- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 May 2018 17:36
- Hits: 4929
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“น้ำมันสูงสุดในรอบ 3 ปี-ข่าวเลื่อนใช้ IFRS9”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index วันจันทร์แทบไม่เปลี่ยนแปลงปรับลง 0.07 จุดปิดที่ 1779.80 จุด ท่ามกลางการซื้อขายเบาบางลงที่ 4.5 หมื่นล้านบาท ถือว่า Surprise ในทางลบที่ตัวเลขจ้างงานอ่อนลง คลายกังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย หุ้นควรปรับขึ้น แต่กลับมีแรงขายทำกำไรระหว่างวันหุ้นขึ้นลงถึง 13.45 จุด การที่หุ้นกลุ่มพลังงานไม่บวก แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้น เลยไม่ช่วยหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับลง นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 1.3 พันลบ. ส่วนนักลงทุนที่เหลืออีก 3 ประเภทเป็นผู้ซื้อสุทธิ
แนวโน้มและกลยุทธ์–สิ้งที่ต้องติดตามคือ ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี จะผลักดันหุ้นกลุ่มพลังงานได้ต่อไปอีกหรือไม่ หลังจากเริ่มมีการขายทำกำไร ส่วนข่าวเรื่องการเลื่อนใช้มาตรฐาน IFRS9 ไปปี 65 จากเดิมปี 62 จะช่วยทำให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารฟื้นขึ้นหรือไม่ แต่การที่พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่ยังแตะใกล้ 3%ดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่ทำ New High และเรื่องการกีดกันทางการค้าที่ไม่แน่นอนคอยกดดันดัชนีฯ ส่วนเรื่องทรัมป์กับการคว่ำบาตรอิหร่านซึ่งจะมีผลกับราคาน้ำมัน ทรัมป์อาจตัดสินใจวันนี้เลยและจะมีผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ (Cost Push Inflation) ช่วงนี้ยังจับตารายงานกำไรบจ.งวด 1Q61 ซึ่งจะทยอยออกมาถึงกลางเดือนพ.ค. มีการเปรียบเทียบกับประมาณการ (Preview) ที่ระยะนี้มีการรายงานออกมาต่อเนื่อง ในสัปดาห์นี้ กลยุทธ์เน้นหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ ระยะสั้นมีกำไร 1Q61 ออกมาดี หรือมี Catalyst เฉพาะตัว ตามบทวิเคราะห์ DBS ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบ 1760-1800 จุด
Update กลุ่มและหุ้น : SEAFCO – ระยะนี้สังเกตได้ว่าหลักทรัพย์ที่ขึ้น XD ปันผลเป็นหุ้นแต่พื้นฐานดี กลับปรับตัวขึ้นสูงได้ เช่น RICHY และ SENA ที่ผ่านมา ดังนั้นวันนี้เราจึงแนะนำ SEAFCO ที่จะมีการขึ้น XD เป็นหุ้นวันพุธ 9 พ.ค.นี้ เป็น 10:1 และเงินสด 0.05 บาท โดยปันผลเงินสดมีส่วนมากกว่านำไปจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่ายด้วย (0.005 บาท) ถือว่าตอนนี้ได้งานดีๆครบทั้ง One Bangkok และรถไฟฟ้า ส้ม-ชมพู คาดกำไรทำ New High หากพิจารณาอัตราการเติบโตกำไรหลักต่อหุ้นปีนี้ (คิดจำนวนหุ้นที่เพิ่มจาก หุ้นปันผลแล้ว) และปี 62 เทียบ y-o-y เป็น 70%/20% ตามลำดับถือว่าอยู่ในเกณฑ์สูงมาก ราคาพื้นฐานก่อน XD และหลัง XD เป็น 10.87 และ 9.88 บาท ตามลำดับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นลบต่อ คาดตลาดฯสัปดาห์นี้มีการแกว่งแบบลง เพราะระยะกลางมีสภาวะ Overbought+Divergence ซื้อใหม่เน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1790-1795, 1800 Stop loss ถ้าหลุด 1779 (SET ปิดที่ 1779.80) โดยมีแนวรับ 1760-1750
สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น STPI, BGRIM, TOP, SAT, VIH, SAMART, THE ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ BEM, GOLD, SEAFCO, GLOBAL. MAJOR หุ้นที่หลุด List SPALIและที่ให้หาจังหวะ Take profit เป็น CPALL, EPG, GULF, PTL, COM7
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์สหรัฐเพิ่มขึ้น จากหุ้นกลุ่มพลังงาน
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,357.32 จุด เพิ่มขึ้น 94.81 จุด หรือ +0.39% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,265.21 จุด เพิ่มขึ้น 55.60 จุด หรือ +0.77% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,672.63 จุด เพิ่มขึ้น 9.21 จุด หรือ +0.35%
# ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐว่าจะตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านหรือไม่
+/- ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 70.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. 2557 และสัญญานํ้ามันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 76.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
# เนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐอาจคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ ขณะที่นักลงทุนจับตาท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์แห่งสหรัฐว่าจะตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านหรือไม่
# หลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมัน ปิโตรเคมี และโรงกลั่นน้ำมันที่ได้รับผล sentiment ด้านบวกเมื่อน้ำมันปรับขึ้นคือ PTT, PTTEP, PTTGC, TOP, ESSO, IRPC, BCP, SPRC แต่กลับเป็นลบกับหลักทรัพย์ที่อิงน้ำมันเป็นวัตถุดิบเช่น TASCO, EPG และเป็นลบกับหลักทรัพย์ขนส่งที่ใช้น้ำมันเป็นต้นทุนเช่น AAV, BA, THAI และ NOK
+ ภาวะตลาดทองคำ : ปรับลง หันไปเก็งกำไรดอลลาร์แทน
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 60 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 1,314.10 ดอลลาร์/ออนซ์
# ทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังได้ลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นต่อเนื่องเมื่อคืนนี้
+/- ทรัมป์อาจตัดสินใจเรื่องคว่ำบาตรอิหร่านวันนี้ เร็วกว่าเส้นตาย
# แม้ปธน.ทรัมป์มีเวลาจนถึงวันที่ 12 พ.ค.นี้ แต่ทรัมป์ได้ทวีตข้อความล่าสุดว่า เขาจะประกาศการตัดสินใจเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยหากปธน.ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว ก็จะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ ซึ่งจะทำให้อิหร่านไม่สามารถส่งออกน้ำมันสู่ตลาด และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นต่อไปอีก
-ดัชนีความเชื่อมั่นในการซื้อบ้าน ปรับตัวขึ้น
# ดัชนีความเชื่อมั่นในการซื้อบ้าน (Home Purchase Sentiment Index) หรือ HPSI ของแฟนนี เม ดีดตัวขึ้น 3.4 จุด สู่ระดับ 91.7 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบรายเดือน และปรับตัวขึ้น 5.0 จุด เมื่อเทียบรายปี
# ผลการสำรวจของสมาคมการจำนองแห่งชาติของรัฐบาลกลางสหรัฐ (แฟนนี เม) ระบุว่า ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อตลาดที่อยู่อาศัยสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. แม้ว่าเผชิญกับสต็อกบ้านในตลาดที่อยู่ในระดับต่ำ, ราคาบ้านที่พุ่งสูง และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยที่ดีดตัวขึ้น
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้
# ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นหลักทรัพย์
+/• แบงก์เอกชน-บจ.มีลุ้น กกบ.ส่งซิกเลื่อน IFRS9
# แบงก์-บจ.มีลุ้น คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) ส่งสัญญาณเลื่อนใช้ IFRS9 นัดประชุมใหญ่เดือน พ.ค.นี้ ก่อนสรุป หลัง คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ยื่นข้อเสนอมาให้เลื่อนใช้ทั้งระบบไปปี 65 ขณะที่คลัง อยากให้เลื่อนเช่นกัน เพราะหวั่นกระทบต่อเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพเข้าถึงสินเชื่อได้ยาก (ข่าวหุ้น)
# ปัจจุบันสถาบันการเงินทยอยมีการตั้งสำรองฯ ไปก่อน หลังจากรับทราบว่า IFRS9 จะเริ่มบังคับใช้ 1 ม.ค.62 แต่ก็ยังมีความไม่แน่ชัดว่าจะตั้งไปเท่าใด แต่หากข่าวข้างต้นเป็นจริงก็อาจจะช่วยลดแรงกดดันด้านผลการดำเนินงานที่ไม่ต้องตั้งสำรองมากและเร็ว ทั้งนี้ต้องติดตามท่าทีของธนาคารแห่งประเทศไทยว่าจะมีความเห็นอย่างไร
# จากข่าวนี้คาดว่าจะเป็น sentiment ด้านบวกกับหลักทรัพย์กลุ่มธนาคารได้บ้าง หลังก่อนหน้าปรับลง เพราะกังวลรายได้ที่ไม่ใช้ดอกเบี้ยลดลงหนัก หลังไม่เก็บค่าธรรมเนียมธุรกรรมผ่านการใช้ App หลักทรัพย์ที่แนะนำ ซื้อ คือ BBL, KBANK และ TMB
+/• กลุ่มสื่อสาร: มีประกาศราชกิจจานุเบกษาหลักเกณฑ์การใช้คลื่นความถี่ ส่งสัญญาณเปิดประมูล
# ราชกิจจานุเบกษา ลงเผยแพร่ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคม ย่าน 1740-1785/1835-1880 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) (Aspen)
# ผลกระทบ: แสดงว่ามีความคืบหน้าที่จะเปิดประมูลคลื่นความถี่ 1.8 .6 แล้ว และดำเนินการโดย กสทช.ชุดรักษาการจากก่อนหน้าที่การคัดสรรบอร์ดชุดใหม่ไม่สำเร็จ ทางฝ่ายวิจัยฯคาดว่าจะเป็นประมาณ ต้น ส.ค.61 ทันก่อนที่ DTAC จะหมดอายุ ก.ย.61 การเปิดประมูลสำเร็จ ถือเป็นการปลดล็อคกลุ่มสื่อสารให้เดินหน้าต่อไปได้ ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ทั้ง ADVANC ราคาพื้นฐาน 218.00 บาท และ DTAC ราคาพื้นฐาน 56.00 บาท ด้าน TRUE ไม่ได้ทำการวิเคราะห์ แต่มีการเก็งกำไรเรื่องบันทึกกำไรก้อนใหญ่จากการขายสินทรัพย์เข้าสู่ DIF ในช่วง 2Q61 และมีโอกาสจ่ายปันผลได้สูงขึ้น
+ บาทอ่อนค่า กลุ่มส่งออกได้รับประโยชน์ สำหรับอิเล็กทรอนิกส์ เลือก HANA
# สถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าเทียบกับดอลลาร์ในงวด 1Q61 ในอัตรา 4.2% ส่งผลลบต่อกลุ่มส่งออก ทั้งทางด้านรายได้ในสกุลบาทที่ลดลง และอัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนลง แต่ QTD ในงวด 2Q61 เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงในอัตรา 2.1% คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
# สำหรับ DELTA และ SVI ยังเผชิญกับปัญหาวัตถุดิบขาดแคลน (Shortage of Raw Material) และ KCE มีปัจจัยลบจากต้นทุนหลักคือ วัตถุดิบทองแดงนั้นสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น HANA จึงเป็นตัวเลือกที่ดี ซึ่งยังไม่พบปัญหาที่กล่าวไว้ทั้งสองประการ
# แม้คาดกำไร 1Q61 ของ HANA ลดลง YoY แต่ก็คาดว่าจะฟื้นตัวจาก q-o-q โดยคาดการณ์ Core profit (ไม่รวมรายการพิเศษ) ไว้ที่ 423 ล้านบาท (-32%YoY, +38%QoQ) และแนวโน้มจะดีขึ้น หลังเงินบาทเริ่มอ่อนตัวลง QTD ซึ่งทำให้อัตรากำไรขั้นต้นจะขยับขึ้นได้ เราประมาณการ GPM ทั้งปี 61 ไว้ที่ 13.5% แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 40 บาท ทั้งนี้เห็นว่า ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน 35.50 บาทมี Valuation ที่จูงใจแล้ว โดยซื้อขายที่ P/E ปี 61 ที่ 13.3 เท่า ฐานะเป็นเงินสดสุทธิและคาดว่าให้ Dividend yield สูงที่ 5.6% ส่วนคำแนะนำของ DELTA และ KCE คือ ถือ และ SVI เป็นเต็มมูลค่า (Fully Valued)
-FLOYD: ติด Trading Alert เริ่มใช้ Cash Balance วันนี้หรือ 8 พ.ค.61 วันแรก
# วานนี้ตลาดฯประกาศให้ FLOYD ติด Trading Alert ใช้ Cash Balance วันนี้หรือ 8 พ.ค.61-28 พ.ค.61 ขณะที่บริษัทแจ้งว่าไม่มีพัฒนาการใดๆที่สำคัญกับบริษัท
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO8516