- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 15 May 2018 18:21
- Hits: 750
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play, particularly Healthcare and Tourism
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways Up ได้ต่อเนื่องโดยกรอบการบวกยังคงจำกัดอยู่ในช่วง 1,770-1,780 จุดตามคาด โดยยังไร้ปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจนและนักลงทุนจับตาดูช่วงโค้งสุดท้ายของการประกาศกำไร 1Q18 ของบริษัทจดทะเบียน นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้นเล็กน้อย (แต่ยัง Long ใน Index Futures ต่อเนื่องอีก 5.4 พันสัญญา) ส่วนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิเพิ่มอีก 1.9 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways โดยกรอบการบวกคาดว่ายังจำกัดอยู่บริเวณ 1,780 จุด โดยประเด็นที่ต้องติดตามในช่วงที่เหลือของสัปดาห์คือการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนรอบ 2 (ล่าสุดเริ่มมีสัญญาณบวกกรณี ZTE) ขณะที่วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการประกาศกำไร 1Q18 ของบริษัทจดทะเบียนบ้านเรา โดยกลุ่มที่กำไรออกมาโดดเด่น เช่น ยานยนต์ โรงพยาบาล โรงแรม คาดว่าจะเคลื่อนไหว Outperform ตลาดได้ในช่วงนี้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่มีกำไร 1Q18 แข็งแกร่งโดยเฉพาะโรงพยาบาลและโรงแรม
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BEM, CHG, EA, SC, THANI
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$218ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$379ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$133ล้าน และไทย US$8ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค ความกังวลต่อสถานการณ์การขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐคลายตัวลงหลังสหรัฐได้ให้บริษัทสื่อสารของจีนกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> SC <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท
กำไรสุทธิ 1Q18 โตแรง 244% Y-Y อยู่ที่ 259 ลบ. ดีกว่าคาด 8% จากยอดโอนที่มากกว่าคาด แตะระดับ 2.5 พันลบ. (+60% Y-Y)
โมเมนตัมของกำไรจะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ 2Q18 จากการเริ่มโอนคอนโด Super Luxury 2 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 8.7 พันลบ. และทิศทางแนวราบที่ยังไปได้ดี
เราคาดกำไรปี 2018 กลับมาโตแกร่ง +58% Y-Y เป็น 2 พันลบ. และคาดให้ปันผลสูงราว 5% ขณะที่ PE2018 ยังต่ำเพียง 8 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต และกลุ่มอสังหาที่ 9 เท่า
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play, particularly Healthcare and Tourism
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways Up ได้ต่อเนื่องโดยกรอบการบวกยังคงจำกัดอยู่ในช่วง 1,770-1,780 จุดตามคาด โดยยังไร้ปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจนและนักลงทุนจับตาดูช่วงโค้งสุดท้ายของการประกาศกำไร 1Q18 ของบริษัทจดทะเบียน นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้นเล็กน้อย (แต่ยัง Long ใน Index Futures ต่อเนื่องอีก 5.4 พันสัญญา) ส่วนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิเพิ่มอีก 1.9 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways โดยกรอบการบวกคาดว่ายังจำกัดอยู่บริเวณ 1,780 จุด โดยประเด็นที่ต้องติดตามในช่วงที่เหลือของสัปดาห์คือการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนรอบ 2 (ล่าสุดเริ่มมีสัญญาณบวกกรณี ZTE) ขณะที่วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการประกาศกำไร 1Q18 ของบริษัทจดทะเบียนบ้านเรา โดยกลุ่มที่กำไรออกมาโดดเด่น เช่น ยานยนต์ โรงพยาบาล โรงแรม คาดว่าจะเคลื่อนไหว Outperform ตลาดได้ในช่วงนี้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่มีกำไร 1Q18 แข็งแกร่งโดยเฉพาะโรงพยาบาลและโรงแรม
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BEM, CHG, EA, SC, THANI
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$218ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$379ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$133ล้าน และไทย US$8ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค ความกังวลต่อสถานการณ์การขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐคลายตัวลงหลังสหรัฐได้ให้บริษัทสื่อสารของจีนกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> SC <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท
กำไรสุทธิ 1Q18 โตแรง 244% Y-Y อยู่ที่ 259 ลบ. ดีกว่าคาด 8% จากยอดโอนที่มากกว่าคาด แตะระดับ 2.5 พันลบ. (+60% Y-Y)
โมเมนตัมของกำไรจะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ 2Q18 จากการเริ่มโอนคอนโด Super Luxury 2 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 8.7 พันลบ. และทิศทางแนวราบที่ยังไปได้ดี
เราคาดกำไรปี 2018 กลับมาโตแกร่ง +58% Y-Y เป็น 2 พันลบ. และคาดให้ปันผลสูงราว 5% ขณะที่ PE2018 ยังต่ำเพียง 8 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต และกลุ่มอสังหาที่ 9 เท่า
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กำไรปกติ 1Q18 ของบริษัทใน FSS coverage +13% Q-Q, +1% Y-Y ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี กลุ่มที่โตทั้ง Q-Q และ Y-Y ได้แก่ กลุ่มค้าขายสินค้าไอที ยานยนต์ โรงพยาบาล และธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ส่วนกลุ่มที่แย่ คือ กลุ่มเนื้อสัตว์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องดื่ม(ยกเว้น SAPPE)
(+) กำไรกลุ่มยานยนต์ออกมาดี กำไรสุทธิ 1Q18 ของกลุ่ม (AH PCSGH SAT) ออกมาดี +2% Q-Q, +53% Y-Y ตามยอดผลิตรถยนต์ที่กลับมาขยายตัว 6% Q-Q และ 11% Y-Y อยู่ที่ 5.4 แสนคัน หุ้นที่กำไรโต Y-Y แรงสุดคือ AH (+77%) เพราะมีดอกเบี้ยรับจากบริษัทย่อย, SAT (+38%) ได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการขยายตัวของเครื่องจักรการเกษตร, และ PCSGH (+33%) ได้ผลดีจากการกลับมาโตของกลุ่ม Non-Auto แนวโน้ม 2Q18 คาดเห็นการเติบโตแบบ Y-Y ต่อเนื่อง เพราะการบริโภคในประเทศฟื้นตัว และเงินบาทที่อ่อนค่าจะหนุนยอดส่งออกในระยะถัดไป ขณะที่ PE ของกลุ่มยังต่ำเพียง 15 เท่า จึงมีโอกาสถูกจัดสรรเงินลงทุนเข้ามามากขึ้น แนะนำซื้อทั้ง AH (TP 47) SAT (TP 24.1) PCSGH (TP 13) แต่ที่ Laggard สุดคือ PCSGH
(+) BDMS กำไรปกติ 1Q18 อยู่ที่ 2,919 ลบ. +43.5% Q-Q, +47.9% Y-Y ดีกว่าที่เราและตลาดคาดมากถึง 15-20% จากโรคระบาดและการควบคุมต้นทุนได้ดี กำไร 1Q18 คิดเป็น 32% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปีที่ 9,121 ลบ. +13.8% Y-Y ทำให้เรามองเห็น Upside ของประมาณการราว 5-10% ซึ่งเกิดจากทั้งฝั่งรายได้และโดยเฉพาะ Margin ที่ดีกว่าคาด เรายังคงคำแนะนำซื้อ และยังเลือกเป็น Top Pick ของกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ราคาเป้าหมาย 26 บาท
(+) BGRIM กำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 723 ลบ. +58% Q-Q, +6% Y-Y หากไม่รวมรายการพิเศษ มีกำไรปกติ 512 ลบ. +53% Q-Q, +22% Y-Y จากการเริ่ม COD โรงไฟฟ้า ABPR3 (133 MW BGRIM ถือหุ้น 55%) ตั้งแต่ต้นเดือนก.พ. คาดกำไรปกติ 2Q18 โตขึ้นอีก จากการเดินเครื่องโรง ABPR3 เต็มที่มากขึ้น และคาดโครงการ ABPR4 และ ABP5 (โรงละ 133 MW ถือหุ้น 55%) จะเริ่ม COD ในเดือนมิ.ย. และ ต.ค. ตามลำดับ ตามด้วยโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำแช 16 MW และโครงการ Solar ราชการ 31 MW ในปลายปี คงคาดกำไรปกติปี 2018 โตสูง 40% เป็น 2.4 พันลบ. แนะนซื้อ ราคาเป้าหมาย 32 บาท
(+) ERW กำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 286 ลบ. +77.3% Q-Q, +37.5% Y-Y ดีกว่าเราและตลาดคาด จากรายได้ที่โตโดดเด่นตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ EBITDA Margin ที่ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ เราคาดกำไรช่วงที่เหลือของปีจะโตแข็งแกร่ง Y-Y และจะไม่กลับไปขาดทุนใน 2Q-3Q ที่เป็น Low Season ขณะที่ 4Q18 จะมีการเปิดโรงแรมใหญ่คือ Novotel & IBIS Style นานา เรายังคงคาดกำไรปกติปีนี้ทำ New High ต่อเนื่องที่ 623 ลบ. +18% Y-Y แนะนำซื้อในฐานะ Top Pick ของกลุ่ม ราคาเป้าหมาย 9 บาท
(+) SAPPE กำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 117 ลบ. +50% Q-Q, + 139% Y-Y ดีกว่าคาดที่ 87 ลบ. เพราะรายได้ส่งออกดีและในประเทศโตได้ตามเป้า ทำให้การใช้กำลังการผลิตสูงขึ้น และหนุนให้อัตรากำไรขยายตัวตามไปด้วย SAPPE ถือเป็นหุ้นที่กำไรออกมาดีสุดในกลุ่มเครื่องดื่ม แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 29 บาท
(-) CPF กำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 3 พันลบ. มาจากกำไรขายเงินลงทุน 3.5 พันลบ. ส่วนธุรกิจหลักยังขาดทุนต่อ แม้ 2Q18 น่าจะฟื้นตามฤดูกาล แต่อาจไม่สดใสนักเพราะราคาหมูในไทยล่าสุดกลับมาลง แนะนำเพียงถือ
(+) EKH กำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 22 ลบ. +31% Q-Q, +61% Y-Y จากแรงหนุนของโรคระบาด และการควบคุมต้นทุนได้ดี แม้จะเริ่มรับรู้ต้นทุนจากการเปิดศูนย์ผู้มีบุตรบาก แนวโน้มช่วงที่เหลือของปี คาดว่าอยู่ในโมเมนตัมบวกต่อเนื่อง หรือต่อให้ไม่โตจากปีก่อน ด้วยฐาน 1Q18 ทำไว้ดีมาก ก็ทำให้กำไรปกติทั้งปีถึงเป้าของเราที่ 92 ลบ. +10% ได้ไม่ยาก แนะนำซื้อ ในฐานะ Top pick กลุ่ม รพ. ขนาดเล็ก ราคาเป้าหมาย 7 บาท
(+) กำไรปกติ 1Q18 ของบริษัทใน FSS coverage +13% Q-Q, +1% Y-Y ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี กลุ่มที่โตทั้ง Q-Q และ Y-Y ได้แก่ กลุ่มค้าขายสินค้าไอที ยานยนต์ โรงพยาบาล และธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ส่วนกลุ่มที่แย่ คือ กลุ่มเนื้อสัตว์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องดื่ม(ยกเว้น SAPPE)
(+) กำไรกลุ่มยานยนต์ออกมาดี กำไรสุทธิ 1Q18 ของกลุ่ม (AH PCSGH SAT) ออกมาดี +2% Q-Q, +53% Y-Y ตามยอดผลิตรถยนต์ที่กลับมาขยายตัว 6% Q-Q และ 11% Y-Y อยู่ที่ 5.4 แสนคัน หุ้นที่กำไรโต Y-Y แรงสุดคือ AH (+77%) เพราะมีดอกเบี้ยรับจากบริษัทย่อย, SAT (+38%) ได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการขยายตัวของเครื่องจักรการเกษตร, และ PCSGH (+33%) ได้ผลดีจากการกลับมาโตของกลุ่ม Non-Auto แนวโน้ม 2Q18 คาดเห็นการเติบโตแบบ Y-Y ต่อเนื่อง เพราะการบริโภคในประเทศฟื้นตัว และเงินบาทที่อ่อนค่าจะหนุนยอดส่งออกในระยะถัดไป ขณะที่ PE ของกลุ่มยังต่ำเพียง 15 เท่า จึงมีโอกาสถูกจัดสรรเงินลงทุนเข้ามามากขึ้น แนะนำซื้อทั้ง AH (TP 47) SAT (TP 24.1) PCSGH (TP 13) แต่ที่ Laggard สุดคือ PCSGH
(+) BDMS กำไรปกติ 1Q18 อยู่ที่ 2,919 ลบ. +43.5% Q-Q, +47.9% Y-Y ดีกว่าที่เราและตลาดคาดมากถึง 15-20% จากโรคระบาดและการควบคุมต้นทุนได้ดี กำไร 1Q18 คิดเป็น 32% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปีที่ 9,121 ลบ. +13.8% Y-Y ทำให้เรามองเห็น Upside ของประมาณการราว 5-10% ซึ่งเกิดจากทั้งฝั่งรายได้และโดยเฉพาะ Margin ที่ดีกว่าคาด เรายังคงคำแนะนำซื้อ และยังเลือกเป็น Top Pick ของกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ราคาเป้าหมาย 26 บาท
(+) BGRIM กำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 723 ลบ. +58% Q-Q, +6% Y-Y หากไม่รวมรายการพิเศษ มีกำไรปกติ 512 ลบ. +53% Q-Q, +22% Y-Y จากการเริ่ม COD โรงไฟฟ้า ABPR3 (133 MW BGRIM ถือหุ้น 55%) ตั้งแต่ต้นเดือนก.พ. คาดกำไรปกติ 2Q18 โตขึ้นอีก จากการเดินเครื่องโรง ABPR3 เต็มที่มากขึ้น และคาดโครงการ ABPR4 และ ABP5 (โรงละ 133 MW ถือหุ้น 55%) จะเริ่ม COD ในเดือนมิ.ย. และ ต.ค. ตามลำดับ ตามด้วยโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำแช 16 MW และโครงการ Solar ราชการ 31 MW ในปลายปี คงคาดกำไรปกติปี 2018 โตสูง 40% เป็น 2.4 พันลบ. แนะนซื้อ ราคาเป้าหมาย 32 บาท
(+) ERW กำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 286 ลบ. +77.3% Q-Q, +37.5% Y-Y ดีกว่าเราและตลาดคาด จากรายได้ที่โตโดดเด่นตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ EBITDA Margin ที่ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ เราคาดกำไรช่วงที่เหลือของปีจะโตแข็งแกร่ง Y-Y และจะไม่กลับไปขาดทุนใน 2Q-3Q ที่เป็น Low Season ขณะที่ 4Q18 จะมีการเปิดโรงแรมใหญ่คือ Novotel & IBIS Style นานา เรายังคงคาดกำไรปกติปีนี้ทำ New High ต่อเนื่องที่ 623 ลบ. +18% Y-Y แนะนำซื้อในฐานะ Top Pick ของกลุ่ม ราคาเป้าหมาย 9 บาท
(+) SAPPE กำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 117 ลบ. +50% Q-Q, + 139% Y-Y ดีกว่าคาดที่ 87 ลบ. เพราะรายได้ส่งออกดีและในประเทศโตได้ตามเป้า ทำให้การใช้กำลังการผลิตสูงขึ้น และหนุนให้อัตรากำไรขยายตัวตามไปด้วย SAPPE ถือเป็นหุ้นที่กำไรออกมาดีสุดในกลุ่มเครื่องดื่ม แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 29 บาท
(-) CPF กำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 3 พันลบ. มาจากกำไรขายเงินลงทุน 3.5 พันลบ. ส่วนธุรกิจหลักยังขาดทุนต่อ แม้ 2Q18 น่าจะฟื้นตามฤดูกาล แต่อาจไม่สดใสนักเพราะราคาหมูในไทยล่าสุดกลับมาลง แนะนำเพียงถือ
(+) EKH กำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 22 ลบ. +31% Q-Q, +61% Y-Y จากแรงหนุนของโรคระบาด และการควบคุมต้นทุนได้ดี แม้จะเริ่มรับรู้ต้นทุนจากการเปิดศูนย์ผู้มีบุตรบาก แนวโน้มช่วงที่เหลือของปี คาดว่าอยู่ในโมเมนตัมบวกต่อเนื่อง หรือต่อให้ไม่โตจากปีก่อน ด้วยฐาน 1Q18 ทำไว้ดีมาก ก็ทำให้กำไรปกติทั้งปีถึงเป้าของเราที่ 92 ลบ. +10% ได้ไม่ยาก แนะนำซื้อ ในฐานะ Top pick กลุ่ม รพ. ขนาดเล็ก ราคาเป้าหมาย 7 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15 พ.ค.- MSCI Semi-annual index review
- ไทย: วันสุดท้ายรายงานผลประกอบการ 1Q18
- จีน: ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน เม.ย.
16 พ.ค.- ไทย: กนง.ประชุม คาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%
21 พ.ค.- ไทย: 1Q18 GDP
23 พ.ค.- ไทย: ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติ กม. ลูก เลือกตั้ง ส.ว. และ ส.ส.
- สหรัฐฯ: FOMC Meeting Minutes
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับตัวขึ้นอีกเล็กน้อย หลังจากตลาดคาดว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า เพื่อให้บริษัท ZTE ของจีนกลับมาดำเนินงานได้อีกครั้งเพื่อแลกกับการยกเลิกภาษีสินค้าทางการเกษตรจากทางสหรัฐ
(-) ตลาดหุ้นยุโรปมีการปรับตัวลงเล็กน้อยจากแรงขายทำกำไรหลังตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสถานการณ์ทางการเมืองของอิตาลีที่ยังต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด
(0) ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมผสาน อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอดูการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐในรอบที่สอง รวมถึงตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมและตัวเลขค้าปลีกของจีนในวันนี้
() ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.85-31.90 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้น 0.26 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 70.96 ดอลลาร์/บาเรลล์ หลังกลุ่ม OPEC ปรับประมาณการความต้องการใช้น้ำมันดิบปีนี้เพิ่มขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 2.50 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,318.20 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO8776
15 พ.ค.- MSCI Semi-annual index review
- ไทย: วันสุดท้ายรายงานผลประกอบการ 1Q18
- จีน: ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน เม.ย.
16 พ.ค.- ไทย: กนง.ประชุม คาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%
21 พ.ค.- ไทย: 1Q18 GDP
23 พ.ค.- ไทย: ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติ กม. ลูก เลือกตั้ง ส.ว. และ ส.ส.
- สหรัฐฯ: FOMC Meeting Minutes
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับตัวขึ้นอีกเล็กน้อย หลังจากตลาดคาดว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า เพื่อให้บริษัท ZTE ของจีนกลับมาดำเนินงานได้อีกครั้งเพื่อแลกกับการยกเลิกภาษีสินค้าทางการเกษตรจากทางสหรัฐ
(-) ตลาดหุ้นยุโรปมีการปรับตัวลงเล็กน้อยจากแรงขายทำกำไรหลังตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสถานการณ์ทางการเมืองของอิตาลีที่ยังต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด
(0) ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมผสาน อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอดูการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐในรอบที่สอง รวมถึงตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมและตัวเลขค้าปลีกของจีนในวันนี้
() ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.85-31.90 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้น 0.26 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 70.96 ดอลลาร์/บาเรลล์ หลังกลุ่ม OPEC ปรับประมาณการความต้องการใช้น้ำมันดิบปีนี้เพิ่มขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 2.50 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,318.20 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO8776