- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 09 September 2014 15:24
- Hits: 2156
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Break 1590
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดบวกเป็นวันที่ 2 เพียง 0.45 จุด มาอยู่ที่ 1,584.77 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,234 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 อีก 1,442 ล้านบาท กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการเพียง 198 สัญญา แต่กลับขายทำกำไรในตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการเพียง 196 ล้านบาท
MBKET ให้น้ำหนักกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่องเกือบ 8.3 พันล้านบาทตลอด 6 วันทำการที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการสิ้นสุดงาน Thailand Focus แต่อีกส่วนและน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเห็นกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทย รวมถึง TIPs อย่างต่อเนื่องคือ การเกิด Euro Carry Trade ผสมกับตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด แต่การส่งออกของจีนกลับขยายตัวเด่นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 สะท้อนภาพเศรษฐกิจในเอเชียผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1H57 ขณะที่สหรัฐฯ อาจเริ่มสูญเสียโมเมนตัมของเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ และหากพิจารณาจากยอดขายสุทธินับตั้งแต่ปี 2556-ปัจจุบันของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยมากถึง 2.11 แสนล้านบาท ย่อมเป็นตัวเลขที่น่าสนใจของการประเมินกระแสเงินทุนต่างชาติในระลอกนี้ แม้ว่า ณ ปัจจุบัน Valuation ของตลาดหุ้นไทยเข้าสู่โซนแพงเมื่อเทียบกับอดีต แต่ตลาดหุ้นไทยก็ยังซื้อขาย PER14-15 ที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์เช่นกัน
วันนี้ ติดตามการประชุม ครม.ภายใต้การนำของนายกฯ ประยุทธ์ นัดแรก อาจพิจารณาแผนงานด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนการลงทุนคมนาคมในร่างงบประมาณปี 2558 รวมถึงแผนกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมถึงการประชุมบอร์ดบีโอไอในวันนี้ คาดอนุมัติแผนการลงทุนขนาดใหญ่ 5.0 หมื่นล้านบาท โครงการรถยนต์อีโคคาร์เฟส 2
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนเด่นเฉพาะตัว เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุดหรือสูงกว่า
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” AAV/ KKP
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Speculative buy: AAV/ KKP
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,590 จุด
SET INDEX วันนี้ คาดขยับขึ้นทดสอบด่าน 1,590 จุด +/- และมีโอกาสปิดยืนเหนือแนวดังกล่าวได้
ดังนั้นกลยุทธ์ เก็งกำไรรายตัว ที่ Valuation ยังคงต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่ม เป็นทางเลือกของการลงทุนรอบสั้น
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะตลาดหุ้นกลุ่ม TIP ขณะที่ตลาดหุ้น Kospi / Taiex / จีน ปิดทำการ
ด้านตลาดหุ้นไทย SET INDEX เปิดบวกไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,590 จุด ผลักดันโดย SCC, PTT, BBL ขณะที่หุ้นขนาดกลางในกลุ่มอสังหาฯ ขยับขึ้นเด่น อย่างไรก็ตาม ด่าน 1,590 จุด เผชิญกับแรงขายทำกำไรเข้ามาเป็นระยะๆ เช่นกัน บวกกับตลาดหุ้นในยุโรปเปิดย่อตัว ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,584.77 จุด บวกเป็นวันที่ 2 เพียง 0.45 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,234 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกมากที่สุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่ม Fashion +3.29%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง +2.18% และกลุ่มเหล็ก +1.10% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร -0.01% กลุ่มพลังงาน +0.48% และ กลุ่ม ICT -0.10%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.42 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวกเด่น หลังค่าเงินเยนอ่อนค่าแตะระดับ Yen106/US$ ขณะที่ตลาดหุ้น Kospi ปิดทำการอีกหนึ่งวัน
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนที่ “บวก” วันที่ 3 พร้อมคงภาพ SET INDEX มีโอกาสขยับขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,590-1,600 จุดภายในสัปดาห์นี้ เนื่องจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทยที่นักลงทุนต่างชาติมีพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นนี้เป็นจำนวนน้อย ดังจะเห็นได้จากยอดขายสุทธินับตั้งแต่ปี 2556 – ปัจจุบัน สูงถึง 2.11 แสนล้านบาท เป็นเพียงตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ตลาดเดียวที่เป็นยอดขายสุทธิดังกล่าว ขณะที่ปัจจัยทั้งในและต่างประเทศกลับเปลี่ยนไปในเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบัน ได้แก่
•การทำ Euro Carry Trade หลัง ECB ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือเพียง 0.05% เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จนเสี่ยงต่อการเกิด Double dip recession ภายใต้อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาว 2.0%
MBKET เชื่อว่า เงินทุนดังกล่าว จะเลือกลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ นำโดยตลาดหุ้นจีน เพราะ ณ ปัจจุบัน Valuation ของตลาดหุ้นจีน ต่ำเป็นอันดับที่ 2 รองจาก Kospi แต่สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวด้านการส่งออก ราคาอสังหาฯ เริ่มทรงตัว รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา Shadow bank หากเศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ เศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ในเอเชีย รวมถึงไทย ย่อมได้อานิสงค์เชิงบวกเช่นกัน
•ณ ปัจจุบัน SET INDEX ยังคงซื้อขายด้วย PER14-15 ต่ำสุดใน TIPs market แม้ว่า ตลาดหุ้นไทยจะซื้อขายใน PER14-15 ที่แพงกว่าค่าเฉลี่ย +1SD ของตลาดหุ้นไทยในอดีตที่ผ่านมาแล้วก็ตาม แต่ตลาดหุ้น PSE / JSI ก็ซื้อขายที่โซนแพงในเกณฑ์เดียวกันเช่นกัน
•และพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ ที่เข้าสู่ระยะที่ 2 ตามกรอบเวลาที่ คสช. ประกาศไว้ตั้แต่ต้น ซึ่งนับจากนี้ไป MBKET เชื่อว่าจะเห็นนโยบายด้านเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังเริ่มการประชุม ครม.นัดแรกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อเป็นการเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศ
ดังนั้น MBKET แนะนำให้ นักลงทุน คงเข้าเก็งกำไรต่อหุ้นในกลุ่มหลักที่ได้ประโยชน์จากพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ เป็นสำคัญ ทั้งนี้นักลงทุน ควรกำหนดแนว Stop Loss เพื่อปิดความเสี่ยงของการลงทุนเสมอ เพราะความผันผวนของ SET INDEX อยู่ในระดับสูงขึ้น เมื่อเข้าสู่แนวต้านใหญ่ 1,600 จุด ขณะที่กลุ่มธนาคาร / ICT / PTT Family น่าจะเป็นกลุ่มหลักเป้าหมายที่นักลงทุนต่างชาติจะให้ความสนใจลงทุนในระลอกนี้
ประเด็นการเมืองภายในประเทศที่สำคัญจากนี้ไป ได้แก่
oร่างงบประมาณปี 2558 ได้ผ่านวาระที่ 1 วานนี้ ขั้นตอนถัดไปตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณา และนำเสนอต่อสนช. เพื่อพิจารณาวาระที่ 2-3 ตามลำดับ วันที่ 17-18 ก.ย. คาดว่าจะสามารถนำงบประมาณปี 2558 ใช้ได้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้
oแนวทางการปฎิรูปการเมือง ผ่านสภาปฎิรูปที่อยู่ระหว่างการสรรหา
oแผน Roadmap ที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ
แผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท
แผนปฎิรูปพลังงาน
แผนกระตุ้นการท่องเที่ยว
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ติดตามการประชุม ครม.นัดแรกวันนี้ อาจเห็นการพิจารณาในรายละเอียดต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่
•แผนการลงทุนด้านคมนาคม ในงบประมาณปี 2558 และแผนการลงทุน 8 ปี ของกระทรวงคมนาคม
•มาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว
i.การพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่
ii.ข้อเสนอการลดหย่อนภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ในปี 2557 มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
iii.การจัดตั้งกองทุนประกันภัยการท่องเที่ยว วงเงิน 200 ล้านบาท เพราะประเทศที่ใช้กฎอัยการศึก บริษัทประกันภัยจะไม่รับประกันการท่องเที่ยว หากมีการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว จะเป็นบวกต่อภาคการท่องเที่ยว
MBKET มีความเห็นเป็นบวกต่อพัฒนาการดังกล่าว และจะส่งผลบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / วัสดุก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร ในประเด็นแรก ส่วนประเด็นที่ 2 นั้น กลุ่มโรงแรมจะได้รับประโยชน์ทางตรง ขณะที่กลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำ จะได้ประโยชน์ทางอ้อม หุ้น Top Pick ได้แก่ CK / KTB / ERW / AAV
2.สัปดาห์นี้มีตลาดหุ้นในเอเชียหลายแห่งปิดทำการ
•วันที่ 9 ก.ย.: ตลาดหุ้น Kospi / HSKI
•วันที่ 10 ก.ย.: ตลาดหุ้น Kospi
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.09 13.82 16.09 13.82
PSE 20.69 17.88 20.54 17.75
JSE 17.01 14.49 16.90 14.41
KOSPI Closed Closed 10.44 9.02
TAIEX Closed Closed 15.05 14.05
Straits Time 14.73 13.57 14.75 13.59
SHCOMP Closed Closed 9.23 8.17
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.AAV : ราคาปิด 4.74 บาท ราคาเหมาะสม 5.20 บาท
a)กลุ่มท่องเที่ยวได้ประเด็นเก็งกำไรในวันนี้ต่อการประชุมครม.นัดแรก อาจมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่ หรือ การเร่งรัดจัดตั้งกองทุนประกันภัยเพื่อการท่องเที่ยว ทุนประเดิม 200 ล้านบาท
b)อีกทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดน้ำมันดิบ Brent คืนวานนี้ปิดต่ำกว่า US$100/barrel ย่อมเป็นบวกต่อธุรกิจสายการบิน เพราะต้นทุนหลักในการให้บริการคือ น้ำมัน นอกเหนือไปจากค่าเช่าเครื่องบิน หรือ ค่าเสื่อมราคาเครื่อง
c)MBKET คาด AAV จะเป็นสายการบินเดียวที่รายงานผลการดำเนินงานใน 3Q57 เป็นกำไร จากตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวแรงกว่า NOK และ THAI ล่าสุดตัวเลขเดือนก.ค. Loading Factor กลับมาอยู่ระดับ 81% ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวเดือนก.ค.ฟื้นตัวถึง 22% mom นำโดยนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของ AAV
d)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +231% yoy เป็น 1,671 ล้านบาท เติบโตสูงที่สุดในหุ้นกลุ่มสายการบิน และซื้อขายที่ PBV 2558 เพียง 0.86 เท่า
2.KKP : ราคาปิด 43.50 บาท ราคาเหมาะสม 42.00 บาท
a)แม้ว่าราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน สูงกว่าราคตาเหมาะสมที่ประเมินไว้ 42.00 บาท แต่หากพิจารณาจาก P/BV ปี 2558 ต่ำเพียง 0.94x ต่ำเป็นอันดับที่ 2 รองจาก TCAP ขณะที่โครงสร้างธุรกิจของ KKP มีความโดดเด่นเฉพาะกลุ่มมากกว่า TCAP ทำให้เชื่อว่าการฟื้นตัวของธุรกิจจะทำได้เร็วกว่า TCAP
b)และแม้ว่าวันนี้ KKP จะขึ้น XD ที่ 0.50 บาท MBKET เชื่อว่าผลกระทบดังกล่าวต่อราคาหุ้นเป็นไปอย่างจำกัด เพราะราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน สะท้อนประเด็นลบจากยอดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสองไปมากแล้ว ขณะที่เราคาดว่า KKP จะเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2558 สูงสุดที่สุด 6.00%
c)MBKET ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานของ KKP ต่ำสุดใน 2Q-3Q57 นี้ ตามทิศทางยอดขายรถยนต์ และคุณภาพสินเชื่อรถยนต์มือสอง MBKET เชื่อว่าราคารถยนต์มือสองจะเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปใน 4Q57 พร้อมๆ กับ ยอดขายรถยนต์ใหม่ที่จะฟื้นตัวตามผลของฤดูกาลใน 4Q เป็นต้นไป ขณะที่พอร์ตการลงทุนของบริษัทลูก PHATRA คาดว่าจะทำกำไรให้แก่ KKP ได้อย่างโดดเด่นใน 3Q57 นี้
d)MBKET คาดกำไรสุทธิปี 2558 ของ KKP จะทำได้ระดับ 4,242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.04% yoy ตามภาพรวมของธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และธุรกิจหลักทรัพย์
What will DJIA move tonight? คืนนี้ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิอีก US$121 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$248 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX Closed 72.9 13,584.1 9,188.0
KOSPI Closed 105.7 9,074.6 4,875.1
JSE 47.7 25.8 4,961.3 -1,806.4
PSE 26.8 2.3 1,322.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 1.7 -7.4 266.0 263.2
SET INDEX 45.1 49.0 -486.9 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +1,442 +1,568
SET50 Index Futures (สัญญา) +198 -1,333
SSF (สัญญา) +160 +358
Metal Futures (สัญญา) +11 +144
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -196 +1,117
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 อีก 1,442 ล้านบาท รวม 6 วันทำการซื้อสุทธิ 8,267 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิลดลงเหลือ 17,455 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 198 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาถือสถานะ Long สุทธิเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แม้ว่า S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบเพียง 1.70 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างถึง 3.37 จุด ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิเพียงเล็กน้อย
Metal Futures การลงทุนของนักลงทุนกลุ่มนี้ขาดความโดดเด่น แม้คงการ Long สุทธิวันที่ 3 แต่ก็เพียง 11 สัญญาเท่านั้น รวม 3 วันทำการ Long สุทธิเพียง 165 สัญญา เทียบกับช่วงก่อนหน้าที่ Short สุทธิ 1,962 สัญญา สะท้อนภาพทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกขาดความชัดเจน
และ ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เพียง 196 ล้านบาท จาก 3 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,416 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรระยะยาวเพิ่มขึ้นแรง ผ่านผลตอบแทนจากพันธบัตรลดลงถึง 3.42bps ปิดที่ 3.556%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 417 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 311 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
TRUE 83.49 4.02% 11.15
ITD 79.40 3.06% 5.67
KBANK 43.38 4.52% 239.12
LH 37.41 19.13% 10.70
TTA 36.03 2.30% 24.16
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 10 เป็นการซื้อในลักษณะ Basket Orders ชัดเจน
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิมากถึง 1,935 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,610 ล้านบาท รวม 10 วันทำการซื้อสุทธิ 13,707 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการซื้อตามกลุ่มหลักของตลาดหุ้นไทยชัดเจน สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 6 อีก 665 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 741 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้างซื้อสุทธิ 576 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 152 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 213 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 404 ล้านบาท กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 169 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 293 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 117 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มปิโตรเคมีขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 39 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
SCC 553.34 15.62 STPI -53.00 12.53
KBANK 300.64 44.38 PTTGC -52.80 19.47
BBL 181.89 39.05 TCAP -41.85 4.80
KTB 180.43 23.87 DTAC -36.42 19.97
AOT 93.04 15.19 MEGA -34.84 25.99
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong