีแผนเปิดสาขาในต่างประเทศต่อเนื่อง อินเดีย 2 แห่ง และอาจมีจีน 1 แห่ง เรายังคงราคาเป้าหมาย 42 บาท เต็มมูลค่าแล้ว
(0) RS ประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ บริษัทชี้แจงประเด็น อ.ย. ซึ่งสินค้าของบริษัทปัจจุบันถูกต้องทั้งหมด กรณีที่กสทช.ให้มีการแก้ไขการโฆษณาสินค้าในกลุ่ม Skin care 1 ชนิด และกลุ่มอาหารเสริม 2 ชนิด ได้มีการแก้ไขแล้ว และในส่วนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมีกระทบบ้างในช่วงสั้นๆ ผลกระทบต่อรายได้และกำไรจึงจำกัดมาก ในส่วนธุรกิจทีวีดิจิตอล เม็ดเงินโฆษณาดีขึ้นตั้งแต่เดือน มี.ค. เราคงมองแนวโน้มกำไร 2Q18 เพิ่มขึ้น Q-Q และโตก้าวกระโดด Y-Y คงราคาเป้าหมายที่ 32 บาท แนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
18 พ.ค.- ญีปุ่น: อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.)
21 พ.ค.- ไทย: 1Q18 GDP, ยอดส่งออก (เม.ย.)
23 พ.ค.- ไทย: ศาลรัฐธรรมนูญลงมติ กม. ลูกเรื่องเลือกตั้ง ส.ว. และ ส.ส.
- สหรัฐฯ: FOMC Meeting Minutes
- ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (พ.ค.)
24 พ.ค.- เยอรมัน: 1Q18 GDP
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ที่ปรับตัวขึ้นแตะ 3.11% สูงที่สุดในรอบ 3 ปี
(+) ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงสนับสนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบเบรนท์แตะระดับ 80 ดอลลาร์/บาเรลล์
(+) ภาพรวมตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ หลังตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคขั้นพื้นฐานของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้น +0.7% Y-Y แม้ว่าจะต่ำกว่าที่ตลาดคาด แต่เป็นเหตุผลให้นักลงทุนมองว่า BOJ จะยังไม่สามารถรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้
() ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.00-32.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 71.49 ดอลลาร์/บาเรลล์
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับตัวลดลง 2.10 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,289.40 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO8955